บทที่5 ที่มาของคู่ปรับ
2ปีก่อน
“น้าหวา อาลีนอยากกีนอันน้าน” เด็กหญิงอริสาเอ่ยบอกวาณิชาหรือน้าหวา น้าสาววัยยี่สิบสี่ปีของเด็กหญิง วาณิชาที่อยู่ในชุดแต่งงานสีขาวแสนสวยยิ้มให้หลานสาวก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างขบขัน
“ยังกินไม่ได้ลูก น้าหวากับอาวินต้องตัดก่อนยังไม่ถึงเวลานะคะ” วาณิชาเอ่ยบอกหลานสาว ใจจริงเธอไม่อยากขัดใจแม่หลานสาวตัวจิ๋วหรอกแต่ไอ้สิ่งที่แม่หนูอยากจะทานนะมันเค้กแต่งงานของเธอกับเจ้าบ่าวนี่นา
“กะดะ น้องอาลีนม้ายกีนกดะ ไปหาเจื้อกาบจิ่งดีกว่า” เด็กน้อยเอ่ยบอกก่อนจะวิ่งไปหาเพื่อนวัยเดียวกันอย่างเด็กชายศารทูลและเด็กชายสีหราช
“หนูอาลีนได้เค้กมาม่าย” เด็กชายสีหราชเอ่ยถาม หนูน้อยอริสาส่ายหน้าไปมาก่อนจะเบะปากร้องไห้ออกมาสองเด็กชายจึงต้องช่วยกันปลอบ
“เงียบน๊า เดี๋ยวเจื้อปายอาวไห้” เด็กชายศารทูลเอ่ยบอกก่อนจะวิ่งไปหาอาหนุ่มนอกสายเลือดซึ่งเป็นเจ้าบ่าวในวันนี้ก่อนจะกระซิบบางอย่างจนอาหนุ่มหน้าซีดลงแล้วหาเค้กช็อตโกแลตก้อนใหม่มาให้แทนเค้กแต่งงานเด็กชายศารทูลรับถาดเค้กก่อนจะวิ่งออกมา นาวินหรืออาวินน้องชายบุญธรรมของบิดาเด็กชายฝาแฝดถึงกับส่ายหน้ากับความเจ้าเล่ห์ฉลาดเกินวัยของหลานชายที่หยิบยกเรื่องความเจ้าชู้ของเขาก่อนแต่งงานมาขู่ว่าจะบอกวาณิชาเพื่อแลกกับเค้ก ‘แสบจริงไอ้หลานคนนี้’
เด็กชายศารทูลถือถาดเค้กวิ่งมาหาน้องชายฝาแฝดและเด็กหญิงขี้แยแต่แล้วเรื่องไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น
โครม!
ร่างเล็กของเด็กชายสะดุดล้มในขณะที่เค้กก้อนโตลอยละลิ่วมาตกใส่ศีรษะของเด็กหญิงอริสาอย่างจัง เด็กชายศารทูลลุกขึ้นก่อนจะวิ่งมาดูตอนแรกก็อยากจะขอโทษแต่พอเห็นก็รู้สึกขำขึ้นมาจนหัวเราะเด็กหญิงตัวน้อยเสียอย่างนั้น คนถูกหัวเราะใส่มองอย่างเจ็บแค้นและอับอายสายตาแขกในงานที่มองอย่างขบขันก่อนจะหยิบเศษเค้กที่เหลือมาปาใส่เด็กชายศารทูล เด็กชายก็หายอมไม่หยิบเค้กมาป้ายแก้มขาวของเด็กหญิงอย่างโมโหเช่นกันพอเค้กที่เอามาหมดก็พากันวิ่งไปหาเค้กแต่งงานทันที กลายเป็นว่าเต้กแต่งงานของวาณิชาและนาวินก็ไม่พ้นมือทั้งคู่ กลายเป็นอาวุธที่ทำเอาเละไปทั้งคู่ก่อนที่งานจะเละไปกว่านี้พ่อและแม่ของทั้งสองฝ่ายก็มาแยกออกก่อน
“ต่อปายค้าวจาม้ายคุยกาบตัวแย้ว โป้ง!” เด็กหญิงอริสาเอ่ยบอก
“เชอะม้ายง้อหรอกก อาลีนนิสายม่ายดี” เด็กชายศารทูลเองก็ไม่ยอมอ่อนให้นับจากนั้นมาทั้งสองก็ไม่เคยคุยกันดี ๆ เลยสักครั้ง
ปัจจุบัน (สมัยเด็ก)
“นี่ ๆ มายุกลุ่วพกเยามั้ย” เด็กหญิงปริมาเอ่ยขึ้น เรียกสายตาจากเด็กชายศารทูลและเด็กหญิงอริสาที่จ้องกับราวจะกินเลือดกินเนื้อให้หันไปมอง
“มีเยาต้องไม่มีเจื่อ”
“มีเราต้องไม่มีอลินเหมือนกัน” ทั้งสองเอ่ยบอกพร้อมกันก่อนที่จะเดินออกไปคนละทาง
“เราอยู่ด้วยได้เปล่า” เด็กชายสีหราชและเด็กหญิงนลินญาเอ่ยประสานเสียงกัน
“ได้สิ แต่เยาอยากได้จ่องคงน้านด้วยจัง” เด็กหญิงแพนธีราเอ่ย
“งั้นเราจะทำให้สองคนนั้นมาอยู่กลุ่มนี้เอง” สีหราชเอ่ยบอก ก่อนที่จะล้อมวงวางแผนกันตามแบบเด็กๆ
“ทำไมเราต้องอยู่ บอกแล้วไงมีเราต้องไม่มีอลิน” เด็กชายศารทูลเอ่ยบอกน้องชาย
“ถ้าเสือไม่อยู่กลุ่มนี้เราจะฟ้องพ่อว่าเสือรังแกเรา” แฝดน้องเอ่ยบอก แฝดพี่มองอย่างชั่งใจก่อนจะพยักหน้าอย่างยอมแพ้
“เยาไม่อยู่ คานิ้งอย่าบังคับ” เด็กหญิงอริสาเอ่ยเสียงแข็ง เด็กหญิงนลินญาเบะปากก่อนจะร้องไห้ออกมา
“เยาไม่มีเพื่อน อาลีนเป็นเพื่อนคงแรก อยู่กับเยานะฮือๆๆๆๆ”
“ก็ได้ๆๆ อย่าร้องน๊า เราจาอยู่กับคานิ้ง” เด็กหญิงอริสาที่เห็นน้ำตาของเพื่อนใหม่จำต้องยอมเพื่อเห็นแก่เพื่อน
“อยู่กลุ่มเดียวกันแต่เยาต่างคนต่างอยู่” เด็กหญิงอริสาเอ่ยบอก ก่อนจะทำสัญญากับอดีตเพื่อนที่แสนจะไม่กินเส้นเพื่อเห็นแก่หนูน้อยคะนิ้งที่ไม่มีเพื่อน
นับจากนั้นมาอริสาและศารทูลก็อยู่กลุ่มเดียวกันแต่ก็ยังทะเลาะกันและตีกันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน แกล้งกันไปแกล้งกันมา ปะทะคารมกันมาตลอดจนกระทั้งจบมัธยมต้น ศารทูลและเจตรินแยกออกมาเรียนโรงเรียนนายร้อยและโรงเรียนนายเรืออากาศแต่กลุ่มแก๊งก็ยังนัดเจอกันเสมอและยังสนิทชิดเชื้อกันเหมือนเดิมและก่อนที่คนอื่น ๆ จะจบมัธยมปลายทั้งหมดก็รวมตัวกันและคิดชื่อแก๊งใหม่จากแก๊งเพื่อนตัวจิ๋ว มาเป็น Devil Dark ปีศาจแห่งความมืดจนถึงปัจจุบัน
ปัจจุบัน (ภูเก็ต)
“ไม่อยากเชื่อเลยว่าเราจะทำให้สองคนนี้อยู่ในแก๊งเดียวกันมาเกือบจะสามสิบปีแล้ว มหัศจรรย์เนอะ” อารตีเอ่ยขึ้นหลังจากทุกคนตกอยู่ในภวังค์ของอดีต คิดแล้วก็คิดถึงสมัยเด็ก ๆ ที่ได้เจอหน้ากันทุกวัน และคุยกันทุกวันแตกต่างจากปัจจุบันที่กว่าจะเจอกันทีไม่ใช่ง่าย ๆ
“นั่นสินะไม่คิดว่าฉันกับไอ้แมวปีศาจนี่จะอยู่แก๊งเดียวกันมาได้รู้สึกมหัศจรรย์จริง ๆ” อริสาเอ่ยขึ้นอย่างไม่อยากเชื่อว่าแค่เรื่องแสนอับอายครั้งนั้นจะทำให้เธอไม่ชอบขี้หน้าคนที่ครั้งนึงเคยเล่นด้วยกันได้ขนาดนี้
“มหัศจรรย์เหรอ ใช่มันมหัศจรรย์ที่สุดในจักรวาลเลย ฉันโคตรทึ่งพวกนายเลย” ศารทูลเอ่ยบอกก่อนจะมองเวลา “ไปที่เกาะเลยมั้ย หรือจะเที่ยวในตัวเมืองก่อน”
“ไปเที่ยวกันก่อนแล้วกัน อาทิตย์หน้าค่อยเข้าไปที่เกาะ ไปหาโรงแรมพักกันก่อนใครเป็นเจ้าของโรงแรมนำทางค๊า” ปริมาเอ่ยบอกก่อนจะหันไปบอกเตชินทร์
“เชิญครับคุณลูกค้า” เตชินทร์เอ่ยบอกก่อนจะนำทุกคนไปที่รถตู้ของโรงแรมที่เขาสั่งให้มารอ รอบนี้เตชินทร์จัดให้อริสาและศารทูลนั่งห่างกันที่สุดเพื่อป้องกันสงครามน้ำลายระหว่างทางการเดินทางแต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นสงครามน้ำลายข้ามหัวเพื่อน ๆ ก็ยังคงมีขึ้นเป็นระยะ
เชื่อเขาเลย คู่นี้นี่เหมือนลิ้นกับฟันจริง ๆ ยังไงก็ต้องมีกระทบกระทั่งกัน
