15 ความลับที่ถูกเปิดเผย
สองเดือนต่อมา
แสงแดดยามเช้าสาดส่องไร่องุ่นอันเขียวขจี อัญชลิดากำลังเดินตรวจงาน พร้อมกับเพื่อนของเธอ ผู้จัดการสาวเดินไปตามแปลงของต้นองุ่นอย่างคล่องแคล่ว สายตาจับจ้องไปที่ผลองุ่นแต่ละพวงอย่างละเอียดถี่ถ้วน
เธอเดินไปพร้อมบอกกับคนงานถึงวิธีการดูแลต้นองุ่น ธีรภัทรเดินตามหลังอัญชลิดามาติดๆ เขามองดูเธอทำงานด้วยความชื่นชม
“อัญเก่งขึ้นเยอะเลยนะ” ธีรภัทรอดไม่ได้จนต้องเอ่ยปากชมเพื่อน
“ไม่น่าเชื่อว่าเธอจะมาเป็นผู้จัดการไร่ใหญ่ ๆ แบบนี้ได้” อัญชลิดายิ้ม เธอรู้สึกดีใจที่อย่างน้อยเพื่อนก็เห็นความพยายามของเธอ ไม่เหมือนกับใครบางคน
“ขอบคุณนะธีร์”
“ฉันก็ไม่คิดเหมือนกัน” ตอนแรกอัญชลิดาก็ไม่คิดหรอกว่าเธอเองจะสามารถรับผิดชอบงานพวกนี้ได้ทั้งหมด แต่เพราะเธอใช้ความรักเป็นตัวขับเคลื่อนมัน
“เธอทำงานได้คล่องกว่าแต่ก่อนเยอะเลยนะ” ธีรภัทรกล่าวชมต่อไป
“ดูเธอทะมัดทะแมงมาก ไม่เก้ ๆ กัง ๆ เหมือนที่ฉันเจอตอนแรก ๆ” อัญชลิดาหัวเราะเบาๆ
“ฉันก็ต้องทำงานให้ดีที่สุดสิ เดี๋ยวเค้าก็ไม่จ้างหรอก”
“ฉันว่าพ่อเลี้ยงต้องภูมิใจในตัวเธออยู่แล้ว” อัญชลิดายิ้มบาง ๆ เพราะเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับพ่อเลี้ยงที่จบลงตั้งแต่คืนนั้น มันก็ไม่มีอะไรคืบหน้าอีกเลย
“ไปแปลงโน่นกันต่อเถอะ เดี๋ยวจะได้พักเที่ยง” อัญชลิดารีบสลัดความคิดในหัวออกไป
“โอเคเพื่อน” ธีรภัทรหันมาตอบ ก่อนจะเดินมาอัญชลิดาไป
ช่วงพักเที่ยงอารมณ์ของภาคินัยก็ปะทุขึ้นราวกับภูเขาไฟที่กำลังจะระเบิด ความหึงหวงกัดกินหัวใจของเขาจนแทบคลั่ง ภาพของอัญชลิดาหัวเราะและพูดคุยกันกับธีรภัทรอย่างสนิทสนมวนเวียนอยู่ในหัวของเขาไม่หยุด
ภาคินัยพยายามที่จะควบคุมตัวเอง แต่ความรู้สึกนั้นมันรุนแรงเกินกว่าจะต้านทานได้ เขารู้สึกเหมือนถูกหักหลัง เหมือนถูกทรยศ จนความรักที่เขามีให้อัญชลิดาแปรเปลี่ยนไปเป็นความโกรธและความเจ็บปวด ช่วงบ่ายเขาเดินไปเดินมาเข้าไปในห้องทำงานอย่างกระวนกระวาย
หลายวันต่อมาอัญชลิดากำลังเดินตรวจงานอยู่ ธีรภัทรเพื่อนสนิทสมัยเรียนมหาวิทยาลัย ก็แวะมาหาเธออีก ช่วงหลัง ๆ ธีรภัทรต้องมาวิจัยพันธ์องุ่นที่นี่และได้ขออนุญาตกับพ่อเลี้ยงแล้ว จึงอาสาช่วยเธอทำงานไปในตัว ภาคินัยไม่รู้มาก่อนว่าสองคนนี้เป็นเพื่อนกัน ผู้จัดการสาวเดินคุยกับเพื่อนของเธออย่างสนุกสนาน ธีรภัทรหยุดเดิน และมองไปรอบๆ ไร่องุ่น ก่อนจะเอ่ยทักทายกับภาคินัย ที่ยืนอยู่ข้างหลัง เขาตกใจเล็กน้อย
“สวัสดีครับพี่ภีม” เขาเอ่ยทักทายพ่อเลี้ยงหนุ่มพร้อมกับยกมือไหว้ด้วยความเคารพ ภาคินัยรับไหว้ ก่อนจะรีบขับรถ ATV ออกไปอย่างรวดเร็ว อัญชลิดาหันไปมองเขาด้วยความสงสัย
“ฉันเคยมาที่นี่เมื่อหลายปีก่อน” ธีรภัทรหันมาคุณกับเพื่อนต่อ
“ธีร์เคยมาที่นี่เหรอ” เธอถาม
“ใช่สิ ฉันเคยมาฝึกงานที่นี่ สงสัยฉันจะลืมเล่าให้เธอฟังน่ะ” ธีรภัทรตอบ
“เมื่อก่อนคุณเนตรดาวเค้าเป็นผู้จัดการไร่ แต่เธอเสียไปเมื่อสองเดือนก่อน จำได้ตอนนั้นอาจารย์พาฉันมางานศพด้วยนะ” เขาหยุดพูด และมองไปทางบ้านพักของเนตรดาวก่อนจะทำท่าขนลุก
“ก็บ้านพักที่เธออยู่นั่นแหละ เคยเป็นบ้านพักคุณเนตรดาวมาก่อน”
“คุณเนตรดาวเป็นน้องสาวของพ่อเลี้ยง ทำไมต้องอยู่บ้านพักคนงานด้วยล่ะ” อัญชลิดาถาม
“ใช่ที่ไหนกัน คุณเนตรดาวน่ะเป็นเมียของพ่อเลี้ยง”
“จริงเหรอ!!” อัญชลิดาตกใจ เธอไม่เคยรู้มาก่อนว่าเนตรดาวคือภรรยาของภาคินัย
“ธีร์!!!..รู้จักคุณเนตรดาวมานานหรือยัง” เธอถาม หลังจากเงียบไปสักพัก
“ก็รู้สิ ฉันฝึกงานกับเค้าน่ะ แกนี่ถามแปลก ๆ” อัญชลิดาเก็บความสงสัยเอาไว้ในใจ
ช่วงพักเที่ยงพอธีรภัทรกลับไปอัญชลิดาก็กลับมาทรุดตัวนั่งอยู่บนโซฟาหน้าบ้านพัก เธอคิดถึงเรื่องที่ธีรภัทรเล่าให้ฟัง เธอไม่เชื่อเลยว่าภาคินัยจะเป็นสามีของเนตรดาว แบบนั้นเขาก็คงต้องแค้นพี่ชายของเธอแน่ ๆ
20.00 น.
แสงไฟสลัวจากโคมไฟตั้งโต๊ะสาดส่องใบหน้าเคร่งขรึมของภาคินัย เขากำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน มือหนาถือโทรศัพท์เครื่องหนึ่งเอาไว้ในมือ มันคือโทรศัพท์ของรณพีร์ที่เขาขอซื้อมาจากอัญชลิดา
ภาคินัยพยายามเปิดเครื่องอยู่หลายครั้ง แต่หน้าจอกลับปรากฏข้อความให้ใส่รหัสผ่าน
“รหัสอะไรกันแน่วะเนี่ย!!!” ภาคินัยพึมพำกับตัวเอง เขาพยายามกดรหัสต่างๆ ที่เขาคิดว่าน่าจะเป็นไปได้ ไม่ว่าจะเป็นวันเกิดของเนตรดาว หรือว่าวันเกิดของอัญชลิดา แต่ก็ไม่สำเร็จสักครั้ง
พ่อเลี้ยงหนุ่มถอนหายใจอย่างหงุดหงิด ก่อนจะวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะอย่างรุนแรง เขาคิดถึงอัญชลิดาขึ้นมาทันที เธออาจจะรู้รหัสผ่านนี้ก็ได้ แต่เขาจะถามเธออย่างไรดี โดยไม่ให้เธอสงสัย
พ่อเลี้ยงหนุ่มครุ่นคิด ถ้าเขาถามเธอตรงๆ เธออาจจะสงสัยว่าเขามีแผนอะไรอยู่ก็ได้ แต่ถ้าไม่ถาม เขาก็ไม่มีทางรู้ความจริง มันจะมีทางอื่นที่ดีกว่านี้สิ!
หลังจากครุ่นคิดอยู่นานภาคินัยก็ตัดสินใจที่จะลองเสี่ยงดู เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้ง และเดินออกจากห้องทำงานไป
บ้านพักของผู้จัดการไร่
อัญชลิดากำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่บนโซฟาในบ้านพัก เมื่อเห็นภาคินัยเดินเข้ามา เธอก็เงยหน้าขึ้นมองเขา
“พี่ภีมมีอะไรหรือเปล่าคะ” เธอถาม ภาคินัยเดินเข้าไปนั่งข้างๆ เธอ และยื่นโทรศัพท์ของรณพีร์ให้
“น้องอัญพอจะรู้รหัสผ่านโทรศัพท์เครื่องนี้ไหม” เขาถาม อัญชลิดามองโทรศัพท์ด้วยความสงสัย
“เครื่องของพี่พีร์ พี่ภีมยังเก็บไว้อีกเหรอคะ ไหนบอกว่าจะเอาไปให้คนงานไงคะ” เธอเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“พี่ก็กำลังจะเอาไปให้นั่นแหละ แต่ว่ามันติดรหัสผ่านไง” ภาคินัยตอบ
“พี่อยากรู้ว่าน้องอัญพอจะรู้มีรหัสผ่านไหม” อัญชลิดาเงียบไป เธอไม่รู้ว่าเธอควรจะบอกเขาดีหรือเปล่า ความจริงถ้าจะเอาโทรศัพท์ให้คนงาน เขาก็ควรจะให้ตั้งแต่แรกแล้วสิ ไม่ใช่ปล่อยเวลามาตั้งหลายเดือนแบบนี้ คิดได้เช่นนั้นเธอก็รีบบอกพ่อเลี้ยงหนุ่ม เธอรู้ว่าในนั้นมีความลับของพี่ชายกับแฟนสาวที่ชื่อเนตรดาว
“อัญไม่รู้ค่ะ” เธอตอบเสียงแผ่วเบา ภาคินัยมองอัญชลิดาด้วยสายตาที่แฝงไปด้วยความสงสัย เขาครุ่นคิดถึงความเป็นไปได้ที่เธอจะมีส่วนรู้เห็นในการข่มขู่รีดเงินของพี่ชายเธอ เพราะถึงแม้ว่าภายนอกเธอจะดูใสซื่อบริสุทธิ์ แต่เขาก็ไม่อาจละเลยความเป็นไปได้ที่เธออาจจะพยายามปกปิดความลับบางอย่างไว้ เพื่อที่จะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเธอ ภาคินัยจึงจำเป็นต้องเข้ามือถือเครื่องนี้ให้จงได้
“พี่พีร์ไม่เคยบอกรหัสผ่านเครื่องนี้ให้ใครรู้เลยค่ะ” ภาคินัยมองเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความระแวงสงสัย เขาเชื่อว่าเธออาจจะรู้รหัสผ่าน แต่เธอไม่อยากบอกเขา
พ่อเลี้ยงหนุ่มเดินออกจากบ้านพักของเธอไป ความรู้สึกสงสัยและผิดหวังปะปนกันจนเขาแทบคลั่ง เขาไม่เข้าใจว่าทำไมอัญชลิดาถึงปิดบังเขา หรือว่า...เธอจะรู้ความลับของเขาแล้ว!
