12. เผลอไผล
“ฉันอยากเล่าค่ะ” นาราตอบ
อีริคจึงนั่งลงดังเดิมขณะที่อีกฝ่ายสูดลมหายใจลึก ๆ เพื่อทำสมาธิและรับมือกับความรู้สึกของตัวเองเมื่อต้องนึกถึงอดีตอีกครั้ง
ความเงียบวนเวียนอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่นาราจะยอมเอ่ยปากพูดออกมาในท้ายที่สุด
“เมื่อหลายปีก่อน ฉันเคยมีแฟนค่ะ เขาเป็นคนอเมริกาที่มาเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ประเทศไทย เราสองคนเจอกันในคลาสเรียนของมหาวิทยาลัยค่ะ”
“เขาชื่ออะไรเหรอครับ”
“ไอเดนค่ะ” นาราตอบ
เธอรู้สึกเจ็บขึ้นมาเมื่อต้องเอ่ยชื่อเขา เพราะใบหน้าของชายคนนั้นลอยกลับเข้ามาในความคิดของเธออีกครั้ง
“วันแรกที่เราสองคนเจอกัน ไอเดนเข้ามาบอกว่าอยากจะเป็นเพื่อนกับฉัน เพราะว่าเขาไม่มีเพื่อนชาวไทยเลย เขาหว่านล้อมและเอาใจใส่ฉันต่าง ๆ นานา ไม่นานนัก เราสองคนก็สนิทกัน”
“...”
“หลังจากเป็นเพื่อนกันแล้ว ไอเดนก็ยังเอาใจใส่ฉัน แถมมากขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ จนวันหนึ่ง เขาขอฉันคบเป็นแฟนจริงจังค่ะ”
“คุณคงตอบตกลงทันทีเลยใช่ไหม”
“เปล่าค่ะ ฉันขอเวลาเขาคิดประมาณสองสามวัน ดูเป็นผู้หญิงเล่นตัวมากเลยใช่ไหมล่ะคะ” นาราส่ายหน้าและหัวเราะออกมาสั้น ๆ พลอยทำให้อีริคเผลอยิ้มตามออกมาด้วย
“แต่ในที่สุด ฉันก็ตกลงคบกับเขาค่ะ”
“แล้วทำไมถึง...”
“เรื่องมันเกิดขึ้นเพราะไอเดนอยู่ที่ไทยครบกำหนดแล้วน่ะค่ะ” นาราชิงพูดขึ้นมาก่อนราวกับรู้ว่าอีริคกำลังจะถามอะไรต่อ
รอยยิ้มของเธอดูเศร้าลงเมื่อเล่ามาถึงตอนนี้ ร่างเล็กยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่กำลังเอ่อออกมาคลอเบ้าและสูดน้ำมูกเบา ๆ
“เขาต้องกลับไปเรียนต่อที่อเมริกาให้จบ”
“เพราะแบบนั้นก็เลยต้องเลิกกันสินะครับ”
“ไม่ใช่ค่ะ” นาราส่ายหน้า
“ก่อนกลับ ไอเดนบอกกับฉันว่าหลังจากเรียนจบแล้ว จะกลับมาขอฉันแต่งงานให้เป็นกิจจะลักษณะ และบอกให้ฉันรอเขาจนถึงวันนั้น”
“...”
“ฉันทำตามสิ่งที่เขาบอกทุกอย่าง รอเขา ไม่หวั่นไหวกับผู้ชายคนอื่น หวังว่าไอเดนจะกลับมาทำตามสัญญาที่เคยให้กับฉันไว้”
เมื่อถึงตรงนี้แล้ว นาราหยุดเล่าไปพักใหญ่ ๆ แววตาของเธอดูโศกเศร้าและเจ็บปวดมากขึ้นกว่าเดิม อีริคเห็นแบบนั้นก็ไม่อยากจะรู้เรื่องราวต่อจากนั้นแล้ว
“ผมขอโทษครับ” เขาเอ่ยขึ้น
“ผมไม่น่าขอให้คุณเล่าให้ฟังเลย”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันเป็นคนอยากเล่าให้คุณฟังเองนี่นา” นารายิ้มออกมาเพื่อกลบเกลื่อนแววตาโศกเศร้าคู่นั้น แต่มันก็ไม่สามารถปกปิดทั้งหมดได้
“หลังจากนั้นเขาก็ขาดการติดต่อไปเลยค่ะ ฉันพยายามติดต่อเขาทุกช่องทาง แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้อีกเลย” นาราเริ่มเล่าต่อเมื่อรู้สึกดีขึ้น
“ถึงอย่างนั้น ฉันก็ยังคงรอเขาอยู่เสมอ จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี จนแม่ของฉันบอกว่าให้เลิกรอเขาได้แล้ว ถ้าเขาจะกลับมา ก็คงกลับมาตั้งนานแล้ว”
“เขาไม่กลับมาเหรอครับ”
“ค่ะ” นารายิ้มและพยักหน้า ก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ จากนั้นจึงหันหน้ามามองอีริคที่ตั้งใจฟังเรื่องของเธอจนจบ แววตาของเขาก็ดูเศร้าไปกับเธอเช่นกัน เพราะแบบนั้นเธอจึงยิ้มกว้างออกมาอีกครั้ง หวังจะทำให้เขารู้สึกดีขึ้น
“ไม่เป็นไรแล้วนะคะ ตอนนี้ฉันดีขึ้นมาก ๆ แล้ว” ร่างเล็กพูดขึ้น
“เรื่องมันผ่านมาหลายปีแล้วด้วย ฉันก้าวไปข้างหน้าได้ตั้งนานแล้วค่ะ”
“ยังกลัว...” อีริคพูดแล้วหยุดไปเสี้ยววินาทีหนึ่ง
“...ความรักอยู่หรือเปล่าครับ”
“คะ?”
“โดนทำร้ายหัวใจขนาดนั้น มันทำให้คุณนารากลัวความรักไปเลยหรือเปล่าครับ”
“แรก ๆ ก็กลัวค่ะ” นารายิ้มก่อนจะมองไปที่รูปครอบครัวของตัวเองที่แขวนอยู่บนฝาผนังใกล้ ๆ กับบันได
“แต่พอได้รับความรักจากแม่กับกล้าหาญ ฉันก็รู้ว่าสิ่งที่น่ากลัวไม่ใช่ความรักค่ะ”
“...” อีริคเลิกคิ้วสูงเพราะตั้งใจฟังอยู่
“แต่เป็นผู้คนต่างหาก”
“...”
“เพราะแบบนั้น ฉันก็เลยไม่กลัวความรักค่ะ” นารายิ้มกว้างมากกว่าเดิม
เธอตั้งใจมองตาของอีริคและถ่ายทอดความรู้สึกของตัวเองในตอนนี้ให้เขาได้รับรู้ แต่อีกฝ่ายกลับยังไม่รับรู้ความรู้สึกของเธอในตอนนั้น
“คุณนาราเคยมีแฟนแค่คนเดียวเหรอครับ”
“ค่ะ” นาราพยักหน้า
“ทำไมเหรอคะ”
“แสดงว่ากล้าหาญเป็นลูกของคุณนารากับไอเดนเหรอครับ”
คำถามของอีริคทำเอานาราเผลอหลุดหัวเราะออกมา เธอนั่งขำแบบนั้นอยู่พักใหญ่ ขณะที่อีกฝ่ายได้แต่นั่งทำหน้างงงวยอยู่หลายนาที ร่างเล็กพยายามหยุดหัวเราะแต่ก็ใช้เวลาอยู่สักพักเลยทีเดียว
“ตอนนั้นฉันยังเรียนอยู่เลยค่ะ เราไม่เคยมีอะไรกันด้วยซ้ำ”
“หือ”
“กล้าหาญไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของฉันหรอกค่ะ” นาราตัดสินใจบอกความจริงกับอีริค
เพราะความรู้สึกบางอย่างบอกกับเธอว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนที่เธอสามารถไว้เนื้อเชื่อใจได้ และอีกเหตุผลเธอไม่อยากให้เขาเข้าใจเธอผิดอีกด้วย
ทั้งที่ไม่เคยเป็นแบบนี้แท้ ๆ ทำไมต้องเป็นเขาคนนี้ด้วยนะ หญิงสาวคิดในใจ
“หมายความว่าไงเหรอครับ”
“กล้าหาญเป็นลูกของพี่สาวฉันน่ะค่ะ เธอทิ้งเขาไปตั้งแต่ยังเล็ก บอกว่าจะไปทำงานที่เมืองนอกและส่งเงินกลับมาให้ แต่ก็ไปแล้วไปลับ ติดต่อไม่ได้เหมือนกัน” นาราเล่าไปสมเพชตัวเองไป
เธอกลัวว่าอีริคจะคิดแบบเดียวกันจึงได้แต่ยิ้มแห้งให้เขา ทว่าแววตาที่เขามองเธอกลับไม่เป็นแบบนั้นเลย มันเต็มไปด้วยความชื่นชมและเห็นใจที่ผู้หญิงคนหนึ่งอย่างเธอจะสามารถผ่านช่วงเวลาแบบนั้นมาได้และเติบโตมาเป็นอย่างดี
“เก่งมาก ๆ เลยนะครับ”
“คะ?” ตาสวยเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยเพราะความประหลาดใจ เธอมองหน้าชายหนุ่มอย่างทึ่ง ๆ ขณะที่อีกฝ่ายส่งยิ้มให้เธอ
ความเงียบกลับเข้ามาครอบงำทั้งสองคนอีกครั้ง มันเงียบเสียจนพวกเขาได้ยินเสียงหัวใจของตัวเอง
จนกระทั่ง...
อีริคโน้มตัวเข้าไปหานารา ความรู้สึกที่เอ่อล้นของเขาผลักดันให้ชายหนุ่มทำตามเสียงเรียกในหัวใจของตนเอง
นาราผงะไปทางด้านหลังเล็กน้อยแต่ไม่ได้ถอยหนีไปไกล ราวกับหัวใจสั่งให้เธออยู่กับที่แบบนั้น ดวงตาหยาดเยิ้มจ้องมองใบหน้าอันหล่อเหลาที่กำลังเคลื่อนเข้ามาใกล้ เธอรู้สึกเหมือนกับถูกมนต์สะกดให้ขยับตัวไปไหนไม่ได้
รู้สึกตัวอีกที ริมฝีปากบางเล็กของเธอก็สัมผัสได้ถึงความนุ่มนวลจากใครบางคน
ตาของเธอหลับลงอย่างช้า ๆ จนปิดสนิท ความรู้สึกมากมายที่ไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ท่วมท้นออกมาในห้วงเวลานั้น
กลิ่นน้ำหอมจากกายของชายหนุ่มที่แม้จะผ่านมาหนึ่งวันเต็ม ๆ แต่ยังคงกรุ่นกลิ่นกำจายอยู่รอบตัวเขา พาให้หัวใจของหญิงสาวเต้นแรงแทบไม่เป็นจังหวะ และขณะที่เธอกำลังรู้สึกเคลิบเคลิ้มไปกับจูบอันหอมหวานของอีริค อีกฝ่ายที่ลิ้มรสหวานจากริมฝีปากของเธอก็รู้สึกไม่ต่างกัน
*นารา*
ขยับตัวไม่ได้เลย
ฉันคิดในใจขณะที่คุณอิริครุกคืบเข้ามา เขาจูบฉันหนักมากขึ้นเรื่อย ๆ จนฉันรู้สึกเหมือนถูกตอกตรึงไว้กับที่
ถึงกระนั้น แม้ฉันจะสามารถผลักเขาออกไปได้และสมองก็ดูเหมือนจะเห็นด้วยกับความคิดนั้น แต่หัวใจและร่างกายของฉันกลับบอกให้ทำสิ่งตรงกันข้าม
ทั่วทั้งสรรพางค์กายสูบฉีดสารแห่งความสุขออกมา ความรู้สึกประหนึ่งไฟช็อตน้อย ๆ วิ่งพล่านไปทั่วตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า
ทำไมกันนะ
ทำไมฉันถึงได้โหยหาจูบนี้เหลือเกิน
*อีริค*
ความรู้สึกของผมในตอนนี้มันตีกันจนยุ่งเหยิงไปหมด ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมตัดสินใจจูบเธอแบบนี้
ใจหนึ่งก็กลัวว่าเธอจะผลักผมออกด้วยความรังเกียจ เพราะมือทั้งสองข้างของเธอวางนาบไปกับหน้าอกของผมคล้ายกับอยากจะให้ผมหยุดการกระทำนี้
แต่ในอีกด้านหนึ่ง เธอที่นิ่งชะงักไปราวกับวิญญาณออกจากร่างและปล่อยให้ผมดูดดื่มความหอมหวานจากริมฝีปากเรียวบางของเธออยู่แบบนั้น ก็ทำให้ผมอดคิดเข้าข้างตัวเองไม่ได้ว่าเธอนั้นมีใจให้
จากนั้นไม่นาน ผมก็รู้สึกถึงความเคลื่อนไหวของมือเล็กที่ลดต่ำลงและเลื่อนมาโอบกอดผมไว้หลวม ๆ แทน
เราสองคนปล่อยให้ใจนำพาเราไป ทุกอย่างดำเนินไปแบบนั้นอย่างยาวนานโดยไม่มีทีท่าว่าจะจบลง
ความหอมหวานของเธอทำให้ความเหนื่อยล้าทั้งใจและกายของผมหายไปโดยสิ้นเชิง
ก็เธอน่ารักขนาดนี้ ผมจะอดใจได้ยังไง
