เอาเรื่อง
“เป็นไงบ้างริสา แกโอเคไหม?”
มือเล็กปาดน้ำออกจากใบหน้าแบบลวกๆ ก่อนจะฝืนส่งยิ้มให้เพื่อนสาว เพราะไม่อยากให้ใครต้องมาคิดมากกับเธอ
เธอมักจะนึกถึงคนอื่นก่อนเสมอ เคยเป็นแบบไหน มันก็ยังคงเป็นเหมือนเดิมเสมอมา
“ฉันโอเค แค่นี้สบายมาก”
“แกไม่น่าห้ามฉันเลยจริงๆ คนอย่างยัยดารินต้องเจอสั่งสอนซะบ้าง จะได้ไม่กล้าไปรังแกคนอื่นได้อีก” อิงฟ้าพูดด้วยความโมโห
“คนอะไรหวงผู้ชายไม่เข้าเรื่อง!”
“ไม่เอาน่าอิงฟ้า แกอย่าทำให้เรื่องมันยุ่งยากไปมากกว่านี้เลย”
“โอ้ย! ยัยบื้อ นี่แกโง่หรือแกล้งโง่กันแน่ โดนมันทำขนาดนี้ ยังจะมาเป็นแม่พระอยู่อีก ฉันล่ะยอมใจแกจริงๆ”
“เรื่องมันผ่านไปแล้วก็ให้มันแล้วไปเถอะนะ” ริสาพูดอย่างไม่ติดใจ ถ้าแก้แค้นมีเรื่องกันไปมา ทุกอย่างคงวุ่นวายไม่จบสิ้น เธอเลยเลือกที่จะไม่ใส่ใจกับคนพวกนั้น
“แต่ฉันไม่ยอม! ไม่รู้แหละ ยังไงฉันก็จะบอกเหมันต์ว่ามันทำอะไรกับแกไว้บ้าง”
“อย่านะอิงฟ้า” เด็กสาวรีบคว้าแขนของเพื่อนที่กำลังตั้งท่าจะเดินออกไป
“อะไรของแกอีก?”
“ฉันไม่อยากให้เหมันต์เข้ามาเกี่ยวกับเรื่องนี้” เธอพูดไปตามที่คิด เพราะรู้นิสัยของแฟนหนุ่มดี เขาคงไม่ยอมแน่ๆ ถ้ารู้ว่าเธอโดนกลั่นแกล้ง แล้วเกิดว่าเหมันต์ทำอะไรร้ายแรงลงไป จะมีก็แต่ผลเสียกับตัวเอง
อีกแค่ไม่กี่เดือนก็ใกล้จะเรียนจบมัธยมเข้ามหาวิทยาลัย เธอยิ่งไม่อยากให้เขามีประวัติเสียใดๆ
“แต่มันต้องเกี่ยว เพราะเรื่องราววุ่นวายทั้งหมดก็มาจากเหมันต์นั่นแหละที่เป็นตัวต้นเหตุ!”
“ขอเถอะนะอิงฟ้า อย่าบอกเหมันต์เด็ดขาดถือว่าเห็นแก่ฉันนะ”
“…..” อิงฟ้ามองเพื่อนสาวด้วยความห่อเหี่ยวใจ เพราะว่าริสาของเธอ ดูท่าจะเป็นแม่พระเอาเสียเหลือเกิน
“เข้าเรียนกันเถอะ ใกล้ได้เวลาแล้ว” ริสาเอ่ย เพราะตอนนี้ใกล้เวลาที่จะต้องเข้าเรียนคาบบ่ายแล้ว
เด็กสาวทั้งสองเดินจับมือกันออกมาจากตรงนั้น ก่อนจะหันไปหยอกล้อกันเหมือนที่ชอบทำ
พลั่ก! ตุบ! วัตถุของแข็งที่เรียกว่าลูกฟุตบอลกระแทกเข้ามาใส่ใบหน้าของริสาอย่างแรงแบบที่ไม่ทันได้ตั้งตัว
“ริสา!” อิงฟ้าร้องด้วยความตกใจ เมื่อเห็นเพื่อนสาวล้มลงไปนอนกองที่พื้น “ละ…เลือดแกออกเต็มเลย”
“…..” เด็กสาวยกมือขึ้นกุมใบหน้าด้วยความเจ็บ ก่อนจะสัมผัสได้กลิ่นคาวเลือดที่ค่อยๆ ไหลออกมา
“ไอ้เวรเอ้ย! มองไม่เห็นคนหรือไงวะ?” อิงฟ้าเดินเข้าไปหาอย่างเอาเรื่อง เพราะรู้ว่าคนพวกนั้นอยู่กลุ่มเดียวกับดาริน และตั้งใจจะแกล้งเพื่อนเธอ
“ก็เพื่อนเธอมันเดินไม่ดูตาม้าตาเรือเอง ช่วยไม่ได้” นักเรียนชายคนนั้นตอบกลับ ก่อนจะหันไปหัวเราะกับพวกเพื่อนๆ ด้วยความชอบใจ
“นี่แกเป็นผู้ชายภาษาอะไรวะ ทำผิดแล้วไม่ยอมรับผิด”
“พอเถอะอิงฟ้า พาฉันไปห้องพยาบาลที” ริสาสะกิดบอกเพื่อนสาวที่กำลังจะมีเรื่อง เธอไม่อยากให้ใครต้องมาเดือดร้อนเพราะเรื่องของเธอ
“ฉันเจ็บ!”
“ค่อยๆ เดินนะ” เมื่อเห็นสีหน้าของเพื่อนที่ไม่สู้ดี เธอเลยรีบเดินกลับมาหาริสาด้วยความเป็นห่วง
ห้องพยาบาล…
“นี่มันวันซวยอะไรของแกนักหนา ทำไมถึงได้เจอแต่เรื่อง” อิงฟ้านั่งมองหน้าเพื่อนสาวคนสนิทด้วยความสงสาร ในขณะที่รออาจารย์มาทำแผลให้
ใบหน้าจิ้มลิ้มก่อนหน้านั้น มาตอนนี้บวมช้ำจนเห็นได้ชัด
“แผลลึกซะด้วย จะได้เย็บหรือเปล่านะ” ไม่พูดเปล่าแต่อิงฟ้ายังเลื่อนมือไปแตะตรงที่บาดแผลเบาๆ โชคดีที่โดนแค่คิ้วแตกไม่ได้ถูกตรงจุดสำคัญเช่นดวงตาหรือไม่ก็ริมฝีปาก
“ฉันเจ็บนะ!” ริสายกมือขึ้นลูบใบหน้าด้วยความเจ็บ พร้อมกับใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดบาดแผลเพื่อห้ามเลือด
“สงสัยวันหยุดนี้ ฉันคงต้องพาแกไปไหว้พระเก้าวัดพร้อมล้างน้ำมนต์สะ
เดาะเคราะห์สักหน่อยแล้ว”
เด็กสาวคลี่ยิ้มบางๆ ด้วยความขบขันหลังจากได้ยินอิงฟ้าพูดจบ มีหวังว่าเธอคงต้องไปสะเดาะเคราะห์เหมือนที่อิงฟ้าพูดจริงๆ
“หน้าไปโดนอะไรมา?”
น้ำเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นจากทางด้านหลัง ทำให้เด็กสาวทั้งสองต่างพากันหันขวับไปมองยังบุคคลที่มาใหม่
ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตกใจ เมื่อเห็นแฟนหนุ่มยืนจ้องมองอยู่
“เหมันต์! นายมีที่นี่ได้ยังไง?”
“เอาการบ้านมาส่งอาจารย์ แล้วเห็นพวกเธอสองคนพอดี เลยเดินตามมา”
“…..” ริสาส่งยิ้มให้คนตรงหน้าเพื่อปกปิดความรู้สึกอะไรบางอย่างที่กำลังเกิดขึ้น
“จะบอกฉันได้หรือยังว่าหน้าไปโดนอะไรมา?” เหมันต์เดินมาหยุดตรงหน้าเธอ ก่อนจะนั่งยองๆ มองใบหน้าจิ้มลิ้มด้วยความเป็นห่วง
“ก็ไอ้เป้ห้องสี่น่ะสิ มันเตะลูกบอลใส่ยัยริสา” อิงฟ้าที่นั่งเงียบอยู่นานโพล่งขึ้น เพราะรู้ว่าเหมันต์ต้องจัดการกับคนพวกนั้นได้แน่
“จริงหรือเปล่า?” ดวงตาคู่คมจ้องมองแฟนสาวอย่างต้องการคำตอบ
“มันแค่เป็นอุบัติเหตุน่ะ ไม่มีอะไรหรอก”
“อุบัติเหตุบ้านป้าแกน่ะสิ เด็กอนุบาลยังรู้เลยว่าพวกมันตั้งใจเตะบอลใส่หน้าแก”
“งั้นเหรอ?” คิ้วหนาขมวดเข้าหากันเป็นปมมองหน้าริสาด้วยความสงสัย
“นายต้องจัดการมันเลยนะ มันจงใจจะแกล้งเพื่อนฉัน ส่วนยัยดารินก็
ด้วย” อิงฟ้าพูดอย่างไม่ยอม ยังไงคนที่ทำเพื่อนเธอก็ต้องชดใช้
“ดารินทำอะไร?”
“มันเป็นแค่อุบัติเหตุจริงๆ เดี๋ยวฉันขอตัวไปทำแผลก่อนนะ”
สิ้นประโยคนั้น เธอจึงหยัดตัวลุกขึ้นแล้วรีบเดินหนีเข้ามาในห้องพยาบาล เพราะกลัวว่าจะโดนคาดคั้น ท่ามกลางสายตาของเหมันต์ที่มองตามจนสุดสายตา
มือหนาล้วงหยิบสมาร์ตโฟนราคาแพงที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงนักเรียน ก่อนจะต่อสายหาราเชนทร์เพื่อนชายคนสนิท เพราะราเชนทร์กับเป้เป็นเพื่อนร่วมห้องกัน
“มึงช่วยไปลากคอไอ้เป้มาเจอกูหน่อยที่ห้องน้ำหลังโรงเรียน กูมีเรื่องอยากจะคุยกับมัน” เหมันต์กดเสียงใส่ปลายสายด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
(มึงเรื่องอะไรกัน?) ราเชนทร์เอ่ยถาม
“ไม่มีอะไรหรอก แค่อยากปรับความเข้าใจกันนิดหน่อย”
ตึกตัก! ตึกตัก! เสียงฝีเท้าดังขึ้นอย่างรีบร้อน พร้อมกับเพื่อนชายร่วมห้องที่วิ่งหน้าตาแตกตื่นเข้ามาในห้องเรียน
“พวกมึง! ไอ้เป้ห้องสี่กับเหมันต์ต่อยกันที่หลังห้องน้ำ รีบไปดูกัน”
ริสาหันไปมองตามเสียงเรียก เมื่อได้ยินในสิ่งที่เพื่อนชายบอก
“เหมันต์กับเป้มีเรื่องกันเหรอ?” ริสาถามด้วยความเป็นห่วงแฟนหนุ่ม กลัวว่าเขาจะเจ็บตัว
“ก็ใช่น่ะสิ นี่เธอไม่รู้เรื่องอะไรเลยหรือไง”
“แล้วเหมันต์เป็นอะไรมากไหม?”
“หน้าแหก เลือดนี่ไหลกลบปากเป็นแถบๆ ได้ข่าวว่าฟันหลุดด้วยนะ กรามจะหักหรือเปล่ายังไม่รู้เลย โดนกระทืบเน้นๆ ขนาดนั้น”
“เหมันต์เจ็บหนักขนาดนั้นเลยเหรออาร์ม?” ริสาถึงกลับอุทานด้วยร้อนรน เพราะไม่คิดว่าจะหนักขนาดนี้
“ที่ฉันพูดน่ะหมายถึงไอ้เป้ ส่วนไอ้เหมันต์ปลอดภัยดี มีแค่รอยช้ำนิดหน่อย”
“สมน้ำหน้า!” อิงฟ้าปิดปากขำด้วยความสะใจ ก่อนจะค่อยๆ หุบยิ้มเมื่อเห็นสายตาตำหนิของริสาที่มองมา
“น่าสงสารไอ้เป้จังเลยนะ แกว่าไหม?”
“…..”
