บท
ตั้งค่า

12 เงาแค้นซ่อนรัก

ไร่องุ่นภาคิน วัลเล่ย์ ไวเนอรี่

เมื่อรถยนต์คันหรูเลี้ยวผ่านประตูทางเข้าไร่องุ่นที่มีป้ายตัวใหญ่ติดเอาไว้ อัญชลิดางงกับชื่อของไร่เล็กน้อย แต่ก็ยังไม่มีโอกาสได้ถามพ่อเลี้ยงหนุ่ม เพราะมัวแต่ตกตะลึงในความงดงามที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า ทิวทัศน์ของไร่องุ่นที่ทอดตัวยาวสุดลูกหูลูกตา ต้นองุ่นเขียวขจีเรียงรายเป็นทิวแถวอย่างเป็นระเบียบ ท่ามกลางฉากหลังของภูเขาที่สูงตระหง่าน

ภาคินัยพาเธอมาบ้านพักในไร่องุ่น มีร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ให้ความร่มรื่น บ้านนี้ให้อารมณ์คล้ายกับรีสอร์ตตี มองเห็นวิวได้อย่างสวยงาม ข้างหน้ามีสวนหย่อมเล็ก ๆ ถูกจัดได้อย่างสวยงามลงตัว เมื่อรถจอดสนิทหน้าบ้าน อัญชลิดาลงจากรถด้วยความตื่นเต้น เธอไม่รู้เลยว่าไร่องุ่นแห่งนี้จะกลายเป็นเวทีของความลับและความเจ็บปวดสำหรับเธอเลยแม้แต่น้อย ภาคินัยพาเธอเอากระเป๋าไปเก็บ จากนั้นก็พาเธอไปทานอาหารกลางวัน

แสงแดดยามบ่ายสาดส่องลงมาจนร้อนอบอ้าว อาคารโรงบ่มไวน์สีขาวสะอาดตั้งตระหง่านอยู่บนเนินเขา มองเห็นทัศนียภาพโดยรอบได้อย่างชัดเจน บริเวณโดยรอบตกแต่งด้วยสวนดอกไม้นานาพันธุ์ สีสันสดใสตัดกับสีเขียวของใบองุ่น สร้างบรรยากาศที่สวยงามและผ่อนคลาย เขาคงไม่ให้เธอเดินสำรวจไร่ในเวลาที่ร้อนเช่นนี้หรอกนะ!

“ที่นี่สวยมากเลยค่ะ” อัญชลิดาเอ่ยด้วยความชื่นชม เมื่อมองไปรอบ

“ไม่เคยคิดเลยว่าไร่องุ่นของพี่ภีมจะสวยขนาดนี้” ภาคินัยยิ้มขึ้นอย่างเจ้าเล่ห์

“แล้วน้องอัญเริ่มชอบที่นี่บ้างหรือยังครับ”

“ชอบค่ะ แต่ปกติทางเหนือเค้าไม่ค่อยนิยมปลุกองุ่นกัน แต่ดู ๆ ที่ไร่ของพี่ก็ทำได้ดีเลย หัวใจหลักของการปลูกองุ่นของพี่คืออะไรเหรอคะ” เธอถามเสร็จ เขาพาเธอเดินชมไร่ทันที อัญชลิดารีบหยิบหมวกที่เตรียมมาใส่หัวแล้วตามออกไป

“ภาคเหนือมีข้อจำกัดในการปลูกองุ่นก็จริงอยู่ แต่ที่ไร่ของพี่มีเคล็ดลับเกี่ยวกับการการจัดการความชื้นครับ” ภาคินัยอธิบาย

“ไร่ของพี่จะเน้นให้ความสำคัญเกี่ยวกับการระบายอากาศในแปลงปลูก เพื่อลดความชื้นสะสมครับ” ระหว่างพาเดินชมภาคินัยก็อธิบายไปเรื่อย ๆ

“แล้วการเลือกพันธุ์องุ่นที่ทนทานต่อโรคราน้ำค้างก็เป็นสิ่งสำคัญนะ อันนี้พี่อยากให้น้องอัญเรียนรู้เอาไว้” ภาคินัยเริ่มต้นสอนงานเธอไปในตัวระหว่างพาเดินชมต้นองุ่น

“ส่วนช่วงฤดูฝนทางไร่จะมีการวางแผนการปลูกและการเก็บเกี่ยวให้สอดคล้องกัน เพื่อลดความเสียหายจากฝน” อากาศเริ่มร้อน นี่เขากะจะให้เดินจนทั่วไร่เลยหรือไง หญิงสาวถอดหมวกสานมาพัดบริเวณลำคอ ระหว่างหลบแดด

“ที่ไร่จะมีการระบายน้ำที่เป็นระบบเพื่อช่วยป้องกันปัญหาน้ำท่วมขังในช่วงหน้าฝน” เขาพาอัญชลิดาเดินชมไร่องุ่นไปเรื่อยๆ อธิบายถึงพันธุ์องุ่นต่างๆ

“การเลือกพันธุ์องุ่นก็สำคัญ เพราะต้องเลือกให้เหมาะสมกับสภาพอากาศของที่นี่ เมื่อก่อนคุณพ่อพี่จะปรับปรุงพันธุ์อย่างต่อเนื่องโดยการใช้เทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการจัดการแปลงปลูก เช่นพวกระบบน้ำหยด ระบบควบคุมอุณหภูมิและความชื้น การใช้สารชีวภัณฑ์เพื่อป้องกันศัตรูพืชและโรค รวมไปถึงการดูแลเอาใจใส่และการตัดแต่งกิ่งเพื่อให้ได้รับแสงแดดที่เพียงพอ”

“คุณพ่อพี่ ถ้าให้อัญเดาก็น่าจะชื่อภาคินตามชื่อไร่เลยมั้ยคะ” เธอตั้งใจถามในสิ่งที่กำลังสงสัย

“ครับ แต่น้องอัญคงไม่ได้เจอพ่อพี่แล้วล่ะ เพราะท่านเสียไปแล้ว”

“อัญเสียใจด้วยนะคะพี่ภีม”

“การให้ปุ๋ยที่เหมาะสมกับช่วงอายุขององุ่นก็สำคัญนะ เพราะมันเป็นหัวใจหลักของการปลูกองุ่น ช่วงแรก ๆ พี่อาจจะให้ความรู้ทางวิชาการกับน้องอัญไปก่อนนะครับ ส่วนประสบการณ์จริงคนงานที่ไร่จะเป็นคนสอนเพราะพี่ได้บอกกับหัวหน้าคนงานเอาไว้แล้ว น้องอัญสอบถามวิธีพวกนั้นจากนายชิดได้เลย เค้าเป็นหัวหน้าคนงานที่นี่”

ภาคินัยกระตุกยิ้ม ก่อนจะพาอัญชลิดาที่เดินตากแดดมาเกือบชั่วโมง เข้าไปหลบแดดที่โรงเก็บไวน์ และอธิบายถึงกรรมวิธีการผลิตไวน์ต่อจากนั้น อัญชลิดาฟังอย่างตั้งใจและถามคำถามต่างๆ มากมาย เธอรู้สึกประทับใจในความรู้และความเชี่ยวชาญของภาคินัย

“พี่ภีมเก่งจังเลยนะคะ” อัญชลิดากล่าว

“อัญไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าการทำไวน์มันจะยุ่งยากและซับซ้อนขนาดนี้”

“น้องอัญอยากลองชิมดูมั้ย” เขาหยิบขวดไวน์มาหนึ่งขวดแล้วเอ่ยขึ้น

“ลองก็ได้ค่ะ” อัญชลิดาตอบเขาก่อนจะยิ้มหวานส่งให้พ่อเลี้ยงหนุ่ม เพราะเธอก็ชื่นชอบรสชาติของไวน์อยู่ไม่น้อย ก่อนที่ชายหนุ่มจะรินไวน์ใส่แก้วแล้วยื่นให้เธอ

“แต่ระวังจะติดใจเสียก่อนล่ะ เพราะพี่อาจไม่ได้มีให้ดื่มแบบนี้ทุกวัน” ภาคินัยหัวเราะเบาๆ

“ถ้าอย่างนั้น พี่คงต้องล็อกห้องเก็บไวน์ไว้ให้แน่นหนาแล้วล่ะค่ะ เพราะมันอร่อยมาก” เธอเอ่ยชมรสชาติของไวน์ หลังจากได้ลิ้มลอง พอแดดร่มลมตก ภาคินัยก็พาเธอมาขับรถ AVT ชมไร่องุ่น จนกระทั่งพระอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้า ภาคินัยพาอัญชลิดาไปยังจุดชมวิวบนเนินเขา มองเห็นทัศนียภาพของไร่องุ่นที่ส่องสว่างด้วยแสงไฟแต่ละจุด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นไฟจากโซล่าเซลล์

“วิวยามค่ำของที่นี่ก็สวยไม่แพ้ตอนกลางวันเลยนะคะ” อัญชลิดากล่าว

“อัญรู้สึกเหมือนอยู่ในฝันเลย” ภาคินัยมองอัญชลิดาด้วยสายตาที่แฝงไปด้วยความสงสัย เขาครุ่นคิดถึงความเป็นไปได้ที่เธอจะมีส่วนรู้เห็นกับพี่ชายในการข่มขู่รีดเงินจากเนตรดาว เพราะถึงแม้ว่าภายนอกของอัญชลิดาจะดูใสซื่อบริสุทธิ์ แต่เขาก็ไม่อาจละเลยความเป็นไปได้ที่เธอจะซ่อนความลับบางอย่าง และเพื่อที่จะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเธอ ภาคินัยจำเป็นต้องใช้เงินมาช่วยในการทดสอบ เขาจะสร้างสถานการณ์ที่ทำให้อัญชลิดาเผยธาตุแท้ออกมาให้จงได้

“น้องอัญไม่ได้ฝันไปหรอกครับ” เขาเอื้อมมือไปจับมือของเธอ

“เพราะทุกอย่างคือความจริง” ไร่องุ่นกว้างใหญ่สวยงาม แต่ก็แฝงไปด้วยความเงียบสงบ ที่แอบแฝงไปด้วยความลัับและความเจ็บปวด

ภาคินัยพาเธอทัวร์รอบๆ ไร่ด้วยกว้างจนพระอาทิตย์ตกดิน เขาสูง หล่อ ดูดีอบอุ่น แต่บางครั้งแววตาของเขากลับแฝงไปด้วยความลึกลับที่ทำให้เธอรู้สึกหวั่นๆ ระหว่างที่ภาคินัยพาเธอกลับที่พัก สิ่งที่เธอสัมผัสได้คือความเงียบความว่างเปล่า ที่อยู่เบื้องหลังรอยยิ้มของเขา มันเหมือนกับว่าเขาพยายามจะปกปิดอะไรบางอย่าง อัญชลิดารู้สึกได้ว่าการทำงานที่นี่ อาจไม่ได้ง่ายอย่างที่เธอคิด แต่เธอก็พร้อมที่จะเผชิญกับมัน ไม่ว่ามันจะเป็นอย่างไร อย่างน้อยตอนนี้เธอคิดเพียงแค่ว่าเธอได้งานทำแล้ว และนั่นก็คือสิ่งสำคัญที่สุดในขณะนี้

ภาคินัยผู้แฝงเร้นแผนการแก้แค้น กำลังเฝ้ามอง และประเมินเหยื่อของตัวเอง อย่างเงียบๆ ...เขาจอดรถเอาไว้แล้วพาเธอเดินกลับบ้านพัก

“พี่ภีมคะ” อัญชลิดาเอ่ยขึ้น ขณะที่ทั้งสองคนเดินผ่านแปลงองุ่น

“ทำไมไร่องุ่นถึงเงียบจังเลยคะ” อัญชลิดาว่าจะถามเขาตั้งแต่ช่วงบ่ายแล้ว แต่ก็เพิ่งนึกขึ้นได้

“ช่วงนี้เป็นช่วงพักต้นองุ่นครับ” ภาคินัยตอบ

“คนงานส่วนใหญ่ก็เลยพักผ่อนกัน”

“แล้วพี่ภีมไม่พักบ้างเหรอคะ” เธอหันมาถามชายหนุ่ม

“ก็พี่มีงานต้องพาผู้จัดการไร่คนใหม่มาสำรวจต้นองุ่นนี่ครับ” ภาคินัยตอบอย่างกวน ๆ

“โดยเฉพาะ...งานที่เกี่ยวข้องกับน้องอัญ” อัญชลิดาหน้าแดงเล็กน้อย

“งานอะไรเหรอคะ”

“งานดูแลน้องอัญไงครับ” ภาคินัยตอบด้วยรอยยิ้มแห่งความเจ้าเล่ห์ ซึ่งมันแฝงไปด้วยความลึกลับ

“พี่ต้องดูแลน้องอัญให้ดีที่สุด เพราะพี่รับปากกับคุณป้าของน้องอัญแล้ว” อัญชลิดาเขินอายจนพูดไม่ออก เธอได้แต่ยิ้มตอบเขา

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel