บทที่15 ปกปิด
ไลน์!
เสียงแจ้งเตือนจากสมาร์ทโฟนที่วางอยู่ไม่ไกลเรียกความสนใจจากคนกำลังคนไม่ตกได้ดี หญิงสาวเบิกตากว้างหลังจากได้อ่านข้อความที่พันตรีอธิปไตยหรือผู้พันอธิป พี่ชายคนเดียวส่งมา
Atip: ไปเอาเค้กวันเกิดเจ้าอินแทนพี่ที พี่ติดงาน
ตายล่ะ เธอลืมเสียสนิทเลยว่าวันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดของอินทัชหรืออินน้องชายคนเล็กผู้เป็นลูกหลงของบ้านที่อายุห่างจากพี่สาวอย่างเธอถึงสิบปีและพี่ชายอย่างอธิปไตยถึงสิบห้าปี
วันนี้เธอต้องกลับบ้าน!!!
ไลน์!
Atip : เสร็จแล้วไปรับน้องอ้อมให้พี่ด้วยนะ
Alin : ร้านน้องมีนใช่มั้ย
Atip : ใช่...โรงเรียนน้องอ้อมเลิกสามโมงครึ่ง พี่นัดรับเค้กสี่โมง มีสองชิ้น ของเจ้าอิน แล้วก็ของน้องอ้อม
Alin : OK.
“ซวยแล้ว ๆ เลี่ยงก็ไม่ได้ด้วย” ตกลงกับพี่ชายเสร็จก็ต้องมาโวยวายคนเดียวอีกรอบก่อนจะเดินคอตกเข้าไปหาอาบน้ำอาบท่าเพราะใกล้เวลาเลิกเรียนของเด็กหญิงอินทิราหรือน้องอ้อมลูกสาววัยสิบสี่ปีของอธิปไตยเข้ามาทุกขณะแล้ว
แม้จะมั่นใจว่ารูปร่างของตัวเองยังคงผอมบางไม่คล้ายคนท้องแต่อริสาก็เลือกสวมใส่เสื้อผ้าที่ตัวใหญ่ ๆ เพื่อปกปิดรูปร่างอยู่ดี อันเนื่องมาจากคุณหญิงอารีรัตน์คุณย่าของเธอที่อยู่ที่บ้านนั้นช่างสังเกต เธอกลัวว่าคุณย่าจะสังเกตและเกิดความสงสัย
ตอนนี้เธอยังไม่พร้อมให้ครอบครัวรู้เรื่องนี้จริง ๆ
บ้านที่อริสาอาศัยอยู่มาตั้งแต่เด็ก ๆ เป็นบ้านหลังใหญ่ที่ไม่ไกลจากบ้านของสองแฝดสีหราช ศารทูลนัก อยู่ในซอยเดียวกันและไปมาสะดวก จะพูดให้ถูกก็คืออยู่ตรงข้ามกันเลยเชียวล่ะ
เพราะบ้านอยู่ตรงข้ามกันนี้เองพอมีงานมีการทำเธอจึงขอย้ายมาอยู่คอนโดฯแทนที่จะอยู่บ้านเพราะไม่อยากเจอกับใครบางคน แต่ก็กลับไปนอนที่บ้านเดือนละครั้งหรือในช่วงวันหยุด
ครอบครัวของเธอเป็นครอบครัวค่อนข้างใหญ่ อยู่กันเป็นกลุ่ม บ้านใกล้เคียงกันก็จะเป็นของเครือญาติ ส่วนบ้านที่เธอเคยอยู่ก็เป็นบ้านที่พ่อได้รับสืบทอดจากคุณปู่มาอีกที ซึ่งจะถูกเครือญาติเรียกว่าบ้านใหญ่ ถือได้ว่าเป็นศูนย์รวมของตระกูล
ปัจจุบันบ้านใหญ่เป็นของคุณพ่อของเธอที่เป็นลูกชายคนโตของคุณปู่และอีกไม่นานก็จะเป็นกรรมสิทธิ์ของอธิปไตยที่เป็นลูกชายคนโต
ภายในบ้านใหญ่มีผู้อาศัยอยู่ตอนนี้ก็7คน มีคุณหญิงอารีรัตน์ผู้เป็นย่าของเธอ พลตำรวจโทอาทิตย์ผู้เป็นพ่อ คุณตันหยงผู้เป็นแม่ เด็กหญิงอินทิราหลานสาวกำพร้าแม่ อินทัชน้องชาย อธิปไตยพี่ชายที่เทียวไปเทียวมาไม่ได้อยู่ถาวรของเธอ และแก้วกานดา หลานสาวบุญธรรมของคุณหญิงอารีรัตน์ที่ท่านกำลังจับคู่ให้ลงเอยกับอินทัชแต่ก็ไม่มีวี่แววสักที
ความจริงแล้วหญิงสาวไม่ค่อยสนิทกับแก้วกานดานักเพราะตอนที่คุณหญิงอารีรัตน์พาแก้วกานดาเข้ามาในบ้านเธอก็เริ่มทำงานแล้วแต่ก็ไม่ได้มีอคติอะไรกับเด็กสาว ผิดกับอธิปไตยที่ต่อต้านและประกาศชัดว่าไม่พอใจแก้วกานดาเลยสักนิด
และเพราะอธิปไตยบอกว่าไม่ชอบใจนี้เองทำให้แก้วกานดามักจะหายตัวไปเสมอในวันที่อธิปไตยอยู่บ้าน วันนี้ก็เช่นกัน ไม่มีวี่แววแก้วกานดาแม้แต่นิดทั้งที่อธิปไตยยังไม่กลับมาเลยด้วยซ้ำ
“พี่แก้วคงกลัวปะป๊ากัดหัว” เด็กหญิงที่ใกล้จะไม่เด็กเข้าไปทุกทีอย่างอินทิราเอ่ยติดตลกเมื่อเดินตามอาสาวเข้ามาในบ้านแล้วไม่เจอแก้วกานดา
“นี่ ๆ ยัยอ้อม ปะป๊าเราน่ะไม่ใช่ยักษ์ใช่มารนะ”
“ก็มันจริงนี่คะคุณอา เวลาเจอหน้าพี่แก้วนะปะป๊าทำปั่นปึ่ง แยกเขี้ยวใส่ประจำเลย ไม่รู้เกลียดอะไรพี่แก้วนักหนา” หลานสาวพูดเสียงเบาก่อนจะชักชวนอาสาวเข้าไปในครัว ซึ่งเดาไม่ยากว่าคุณตันหยงไม่พ้นอยู่ที่นั่น
ในครัวคือที่ที่คุณตันหยงและคุณหญิงอารีรัตน์มักจะเข้าไปขลุกอยู่ในวันสำคัญ ๆ และวันนี้ก็เช่นกัน ทั้งคู่กำลังทำอาหารกันอย่างเมามัน ขณะที่เจ้าของวันเกิดอย่างอินทัชนั้นยังไม่กลับจากมหาวิทยาลัย อธิปไตยเองก็ติดงานคาดว่าจะมาช้าสักหน่อย ไม่ได้อยู่ในสิ่งไม่คาดคิด เพราะอธิปไตยมักจะติดงานเรื่อย ๆ อยู่แล้ว แต่ที่อริสาและทุกคนในบ้านไม่ได้คาดไว้ก็คือประมุขของบ้านอย่างพลตำรวจโทอาทิตย์นั่นล่ะ ทั้งที่เลิกงานมาสักพักแล้วแต่อีกฝ่ายยังกลับไม่ถึงบ้านทั้งที่ทุกครั้งที่ลูกสาวกลับบ้านจะต้องรีบบึ่งกลับมาก่อนลูกสาวจะถึงบ้านเสียอีก
ไม่รู้วันนี้คุณพ่อสุดหล่อในสายตาของอริสาไปเถลไถลที่ไหนกันป่านนี้แล้วถึงยังไม่กลับแถมยังไม่มีโทรศัพท์มาบอกอีกต่างหาก ทำเอาอริสาและผู้เป็นแม่นั่งวิตกกันไปตาม ๆ กัน
