4 - กลัวหรือไง
กลัวหรือไง
“นี่ พวกคุณกำลังทำอะไรกัน” เอมราผู้ช่วยสาวร้องทักขึ้นมาทันที ที่เธอเข้ามาภายในห้อง แล้วเห็นคนทั้งคู่กำลังใกล้ชิดกัน
“กระพริบตาดูสิ ว่ายังเคืองหรือเปล่า” ศุภวัฒน์ไม่ได้สนใจคนเข้ามาใหม่ เขาถามคนตรงหน้าออกไป ก่อนที่จะหันมาใช้สายตาดุมองคนมาใหม่อย่างไม่ค่อยพอใจ
“เอมขอโทษค่ะ ที่เขามาแบบไม่ให้ซุ่มให้เสียง” เอมรารีบขอโทษขอโพยเมื่อเจอสายตาวาวโรจน์ของประธานหนุ่มมองมาที่เธอ
“มีอะไร” เสียงเข้มตวาดถาม พร้อมกับสายตาที่มองเธอราวกับเสือร้าย
“พะ พอดี เอ่อ พี่เจษฝากเอกสารมาให้บอสค่ะ” เธอตอบกลับด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก และชูเอกสารที่ถืออยู่ขึ้นให้เขาเห็น
“แล้วไอ้เจษล่ะ” เขาถามเธอออกไปอย่างนึกแปลกใจที่เชขาไม่เอางานมาส่งด้วยตัวเอง ทำไมต้องให้ผู้ช่วยฯเป็นคนมาส่งแทนแบบนี้
“กลับไปแล้วค่ะ เพราะเลยเวลาเลิกงานมานานแล้ว” เอมราเชิดหน้าขึ้นฮึดสู้ ตอบประธานหนุ่มออกไปตามตรง
“จริงสิ ฉันก็ลืมไป เอาไปวางไว้ที่โต๊ะ แล้วเธอก็ออกไปได้แล้ว” น้ำเสียงอุ่นลง เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเลยเวลาเลิกงานของพนักงานแล้วจริง จึงได้แต่บอกเธอให้เอาเอกสารไปวางไว้ที่ตะทำงานของตน
ผู้ช่วยสาวเดินเอาเอกสารที่ถืออยู่ในมือนั้น เดินเอาไปวางไว้ที่โต๊ะทำงานตามคำสั่งของประธานหนุ่ม ก่อนจะเดินออกไปจากห้องนี้ แต่สายตาก็ยังแอบชำเลืองมองดูที่คนทั้งคู่
“ดุจังเลยนะคะ” ชนิดาเอ่ยแซวขึ้นมาทันที ที่ผู้ช่วยสาวเดินออกไปแล้ว
“พี่ไม่ใช่หมาน่ะหนูนิด”
“หนูก็ยังไม่ได้ว่าพี่เป็นหมาสักหน่อย พี่จะคิดเองเออเองไปทำไม” เธอเถียงขึ้นมาทันควันเมื่อเห็นว่าเขากำลังเหน็บแนมเธอ
“หนูนิด” น้ำเสียงกดต่ำเอ่ยเรียกชื่อของเธอ ราวกับว่ากำลังจะกดขี่ให้เธอเกรงกลัวเขา
“เดี๋ยวหนูลงไปรอที่รถดีกว่า” เธอมองนาฬิกาบนข้อมือแล้วลุกขึ้นบอกกับเขา และกำลังจะก้าวเท้าเดินออกไป
“ไม่ต้อง นั่งอยู่นี้ พี่เก็บของก่อน”
ชนิดาจึงต้องยอมนั่งลงที่เดิม ตามที่เขาบอก และไม่นานเขาก็เก็บเอกสารบนโต๊ะเสร็จเรียบร้อยจึงพาเธอเดินออกจากห้องลงไปยังชั้นล่าง
*
*
บ้านอภิวัฒน์โภคิน
“ทำไมบ้านมืดจัง แล้วคนอื่น ๆ ไปไหนกันหมด” ชนิดาพูดขึ้นมาทันที อย่างนึกสงสัยว่าทำไมบ้านถึงเงียบ แถมยังมืดไฟสักดวงก็ไม่สว่าง ราวกับว่าเหมือนไม่มีคนอยู่อย่างนั่นแหละ
“ครับแม่...”
ยังไม่ทันทีทั้งคู่จะได้เดินเข้าไปในบ้าน โทรศัพท์ของศุภวัฒน์ก็สายเข้ามาเสียก่อน และเขาก็กดรับสายในทันที
“ตอนนี้ถึงบ้านเรียบร้อยแล้วครับ ว่าแต่ทำไม่เหมือนที่บ้านไม่มีใครอยู่เลยสักคนครับ”
จากบทสนทนาของศุภวัฒน์ในสาย ชนิดาก็เดาได้ทันทีว่าเป็นใครที่โทรศัพท์เข้ามา ถึงแม้ว่าเธอจะได้ยินไม่ชัดก็ตาม
“ครับ...รู้แล้วครับ จะดูแลลูกสาวสุดที่รักของแม่เป็นอย่างดีเลยล่ะครับ สวัสดีครับ” รับปากกับทางสายสนทนาเสร็จก็วางสายทันที และเก็บโทรศัพท์มือถือไว้ในกระเป๋ากางเกงของตน
นั่นไง เธอเดาผิดเสียที่ไหนล่ะ น้ำเสียงออดอ้อนเสียงเล็กเสียงน้อยแบบนี้ มีเพียงแค่มารดาของเขาเท่านั้นแหละที่เขาพูดด้วย เพราะกับคนอื่นแม้แต่น้องสาวเขา เขาก็ใช้น้ำเสียงเดียวกันหมด
“มีอะไรเหรอค่ะ” เธอเลิกคิ้วถามเขาทันที เมื่อเขาวางสายจากผู้เป็นแม่
“ทุกคนลากลับบ้านพร้อมกันหมด บ้านเลยไม่มีใครอยู่สักคน เลยดูเงียบอย่างที่เห็น...” ศุภวัฒน์ตอบเธอออกไปตามตรง ตามที่ผู้เป็นแม่แจ้งมาในสายเมื่อสักครู่ เขาก้ไม่ได้ถามถึงเหตุผลด้วยสิ งว่าทำไมถึงสามัคคีกันลาหยุดพร้อมกันในวันนี้
“หมดเลยเหรอค่ะ” เธอถามออกไปอย่างแปลกใจ
“ทำไม กลัวเหรอไง” เขาพยักหน้าตอบเธอ แล้วถามเธอขึ้นมาด้วยเมื่อเห็นว่าเธอเริ่มมีท่าทีที่เปลี่ยนไปจากเดิม
“ก็กลัวสิค่ะ บ้านหลังใหญ่ขนาดนี้ พอไม่มีคนอยู่แล้วรู้สึกวังเวงชอบกลยังไงก็ไม่รู้” เธอตอบพร้อมกับสายตามองซ้ายมองขวา แล้วยกแขนขึ้นลูบแขนตัวเอง
“หึ...”
ศุภวัฒน์นึกขำอยู่ในลำคอ เมื่อเห็นปฏิกิริยาของเธอ เขาไม่พูดอะไรออกมาแล้วเดินนำหน้าเธอเข้าไปด้านในบ้านทันที
ชนิดาเอาแต่ยืนนิ่งไม่รู้ว่าควรจะทำเช่นไรดี แต่เมื่อเห็นว่าเขาเดินเข้าไปด้านในแล้ว เธอรีบวิ่งตามเขาไปทันที
ทันทีที่เข้ามาภายในบ้าน ไฟทุกดวงก็สว่างจ้าขึ้นมาทันที ทำให้ชนิดารู้สึกโล่งอกลดความกังวลงไปบ้าง แต่ในขณะที่เธอกำลังจะเดินขึ้นบันไดนั้น ไฟทุกดวงขแงบ้านก็ดับลงอีกครั้ง
พรึ่บ!!!
กรี๊ด!!!
ชนิดาหลับหูหลับตากรีดร้องเสียงดังออกมาทันที แบบไม่สนอะไรทั้งนั้นมือไม้สั่นไปหมดจนแทบจะทรงตัวไม่อยู่
“หนูนิด” ศุภวัฒน์ที่ได้ยินเธอกรีดร้องออกมาเสียงดัง ก็ตกใจมากแทบจะทำตัวไม่ถูก เขารีบสาวเท้าก้าวยาว ๆ เข้าไปหาเธออย่างไว
“พี่เวย์” เธอไม่สนหาเหวอะไรอีกแล้ว เมื่อรู้ว่าเขาอยู่ตรงหน้า เธอก็กระโดดเคาะคอกอดเขาเอาไว้แน่น ขณะที่ยังหลับตาอยู่อย่างนั้น
ดีที่เขาคอยเดินตามหลังเธอมาห่าง ไม่เช่นนั้นเธอคงได้วิ่งชนข้าวของกระจัดกระจายพังหมดแน่ คิดแล้วก็นึกโกรธตัวเองขึ้นมา
“ปล่อยก่อน กอดแน่นแบบนี้พี่หายใจไม่ออก” เสียงทุ้มเอ่ยบอกเธออย่างใจเย็น เพราะเขาก้ไม่สามารถขยับเดินไปไหนได้เลย เมื่อเธอกระโดดเกาะเขาอยู่อย่างนี้
“ไม่เอาก็หนูกลัว” เธอได้แต่ส่ายหน้าตอบ และไม่ยอมทำตามที่เขาบอกเลย เพราะว่าตอนนี้เธอก็ยังไม่กล้าลืมตาขึ้นมามอง
“แล้วกอดพี่แน่นแบบนี้ พี่จะไปเดินไปดูไฟได้ยังไง”
“หนูตัวไม่หนักหรอก ให้หนูไปด้วยนะ” เธอเอ่ยเสียงออดอ้อนขึ้นมาทันที เพราะขึ้นให้เธออยู่ตตรงนี้คนเดียว เธอคงช็อกตายแน่ แค่นี้เธอก็ยังกล้าลืมตตาขึ้นมามองสิ่งรอบ ๆ ตอนมืดสนิทแบบนี้หรอก
“นั่นไง ข้างนอกฝนตกแล้ว ไฟดับแบบนี้จะทำยังไงละทีนี้ เดินไปไหนก็ไม่ได้อีก” เขาได้แต่ถอนหายยาว เพราะไม่สามารถขยับตตัวไปไหนได้เลย
ศุภวัฒน์พยายามปลอบจนเธอยอมปล่อยแขน ปล่อยขาที่รัดเขาไว้ออก แล้วคว้าเอาแขนเขาไปกอดไว้แน่น โดยที่เธอยังไม่กล้าลืมตาขึ้นมา และก้าวเท้าเดินตามเขาไปช้า ๆ และไม่รู้จุดหมายด้วยว่าเขาจะพาเธอเดินไปไหน
“ลืมตาได้แล้ว ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ” เสียงทุ้มเอ่ยบอกเมื่อเดินมาถึงยังจุดหมาย ที่เขาตั้งใจพาเธอมา
ชนิดาจึงยอมเปิดเปลือกตาขึ้นมาช้า ๆ และก็ต้องเบิกตากว้าง เพราะสิ่งตรงหน้าเธอในตอนนี้ มันช่างทำให้เธอตื่นตายิ่งนัก ใจดวงน้อยเต้นไม่เป็นส่ำเพราะรู้สึกตื้นตันใจ
“นี่มันอะไรกันค่ะ” เธอหันมาถามเขาอย่างนึกแปลกใจ กับสิ่งตรงหน้าที่เจอ
“ย้อนหลังให้ไง ไม่ดีใจเหรอ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ปกติ ไม่มีท่าแสดงอะไร
“ไม่ต้องทำถึงขนาดนี้ก็ได้ หนูไม่ได้โกรธหรือน้อยใจอะไรพี่เลย”
“รีบเป่าสิ เดี๋ยวเทียนก็ละลายกันพอดี อธิษฐานเอาเลยพอดีพี่ร้องเพลงไม่เป็น” เอ่ยบอกกับเธอ เมื่อเห็นว่าเธอยังคงยืนนิ่งมองสิ่งตรงหน้า
ชนิดายอมทำตตามที่เขาบอก เธอหลับตาลงแล้วยกมือขึ้นอธิษฐานอยู่สักครู่ ก่อนจะเปิดเปลือกตาขึ้นและก้มลงเป่าเทียนบนเค้กตรงหน้าก้อนนี้ทันที
พรึ่บ!!!
“นี่มัน...”
