บท
ตั้งค่า

11. แบ่งปันเรื่องราว

หนึ่งเดือนต่อมา

ชีวิตประจำวันของอีริคเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เขาได้เปลี่ยนบทบาทจากนักธุรกิจมาเป็นคนช่วยงานที่ร้านอาหารตามสั่ง

นาราเพิ่งทำราดหน้าเสร็จ เธอยื่นจานราดหน้าให้เขาพร้อมกับบอกว่าต้องไปเสิร์ฟที่โต๊ะไหน

“โต๊ะสามค่ะ”

“เข้าใจแล้วครับ” อีริคพยักหน้ารับก่อนจะรีบหยิบจานราดหน้าไปเสิร์ฟลูกค้าโต๊ะสาม หญิงสาวสามคนกำลังจ้องมองชายหนุ่มตาเป็นมัน เมื่อจานราดหน้าถูกวางลงบนโต๊ะ อีริคยิ้มกว้างอย่างเป็นมิตร เขาทำท่าจะเดินกลับไปหานารา แต่หญิงสาวคนหนึ่งก็พูดขึ้นมาก่อน

“เดี๋ยวสิคะ”

“มีอะไรเหรอครับ” อีริคตอบเป็นภาษาไทยสำเนียงไม่ค่อยแข็งแรง

“สุกี้แห้งของฉันจะได้เมื่อไหร่เหรอคะ”

“เดี๋ยวจะถามให้นะครับ”

“ไม่ต้องรีบนะคะ ฉันรอได้”

“ครับ” อีริคโค้งตัวเล็กน้อยก่อนจะเดินจากไป

ทันทีที่เขาหันหลังให้ เสียงกระซิบของสามสาวก็ดังตามหลังมา ไม่ใช่เพียงแค่สาว ๆ โต๊ะนั้น แต่ยังรวมไปถึงสาว ๆ อีกหลายคนที่มาอุดหนุนร้านของนาราอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เพราะส่วนใหญ่จะมีแต่หนุ่ม ๆ มาขายขนมจีบหญิงสาวเท่านั้น

“ดูมีอายุ แต่หล่อจังเลยอะแก”

“นั่นสิ แนวคุณพ่อผู้แสนอบอุ่นชัด ๆ เลย”

“เขามีแฟนหรือยังนะ”

“แม่ครัวคนนั้นอาจจะเป็นเมียเขาก็ได้”

“คนที่ทำกับข้าวอยู่น่ะเหรอ”

“ก็ใช่น่ะสิ”

“เสียดายจัง”

เสียงซุบซิบของหญิงสาวดังมาจนถึงหูของอีริค เขาฟังออกบ้างไม่ออกบ้างแต่ก็พอจะรู้เรื่องว่าสาว ๆ โต๊ะนั้นกำลังพูดคุยกันเรื่องอะไร เขายืนคิดอยู่แบบนั้น ก่อนที่นาราจะเรียกเขา

“คุณอีริคคะ”

“ค...ครับ”

“สุกี้แห้งโต๊ะสามค่ะ”

“ค...ครับ”

อีริครีบหยิบจานสุกี้แห้งไปเสิร์ฟที่โต๊ะเดิม เขายังคงโดนแทะโลมจากพวกเธอและรู้สึกอึดอัดไม่น้อย แต่ถึงแม้จะรู้สึกแบบนั้น ชายหนุ่มก็เลือกที่จะเงียบเพราะไม่อยากให้ที่ร้านมีปัญหา

“ฝรั่งตกอับน่ะสิ ถึงได้มาช่วยเมียทำร้านอาหารน่ะ”

เสียงของหญิงสาวจากอีกโต๊ะดังแว่วมาแต่ไกล อีริคชะงักเล็กน้อยและหันไปมองหญิงสาววัยกลางคนที่เป็นเจ้าของเสียง เมื่อเห็นอีริคหันไป เธอก็เงียบลง แต่เมื่อเขาเดินกลับไปหานารา เธอก็เริ่มนินทาชายหนุ่มขึ้นมาอีก

“คงเกาะเมียกินไปวัน ๆ น่ะแหละ”

“ฉันก็ว่างั้น” คนที่มาด้วยกันกับเธอพยักหน้าอย่างเห็นด้วย

“ผู้หญิงคงคิดว่าผู้ชายเป็นฝรั่งน่าจะรวย เลยกะจะแต่งงานด้วยนั่นแหละ แต่คงเลือกผิดน่ะสิ”

“อืม”

เคร้ง

จู่ ๆ ก็มีกะละมังพลาสติกลอยมาตกลงตรงกลางโต๊ะที่ทั้งสองคนนั่งอยู่ นภายืนจ้องมองพวกเธอตาเขม็งจนอีกฝ่ายต้องหลบสายตาและเงียบลง

“ไม่นินทาสักวันมันจะตายหรือไง พวกเธอสองคนน่ะ”

“อะไรกันพี่นภา ฉันก็แค่พูดเล่นน่า”

“พูดเล่นบ้านเธอน่ะสิ ฉันได้ยินนะ” นภาชี้หน้าผู้หญิงวัยกลางคนปากมากอย่างเอาเรื่องจนเธอต้องก้มหน้างุดมองโต๊ะ หลังจากนั้นจึงเดินมาเก็บกะละมังที่โยนมาเมื่อสักครู่และกลับเข้าไปในครัว อีริคเห็นแบบนั้นก็ถึงกับหัวเราะออกมา

“แม่คุณน่ากลัวจัง”

“เห็นแบบนั้นแต่แม่ของฉันใจดีนะคะ” นาราหัวเราะไปด้วยขณะที่ทำกับข้าวอย่างขะมักเขม้น

หลังจากที่ทำออเดอร์สุดท้ายเสร็จ เธอยื่นจานข้าวผัดหมูให้อีริคก่อนจะเงยหน้ามายิ้มให้เขา

“โต๊ะที่สามเหมือนเดิมค่ะ”

“ครับ”

อีริคพยักหน้าก่อนจะหยิบจานข้าวไปเสิร์ฟ เขาไม่วายโดนแทะโลมอีกครั้ง นาราได้แต่เฝ้ามองแผ่นหลังกว้างของอีริคและเผลอยิ้มออกมา สองมือล้วงเข้าไปในกระเป๋าของผ้ากันเปื้อน

ทว่าเมื่อนึกถึงอะไรบางอย่างขึ้นมา รอยยิ้มสวยก็หายไปในทันที แววตาเปลี่ยนเป็นความเจ็บปวดแทน เธอได้แต่มองร่างสูงคุยกับลูกค้าและเดินกลับมาหาเธอ แต่เมื่อเขามาหยุดอยู่ตรงหน้า เธอกลับไม่รู้ตัวเลยแม้แต่นิดเดียว

“คุณนาราครับ”

“ค...คะ”

“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”

“ป...เปล่าค่ะ มีอะไรเหรอคะ”

“ผมเห็นคุณยืนเหม่อน่ะ เลยคิดว่าไม่สบาย”

“ฉันแค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยน่ะค่ะ” นารายิ้ม หัวใจของเธอเต้นแรงอีกแล้ว ร่างเล็กหันหลังให้อีริคเพราะไม่อยากให้เขาเห็นอาการของเธอที่แสดงออกมาอย่างชัดเจน ขณะที่อีกฝ่ายได้แต่ยืนทำหน้าไม่เข้าใจแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา

วันนี้จบลงไปด้วยชีวิตที่แสนปกติที่ไม่ปกติของอีริค เขายังคงรู้สึกเหนื่อยกว่าที่ตัวเองคิด แม้ว่าจะทำงานนี้มาร่วมเดือนแล้วก็ตาม

หลังจากปิดร้าน เขามักนั่งอยู่ข้าง ๆ นาราเสมอ สายตาจับจ้องใบหน้าของเธอสลับกับบัญชีรายรับรายจ่ายไปมา

วันนี้ก็เช่นเดียวกัน เขายังคงเอาแต่เฝ้ามองใบหน้าสวยหวานของนารา เธอยกมือขึ้นมาเขี่ยปอยผมที่ปรกหน้าไปทัดกับใบหูขาวสะอาด ก่อนหางตาจะเหลือบไปเห็นว่าอีริคกำลังมองใบหน้าของเธออยู่

“คุณอีริคคะ” นาราหยิบปลอกปากกามาสวมและเรียกอีริค

“ค...ครับ” ชายหนุ่มตื่นจากภวังค์

“มองหน้าฉันแบบนั้นนาน ๆ ฉันก็เขินแย่น่ะสิคะ” เธอพูดติดตลกทั้งที่ในใจแล้วเธอรู้สึกแบบนั้นจริง ๆ

ร่างเล็กรู้สึกร้อนขึ้นมาที่ใบหน้า หัวใจเต้นเร็วขึ้นเล็กน้อย เธอไม่สามารถสบสายตากับอีริคนาน ๆ ได้ จึงต้องเบนสายตากลับมาที่บัญชีรายรับรายจ่ายอีกครั้ง

“ขอโทษครับ”

เมื่อคิดว่าทำให้สาวเจ้าอึดอัด เขาจึงหันหน้าไปทางอื่น แต่ก็ยังไม่วายหยอดคำหวานใส่เธอ

“ผมแค่ไม่เคยเจอคนสวยเท่าคุณมาก่อนน่ะ”

“...”

“จริง ๆ นะครับ”

“ขอบคุณค่ะ”

นาราก้มหน้างุด หัวใจของเธอแทบจะออกมาเต้นข้างนอกอยู่แล้ว เธอเขียนบัญชีโดยที่ยังไม่ได้ถอดปลอกปากกาเลยด้วยซ้ำ เธอลอบมองหน้าอีริคอีกครั้งและพบว่าเขายังคงมองใบหน้าเธออยู่ ร่างเล็กจึงก้มหน้ากลับลงมาอีกครั้ง ปากเม้มแน่นเพื่อไม่ให้หลุดยิ้มออกมา

“ยังไม่ได้ถอดปลอกปากกาเลยนะครับ”

“จริงด้วย แหะ ๆ” นารารีบถอดปลอกปากกาออกและเขียนต่อทันที

“เมื่อกี้ฉันกำลังคิดเลขอยู่น่ะค่ะ”

“อ้อ แบบนี้นี่เอง”

“ค่ะ” นาราพยักหน้า ส่วนอีริคก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ กลายเป็นว่าความเงียบงันได้เข้ามาครอบคลุมระหว่างคนทั้งสองโดยปริยาย

อีริคประสานมือของตัวเองไว้หลวม ๆ นิ้วโป้งทั้งสองข้างเขี่ยกันไปมาอย่างใช้ความคิด ก่อนจะตัดสินใจพูดอะไรออกมาเพื่อทำลายความเงียบระหว่างเขากับนารา

“คุณนาราครับ”

“คะ”

“จำได้ไหมครับว่าผมเคยบอกว่ามีผู้หญิงไทยคนหนึ่งสอนภาษาไทยให้ผม”

“จำได้สิคะ” นารายิ้ม

“คุณคงรักเธอมากแน่ ๆ”

“คุณรู้ได้ยังไงครับ” อีริคเลิกคิ้วสูงด้วยความประหลาดใจ นารายิ้มกว้างกว่าเดิมเล็กน้อย มือเรียวบางวางปากกาลงและยกทั้งสองข้างขึ้นมาประคองใบหน้าของชายหนุ่มเบา ๆ ก่อนที่เธอจะมองเข้าไปในแววตาของเขา

“เพราะแววตาของคุณเวลาพูดถึงเธอ มันแตกต่างไปจากเดิมน่ะค่ะ”

“...”

“มันดูเศร้าและเจ็บปวดมาก ๆ เลยล่ะ”

“ตอนนี้คุณเองก็เหมือนกัน”

“คะ” ดวงตากลมของหญิงสาวโตขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับอุทานออกมา เธอชักมือกลับไปไว้ที่เดิมแต่สายตายังคงมองเขาอยู่

“แววตาของคุณเองก็เศร้าและเจ็บปวดไม่ต่างจากผม” อีริคว่าขณะที่นารานิ่งเงียบไป เพราะไม่คิดว่าแววตาของตัวเองกำลังแสดงความรู้สึกข้างในออกมา

“เล่าให้ผมฟังได้ไหมครับ”

“...”

“อดีตของคุณน่ะ” อีริคเอ่ยขึ้นมาอีกรอบเมื่อเห็นว่านารายังคงเงียบ ตาของเธอเริ่มแดงขึ้นมาเล็กน้อย เธอหันหน้าไปทางอื่นเพราะไม่อยากให้ชายหนุ่มเห็นหยดน้ำใส ๆ จากดวงตากลมโตของเธอ

“อยากฟัง...จริง ๆ เหรอคะ”

“ถ้าไม่อยากเล่าก็ไม่เป็นไรครับ”

อีริคพูดขึ้น ไม่อยากกดดันนาราไปมากกว่านี้ เขาทำท่าจะลุกออกไป หวังจะให้ร่างเล็กอยู่คนเดียวตามลำพัง แต่ในท้ายที่สุดแล้ว เธอก็หันหน้ากลับมาหาเขา

“ฉันอยากเล่าค่ะ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel