2 - บ่นอะไร
บ่นอะไร
ชนิดาใช้สายตากวาดมองดูรอบ ๆ ทุกซอกมุมของห้องทำงานอย่างละเอียด ก็พยักหน้ากับตัวเองอย่างพึงพอใจในการตกแต่งห้อง ก่อนที่จะเดินไปนั่งลงที่โซฟาซึ่งน่าจะไว้สำหรับรองรับแขก
เธอนั่งลงแล้วทิ้งตัวนอนราบไปกับโซฟาตัวยาวนั้นทันที พร้อมกับถอนหายใจยาวอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่นัก เพราะหญิงสาวหน้าห้องที่ทำให้เธออารมณ์ขุ่นมัว และนึกหมั่นไส้เพื่อนของพี่ชายขึ้นมาทันที
“เข้ามามื้อแรก กะพ้อแต่อีหยังกะบ่ฮู้ นี่เพิ่นฮับคนแบบนี้เข้ามาเฮ็ดงานได้จังใด๋ จังแมนแปลกคนคัก” (เข้ามาวันแรก ก็เจอแต่อะไรก็ไม่รู้ นี่เขารับคนแบบนี้เข้ามาทำงานได้ยังไง ช่างแปลกคนนัก) ชนิดาพึมพำออกมาทันที เมื่อนึกถึงหญิงสาวหน้าห้องของประธานหนุ่มที่เธอกำลังจะเปิดศึกใส่กันเมื่อสักครู่
“บ่นพึมพำอะไร” เสียงเรียบนิ่งดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงของเจ้าของห้องปรากฏตัว
ศุภวัฒน์ อภิวัฒน์โภคิน หรือ เวย์ ชายหนุ่มวัย 30 ปี ที่ยังคงสถานะครองโสดมาได้ยาวนานหลายปี เพราะเพื่อนพ้องต่างมีครอบครัวกันไปหมดแล้ว บางคนมีลูกจนโตแล้ว ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานบริษัทและมีบิดาเป็นผู้บริหารคอยอยู่เบื้องหลัง
“กะจ่มให้...พี่เวย์!!! มาตั้งแต่เมื่อไหร่” (ก็บ่นให้...พี่เวย์!!! มาตั้งแต่เมื่อไหร่) ชนิดารีบเด้งตัวขึ้นมานั่งทันที เมื่อรู้ว่าตัวเองเผลอพูดอะไรไม่ดีออกไป แถมยังเป็นคำพูดที่เขามักบอกเธอเป็นประจำ
ศุภวัฒน์จ้องมองเธอนิ่งอย่างกำลังครุ่นคิดพิจารณาอะไรอยู่สักอย่าง ก่อนที่เขาจะสาวเท้าเดินไปนั่งลงที่เก้าอี้ทำงาน แล้วจึงเอ่ยตักเตือนเธอออกมา เมื่อได้ยินเธอพูดภาษาบ้านเกิดเมื่อสักครู่นั้น
“บอกกี่ครั้งแล้ว ว่าให้พูดภาษากลางจะได้คุ้นชิน ทำตัวให้เหมาะกับที่เรียนโรงเรียนนานาชาติหน่อยสิ” เขาดุเธอออกไปด้วยท่าทีที่ไม่ค่อยจริงจังเท่าไหร่นัก แล้วก็หันมาสนใจแฟ้มเอกสารตรงหน้าทันที
“หนูก็ไม่ได้อยากเรียนที่โรงเรียนนี่สักหน่อย” เธอพึมพำขึ้นมาอีกทันที
“แต่ก็เรียนมาได้ตั้งหกปี” แต่คนที่นั่งทำงานกลับได้ยินชัดทุกถ้อยคำที่เธอพูดออกมา
ชนิดาจึงลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปใกล้ ๆ กับคนที่กำลังก้มดูเอกสารบางอย่างอยู่ เธอจึงลากเก้าอี้อีกตัวมา แล้วก็ทิ้งตัวนั่งลงใกล้ ๆ กันกับเขา ก่อนจะพูดจาเหมือนกำลังล้อเลียนออกไป
“ทำไงได้ล่ะ พี่วิชญ์อุตส่าห์ส่งเสียมาขนาดนี้แล้ว ไอ้เราก็เป็นเด็กดีเชื่อฟังเสียด้วยสิ”
โป๊ก!
ทำเอาศุภวัฒน์ที่กำลังอ่านเอกสารอยู่นั้นนึกหมั่นไส้ขึ้นมา จึงได้ใช้ปากกาที่ถืออยู่เคาะลงที่หน้าผากของเธอไปทันที โดยที่ไม่แรงเท่าไหร่นัก
“โอ้ย...เจ็บนะ” ชนิดาได้แต่โอดครวญพร้อมกับลูบที่หน้านูนของเธอ พร้อมกับทำหน้ามุ่ยใส่เขาอย่างไม่พอใจนัก
“เป็นเด็กเป็นเล็ก คำพูดคำจาไปเรียนมาจากไหน จำได้ว่าที่บ้านพี่ไม่เคยสอนนะ แล้วเป็นอะไรทำหน้าบูดยังกับตูดลิง” เขาดุเธอขึ้นมา ที่นานนับวันเธอก็ยิ่งแต่พูดจาที่ไม่ค่อยเข้าหูนัก แล้วถามเธอกลับไปบ้าง เพราะตั้งแต่ที่เข้ามาก็รู้สึกว่าเธอทำหน้าไม่รับแขกเอาเสียเลย
“ก็...ไปถามผู้หญิงหน้าห้องทำงานพี่ดูสิ” เธอจึงยอมบอกว่าสาเหตุที่ทำให้เธอเป็นแบบนี้เพราะอะไร
“เอมนะเหรอ ทำไม?” เขาวางปากกาลง แล้วหันมาเลิกคิ้วถามเธออย่างไม่เข้าใจ
“ไม่มีอะไรหรอก” เธอรีบเปลี่ยนเรื่อง เมื่อเห็นว่าเธอไม่ควรเอาเรื่องแบบนี้มาฟ้องเขา เพราะถึงอย่างไรหญิงสาวหน้าทำงานก็เป็นคนของเขา หากเกิดมีอะไรไม่ดีขึ้นมา จะทำให้องกรณ์เสื่อมเสียสละเปล่า
“ไม่มีอะไรก็ดีแล้ว มาที่นี่ก็อย่าเทียวไปหาเรื่องใครเข้าล่ะ” เขาได้แต่บอกเธอ แต่ก็เริ่มเก็บเอาคำพูดของเธอมาคิดเหมือนกันว่าผู้ช่วยสาวทำอะไรให้เธอไม่พอใจอย่างนั้นหรือ
เธอมาอยู่ที่นี่ได้หกปีแล้ว ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าเธอเป็นคนแบบไหนมีนิสัยเช่นไร เธอต่างจากพี่ชายของเธอราวฟ้ากับเหว อาจจะเป็นเพราะเธอเป็นผู้หญิงที่มีพี่ชายตามใจก็เป็นได้
นิสัยของเธอถึงจะเป็นคนดื้อรั้นไม่ยอมคน แต่เธอก็เป็นคนมีเหตุผลมากพอสมควร ไม่เช่นนั้นบุพการีของเขาจะรักและเอ็นดูเธอเหมือนลูกเหรอ
ส่วนเรื่องการเรียนตลอดเวลาที่เธอมาเรียนที่นี่ เธอก็ไม่ทำให้ใครผิดหวังจริง ๆ ติดท็อปหนึ่งในสามมาตลอดสมกับที่เธออยากมาเรียนจริง
“...” ชนิดาไม่พูดเสียงดังอะไรออกมา แต่เธอกลับทำปากขยับตามที่เขาพูดราวกับว่ากำลังล้อเลียน
“ล้อเลียนอะไร พี่เห็นนะหนูนิด” เสียงเข้มหันมาจ้องมองเธอด้วยสายตาที่ดุดัน
“ไม่มี๊” เธอได้แต่ปฏิเสธเสียงแข็ง
“ไม่มีก็นั่งรอไปก่อน อีกหนึ่งชั่วโมงกว่าพี่จะเลิกงาน แล้วค่อยกลับบ้านพร้อมกัน” พูดแล้วศุภวัฒน์ก็หันมาสนใจเอกสารตรงหน้าของตัวเองต่อทันที
ชนิดาก็ไม่ได้พูดอะไร ได้แต่หยิบโทรศัพท์มือถือของเธอขึ้นมากลับพบว่าเครื่องดับสนิทไปแล้ว จึงได้แต่ถอยหายใจยาวอย่างเบื่อหน่าย และเอาแต่นั่งหน้าหงอยไม่พูดไม่จากับเขาเลย
“เฮ้อ...”
“หิวหรือเปล่า จะกินอะไรก็เปิดประตูออกไปบอกไอ้เจษมันได้เลย” ศุภวัฒน์จึงได้เอ่ยถาม เพราะรู้ว่าเธออยู่ในช่วงวัยที่กำลังเจริญอาหาร
เขาอยากจะห้ามในเรื่องการกินของเธอ แต่ก็ไม่อยากขัดใจเพราะกลัวเธอจะโมโหหิวแล้วเอาเรื่องนี้ฟ้องผู้เป็นแม่เขา แล้วท่านมาดุเขาอีก
“ไม่ดีกว่าค่ะ เดี๋ยวจะอ้วนเป็นหมู”
“นี่พี่ได้ยินไม่ผิดใช่ไหม”
แต่คำตอบของชนิดากลับทำให้เขาแปลกใจ เพราะว่าครั้งนี้เธอปฏิเสธ เขาแทบจะไม่เชื่อหูตัวเองว่าสิ่งที่ได้นั้นเขาหูฝาดไปแน่
“พี่เวย์ หนูอายุสิบแปดแล้วนะ ต่อไปหนูจะไม่ตะกละเห็นแก่กินอีกแล้ว”
“ทำไมถึงกลัวอ้วนขึ้นมา หัดเป็นคนรักสวยรักงามขึ้นมาอย่างนั้น” ศุภวัฒน์ถามกลับด้วยความแปลกใจ เพราะไม่คิดว่าเธอจะเปลี่ยนไปได้เร็วขนาดนี้
เมื่อสองวันก่อนซึ่งเป็นวันเกิดอายุครบสิบแปดปีเต็มของเธอ เขายังห้ามไม่ให้เธอกินเค้กกับพวกขนมหวานอยู่เลย เธอจึงร้องไห้ฟูมฟายไปฟ้องผู้เป็นแม่ ทำให้เขาโดนท่านดุบ่นจนหูชามาจนถึงทุกวันนี้
ที่เขาห้ามเพราะพี่ชายของเธอสั่งมาให้เยอะเกิน ในวันเกิดของเธอครั้งนี้พี่ชายเธอไม่ได้มาด้วยตัวเอง เพราะกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนแนวทางลงพืชชนิดใหม่(อินทผลัม) บวกภรรยาที่กำลังตั้งครรภ์ด้วยจึงไม่ค่อยสะดวกในการเดินทาง และได้สั่งเป็นของกินมาให้น้องสาวแทนเพื่อเป็นการชดเชย และจะเทียวมาหาในช่วงยามว่าง
