ตอนที่ 1 ที่พักใจ 3
“เฮ้ย!” รพีกรรีบคว้ามาดู “นี่มันรอยกรีดนี่ ผมโดนล้วงกระเป๋าเหรอ?” ยังไม่แน่ใจจนต้องยกกระเป๋าเทออกมา และมันเหลือแค่ซองกระดาษทิชชูกับกระเป๋าใบเล็กที่เขาใส่ของใช้ส่วนตัวที่จำเป็นเท่านั้น
“คงงั้น” ลุงชมยืนยันด้วยสีหน้าเห็นใจ ก่อนที่แกจะเดินเข้าไปหลังเคาน์เตอร์ “ชื่อรพีกรใช่มั้ย?”
รพีกรรีบพยักหน้าอย่างใจชื้น ที่อย่างน้อยคืนนี้เขาก็มีที่นอน ดีนะที่จองห้องไว้ก่อน ส่วนเรื่องโดนล้วงกระเป๋า พรุ่งนี้ค่อยไปแจ้งความก็แล้วกัน
“ลุงนึกว่าไม่มาก็เลยเพิ่งเปิดห้องให้นักท่องเที่ยวที่เขาวอล์กอินเข้ามาน่ะ”
“อ้าว! ลุง แต่ผมจองไว้ แล้วก็ไม่ได้ยกเลิกนะครับ”
“ก็ลุงเห็นเงียบไป แล้วมันก็ดึกมากแล้ว ใครจะรู้ล่ะว่าจะมา เอาเป็นว่าลุงจะคืนเงินให้ก็แล้วกัน”
แบบนี้ก็ได้เหรอ คนที่ลุงควรจะคืนเงินคือคนที่วอล์กอินเข้ามาต่างหาก “ไม่ได้นะครับ” ก็ลุงเป็นคนบอกเองว่าห้องพักช่วงวันหยุดไม่ได้หากันง่าย ๆ แล้วดึกป่านนี้จะมีห้องที่อื่นเหลือถึงมือเขาได้อย่างไร รพีกรคิดอย่างไม่พอใจนัก
“แล้วจะให้ลุงทำยังไงล่ะ”
นั่นมันปัญหาของลุงป๊ะ เขาจองพร้อมโอนไปแล้ว เขาต้องได้ห้องสิ “ลุงก็คืนเงินคนที่เพิ่งวอล์กอินเข้ามา แล้วเอาห้องมาคืนผมไงครับ”
ลุงชมทำหน้าหนักใจ “ดึกป่านนี้แล้ว ที่อื่นก็คงไม่มีห้องว่าง แถมเขายังเป็นชาวต่างชาติ สงสารเขาน่ะ เอางี้มั้ย เอ็งลองขอเขาแชร์ห้องกันสิ ห้องนั้นมีสองเตียง พ่อหนุ่มนั่นมันก็มาคนเดียวเหมือนกัน”
ชายหนุ่มหยุดคิดอยู่ครู่หนึ่ง… เอาจริงก็เป็นทางออกที่ดีเหมือนกัน เขาได้ประหยัดค่าห้อง อย่างน้อยก็ได้เงินคืนมาไว้กินข้าวระหว่างที่จะตามหากระเป๋า แถมยังไม่ต้องนอนคนเดียวอีกด้วย ว่าแต่… “ทำไมผมต้องเป็นฝ่ายไปขอร้องเขาด้วยล่ะ ในเมื่อผมจองห้องพักก่อน”
“แต่เขามาถึงก่อนไง”
“แบบนี้ก็ได้เหรอลุง?”
“แล้วอีกอย่าง เอ็งก็มาถึงซะดึกเชียว ไม่ยอมโทรบอกด้วย”
“ผมจะมาหรือไม่มา ลุงก็ได้ตังค์ไปแล้วปะ?”
“มันก็ช่าย… แต่เอ็งจะให้ลุงทำยังไงวะ ก็ห้องมันว่างอยู่แล้วมีคนเดินเข้ามาขอพัก บอกว่าเดินหามาตั้งแต่หน้าวัดศรีคุณเมืองจนมาถึงนี่จะสุดถนนคนเดินอยู่ละ ถ้าไม่ให้ก็ใจร้ายไปแล้ว”
“เอาเถอะ ๆ” รพีกรยกมือยอมแพ้กับเหตุผลของลุงชม “เออ ผมผิดเองที่ไม่ได้โทรบอกว่าจะมาถึงดึก พอดีตกเครื่องน่ะ” เขาคิดว่านักท่องเที่ยวมาเที่ยวที่นี่เต็มที่ก็คงนอนแค่คืนสองคืนเท่านั้นแหละ “ว่าแต่… เขาพักกี่คืนอะลุง”
“เจ็ดคืน”
“หา!” ชายหนุ่มคิดว่าตัวเองอยู่ยาวแล้ว แต่ยังมีคนจะอยู่ยาวกว่าเขาอีก มิน่าลุงชมถึงรีบคว้าไว้ วันธรรมดาคงหาแขกยากละสิท่า
“เอาเป็นว่า คืนนี้เอ็งขอพักกับเขาไปก่อน พรุ่งนี้ค่อยว่ากันก็แล้วกัน”
“แล้วพรุ่งนี้ห้องอื่นว่างมั้ยอะลุง”
“เต็มทุกห้องเลยว่ะ”
รพีกรถอนหายใจอย่างหมดหวัง แต่เอาจริงเขาก็ไม่ควรหวังตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เพราะบ้านของลุงชมเป็นโฮมสเตย์เล็ก ๆ ที่มีห้องพักแค่สองห้องเท่านั้น ห้องที่เขาจองอยู่ฝั่งถนนคนเดิน ส่วนอีกห้องอยู่ฝั่งวิวแม่น้ำโขง ที่ชั้นล่างมีห้องเล็ก ๆ ซ่อนอยู่หลังเคาน์เตอร์ เขาเดาว่าคงเป็นห้องของลุงชมกับนังแมวขี้เซาสีขาวตัวนั้น ที่นี่เป็นที่พักดั้งเดิมของเชียงคาน เป็นที่เล่าขานกันในกระทู้พันทิปว่าค่าห้องหลักร้อยแต่วิวหลักล้าน โดยเฉพาะวิวด้านหลังที่ติดกับทางเดินริมโขง การที่เขาจองได้ในเวลากระชั้นชิดแบบนี้ เป็นเพราะมันหลุดจองมาจากคนรู้จักของนาวิน และเป็นจังหวะที่เขาอยากหนีความว้าวุ่นมาพักใจไกล ๆ ด้วย เขาจึงรีบคว้าไว้ แต่ไม่คิดว่าจะต้องมาเจอเรื่องวุ่นวายใจแบบนี้อีก
แต่ก็ช่างเหอะ พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน หลังตามหากระเป๋าได้ค่อยย้ายไปพักที่อื่นก็ได้ หรือไม่ผู้ชายคนนั้นก็ต้องย้ายออกไป
หลังตัดสินใจว่าจะขอแชร์ห้องกับแขกคนนั้น รพีกรก็ลากกระเป๋าเดินตามลุงชมขึ้นมาชั้นบน ลุงชมเคาะประตูสามสี่ครั้ง คนในห้องนั้นก็เปิดประตูออกกว้าง เขายืนรออยู่ห่างออกมา จึงยังไม่เห็นหน้าแขกคนนั้น เห็นแต่ลุงชมยื่นหน้าเข้าไป แล้วอธิบายว่าทำไมต้องขอแชร์ห้อง
“ไหนว่าเป็นชาวต่างชาติไง พูดภาษาไทยคล่องปร๋อเชียว” รพีกรคิดค่อนขอดหลังได้ยินเสียงแขกในห้องพักที่เขารู้สึกไม่ถูกชะตาตั้งแต่ยังไม่เห็นหน้า
หลังเจรจาอยู่พักใหญ่ชายคนนั้นก็ยอมให้รพีกรนอนด้วย ลุงชมหันมาพเยิดหน้าให้เขาลากกระเป๋าเข้าไป
“เรียบร้อย พรุ่งนี้ลุงจะคืนเงินให้ ส่วนวันต่อไปเอ็งสองคนจะแชร์ห้องกันต่อหรือแยกย้ายก็ตกลงกันเองก็แล้วกันนะ”
พูดจบลุงชมก็ตบไหล่รพีกรเบา ๆ ก่อนจะเดินลงบันไดไปพร้อมกับนังแมวสีขาวที่เดินนวยนาดตามไปห่าง ๆ เหมือนมันจะอาลัยอาวรณ์คนในห้องนั้น ตรงข้ามกับท่าทีที่เมินใส่เขาโดยสิ้นเชิง
“เข้ามาสิ”
เสียงทุ้มเอ่ยเชิญพร้อมกับบานประตูที่เปิดออกกว้างกว่าเดิม ก่อนที่เจ้าของเสียงจะยื่นหน้าออกมา
