ตอนที่2
“พี่คิณพัชเจ็บนะคะ”
อคิณลากหญิงสาวที่ขาเจ็บเข้ามาในห้องนอนแล้วจับเธอล่ามไว้กับโซ่ที่ยาวเพียงแค่ให้เธอเคลื่อนไหวอยู่ในบริเวณห้องเท่านั้น
“พี่คิณ...พี่จะทำอะไรกันแน่คะ”
พัชรินทร์มองคนตัวโตด้วยแววตาที่ตื่นกลัวด้วยสีหน้าท่าทางของอคิณตอนนี้อย่างกับเสือร้ายที่พร้อมจะขย้ำฉีกเนื้อเธอเป็นชิ้นๆ
“ฉันจะขังเธอไว้ที่นี่...เธออย่าคิดว่าจะได้เสวยสุขกับสมบัติที่จะได้ตามพินัยกรรมฉันจะทำให้เธอเหมือนตกนรกทั้งเป็นเลยคอยดู”
อคิณคว้าหมับไปที่ไหล่มนทั้งสองของพัชรินทร์แน่นแล้วบีบเต็มแรงจนสาวเจ้าหน้าเหยเกน้ำเสียงแข็งกร้าวบวกกับแววตาของอคิณทำให้พัชรินทร์รับรู้ได้เลยว่าเขาไม่หลงเหลือความเมตตาสงสารในตัวเธอแม้แต่น้อยข้างในแววตานั้นมีแต่ความเกลียดชังแสดงออกอย่างชัดเจน
“ไม่นะคะพี่คิณ...สมบัติอะไรพัชไม่อยากได้ทั้งนั้นขอแค่พัชได้ออกไปกราบศพคุณแม่สักครั้งนะคะ”
ร่างบางสั่นเท่าทั้งยกมือไหว้คนตรงหน้าน้ำตาคลอเรื่องพินัยกรรมเธอไม่เคยอยากได้เลยสักนิดและเคยตอบปฏิเสธดวงสมรเอาไว้แล้วด้วยแต่แม่เธอก็ไม่ยอมตอนนี้เธอไม่ขออะไรมากขอแค่ให้อคิณเห็นใจเธอให้เธอได้มีโอกาสไปกราบศพดวงสมรสักครั้งก่อนที่จะถึงวันเผา
“ไม่ต้องมาเสแสร้งฉันไม่เชื่ออะไรคนอย่างเธอ” พลั้กก
อคิณตวาดเสียงฝาดทั้งผลักพัชรินทร์ติดกับหัวเตียงด้วยโทสะและเดินออกไปโดยที่ไม่หันกลับมามองว่าคนที่ตัวเองผลักจะเป็นอย่างไร
“โอ้ยยย...ไม่นะคะพี่คิณปล่อยพัชไปนะคะ....พี่คิณปล่อยพัชไป..อือฮือๆๆ”
พัชรินทร์พยายามลุกขึ้นเดินกระเผลกตามร้องตะโกนเรียกอคิณจนสุดเสียงแต่ก็ไร้ผลเธอจึงได้แต่นั่งสะอื้นตัวโยนยอมรับโชคชะตาอยู่ที่มุมห้องมองดูหลังไวๆของคนใจดำที่เดินออกไปโดยไม่สนใจเสียงเรียกร้องของเธอแม้แต่น้อย
ในวันต่อมาวันนี้อิทธิกรไปเยี่ยมพัชรินทร์ที่โรงพยาบาลแต่กลับได้ข่าวมาว่าพี่ชายของเขาพาตัวพัชรินทร์กลับไปรักษาที่บ้านแล้วด้วยความเป็นห่วงจึงรีบตามพัชรินทร์ไปที่บ้านของพี่ชายแต่เมื่อไปถึงกลับไม่พบใครทำให้อิทธิกรต้องร้อนใจจนต้องบึ่งรถไปที่บริษัทของอคิณ
“พี่คิณ..หมอบอกว่าพี่เป็นคนขอให้พัชออกจากโรงพยาบาลเพื่อไปรักษาต่อที่บ้านแล้วเธออยู่ที่ไหนที่บ้านไม่เห็นมี”
อิทธิกรพุ่งพรวดเข้ามาในห้องทำงานของอคิณด้วยท่าทีร้อนใจเพราะรู้ว่าเกิดเรื่องไม่ดีกับพัชรินทร์แน่นอน
“ห่วงน้องนอกไส้ของแกขนาดนั้นเลยหรือไงกร”
อคิณเอ่ยเสียงเรียบทั้งยังสนใจกับงานในมืออยู่ไม่ละ
“พี่เอาพัชไปไว้ที่ไหนบอกผมมานะครับ”
“มันเรื่องของฉัน”
“ถ้าพี่ไม่ยอมบอกผมจะแจ้งความ”
“แกอยากให้ครอบครัวเราเป็นข่าวงั้นสิ”
อคิณเงยหน้ามองอิทธิกรด้วยสายตาแข็งกร้าว
“พี่คิณ”
อิทธิกรเริ่มเสียงแข็งและมีทีท่าขึงขังอย่างผิดวิสัยคนสุขุมเพราะเหลืออดกับพี่ชายตนที่ทำอะไรเอาแต่ใจตัวเองอยู่เสมอ
“อย่ามาขึ้นเสียงกับฉัน”
อคิณเอ่ยเสียงแข็งทั้งลุกยืนขึ้นเต็มความสูงเพราะไม่พอใจที่อิทธิกรดูจะปกป้องพัชรินทร์จนเกินไปทั้งที่พัชรินทร์เป็นฆาตกรที่ฆ่าแม่ของพวกเขา
“ผมไม่คิดเลยว่าพี่จะเป็นคนไม่มีเหตุผลขนาดนี้”
ด้วยความที่ต้องรักษาหน้าบริษัทตอนนี้อิทธิกรจึงต้องกลับไปแต่โดยดีโดยที่ทำอะไรไม่ได้เขาไม่รู้ว่าตอนนี้พัชรินทร์เป็นอย่างไรบ้างแต่ก็ภาวนาขอให้พี่ชายของเขาอย่าทำร้ายอะไรพัชรินทร์เลย
บ้านริมน้ำ
อคิณจ้างพยาบาลสาวมาดูแลพัชรินทร์เพียงคนเดียวเท่านั้นและกำชับว่าอย่าบอกใครโดยให้ค่าตอบแทนที่สูงพอจนพยาบาลสาวนั้นปิดปากเงียบสนิท
“ฉันชื่อพิมคุณคิณจ้างให้ฉันมาดูแลคุณค่ะ”
พิมพรรณพยาบาลสาววัย26ที่อคิณตกลงจ้างมาตั้งแต่เมื่อวานวันนี้เธอก็มาทำหน้าที่ดูแลพัชรินทร์ตามคำสั่ง
“คุณช่วยพาฉันออกไปจากที่นี่หน่อยนะคะฉันไม่ได้อยากอยู่ที่นี่แต่พี่คิณขังฉันเอาไว้”
พัชรินทร์เอ่ยกับพยาบาลตรงหน้าน้ำตาคลอเธอพยายามให้อีกฝ่ายเห็นใจเพื่อที่เธอจะได้หนีออกไปจากที่นี่
“ฉันเป็นแค่คนที่รับงานนี้มาแล้วก็ดูแลคุณตามหน้าที่เท่านั้นเรื่องอื่นฉันช่วยคุณไมได้จริงๆค่ะ”
แม้พิมพรรณจะรู้สึกเห็นใจพัชรินทร์อยู่บ้างแต่เธอได้ทำข้อตกลงกับอคินเอาไว้แล้วหากเธอช่วยหญิงสาวเท่ากับเธอผิดสัญญาและเธอก็รู้ดีว่าหากเธอทรยศคนอย่างอคิณชีวิตของเธอจะต้องเจอกับอะไร
“ช่วยฉันหน่อยนะคะ”
พัชรินทร์ยกมือไหว้พิมพรรณด้วยอาการเหนื่อยอ่อน
“คุณอย่าทำให้ฉันลำบากใจเลยนะคะถ้าฉันช่วยคุณฉันก็ไม่รู้ว่าชีวิตของฉันจะเจอกับอะไรบ้าง”
พิมพรรณเอ่ยด้วยสีหน้าลำบากใจ
“อึก..ฮือๆๆๆ..”
พัชรินทร์ปวดหัวใจที่สุดในตอนนี้เพราะเธอทำอะไรไม่ได้ทำได้เพียงแค่ร้องให้ออกมาระบายความอึดอัดในใจเท่านั้นเธอไม่รู้ว่าอคิณจะปล่อยเธอไปเมื่อไรแล้วเธออยู่ที่นี่จะต้องเจออะไรบ้างทั้งความตั้งใจที่อยากจะไปกราบศพดวงสมรก็ยังดูไร้ความหวังว่าจะได้ไปอีก
ทางด้านอิทธิกรตอนนี้เขาก็มืดแปดด้านกับปัญหาที่มีอยู่ตอนนี้ปัญหาอย่างอื่นเขายังพอจัดการได้แต่ปัญหากับพี่ชายของเขานี่สิดูท่าจะจัดการยากที่สุดจึงต้องหันมาพึ่งทศพลทนายความประจำตระกูลของพ่อของเขาที่เขาทำงานด้วยกันอยู่ในตอนนี้
“ผมจะทำยังไงดีครับคุณอา”
อิทธิกรนั่งกุมขมับอยู่ตรงหน้าทศพลทนายวัยกลางคนที่ทำงานให้พ่อกับแม่ของเขาตั้งแต่ทั้งสองยังไม่แยกทางกัน
“อาว่าคงต้องรอให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ต้องรอให้ตำรวจจับคู่กรณีได้ก่อนแล้วอาว่าวันนั้นหลักฐานมันก็น่าจะมีมายืนยันเพียงพอว่าเรื่องทั้งหมดเป็นแค่อุบัติเหตุ”
ทศพลรู้ดีว่าอคิณนิสัยพอๆกับอัคนีพ่อของชายหนุ่มเขารู้ว่าอคิณยังคงเชื่อในความคิดของตัวเองวันใดที่อคิณใจเย็นลงและลดทิฐิลงบ้างวันนั้นก็จะเห็นแจ้งเองว่าเรื่องทั้งหมดมันไม่ได้เกี่ยวกับพัชรินทร์เลยแม้แต่น้อย
