น่ารักดี
“นายคิดดีแล้วเหรอเหมันต์ ถ้าจะเปลี่ยนคู่ก็ได้นะ ฉันโอเค” เด็กสาวได้แต่ยืนก้มหน้า ไม่กล้าแม้แต่จะหันไปมองหน้าเหมันต์ ถึงแม้ในใจลึกๆ จะหวังก็ตามที
“แล้วจะทำให้เรื่องมันยุ่งยากทำไม เธอกับฉันคู่กันน่ะดีแล้ว” เหมันต์ตอบกลับ พลางจ้องมองเด็กสาวตัวอ้วนแก้มยุ้ยที่ยืนอยู่ข้างๆ
“งั้นถ้าพร้อมเมื่อไหร่ก็บอกมาได้เลยนะ”
“งั้นเย็นนี้เลยไปเป็นไง”
“เย็นนี้เลยเหรอ?” ริสาเงยหน้ามองเด็กหนุ่มด้วยความประหลาดใจ เพราะไม่คิดว่าเขาจะนัดหมายเร็วขนาดนี้
“หรือว่าเธอไม่สะดวก?”
“ดะ…ได้สิ เย็นนี้ก็ได้”
“งั้นเย็นนี้เจอกันที่หลังอาคารเรียน”
“อืม ตกลงตามนี้ แล้วเจอกันนะ”
“กรี๊ดดดด นี่มันพรหมลิขิตชัดๆ เลยนะยะ ที่แกกับเหมันต์ได้คู่กัน” อิงฟ้าร้องแซวเพื่อนสาวหลังจากที่เดินกลับมายังโต๊ะของตัวเอง
“พะ…เพ้อเจ้อน่า” ริสาพูดแก้เขินก่อนจะเบือนหน้าหันหนีไปอีกทาง แล้วต้องพบกับสายตาคู่คมของเหมันต์ที่มองมาทางเธอพอดี
หัวใจดวงน้อยกลับมาเต้นแรงอีกครั้งเมื่อบังเอิญสบตากับเด็กหนุ่มแบบที่ไม่ทันได้ตั้งตัว
“ดูหน้าแกสิ แดงระเรื่อเหมือนลูกมะเขือเทศเลยอ่ะ ฉันรู้แกก็ดีใจใช่ม่ะ กรี๊ดออกมาเลยริสา กรี๊ดออกมาสิ”
“ฉันทำอะไรแบบนั้นไม่เป็นหรอก”
“อะไรของแกเนี่ย ไม่ตื่นเต้นหรือไงที่จะได้อยู่ใกล้พ่อเทพบุตรในฝัน”
“แกว่าเหมันต์จะรู้ไหมว่าฉัน เอ่อ…” ดวงตากลมโตสอดส่องมองทางซ้ายขวา ก่อนจะพูดมันออกไป
“รู้ว่าฉันคิดยังไงกับเขา”
“ไม่รู้ก็แปลกแล้วย่ะ คนในโรงเรียนเขาพูดกระแหนะกระแหนใส่แกเช้าเย็นขนาดนี้ ยังไงก็ต้องเข้าหูเหมันต์บ้างแหละ”
“แล้วฉันควรทำตัวยังไงดี?” เด็กสาวถอนหายใจออกมาอย่างคิดไม่ตก
“ก็ไม่ต้องทำไง ทำตัวให้เป็นปกติ อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด”
“…..”
ตอนเย็น…
ริสาก้มลงมองนาฬิกาข้อมือ พบว่าตอนนี้เลยเวลานัดมาเกือบชั่วโมงแล้ว แต่เหมันต์ก็ยังไม่มาหรือบางทีเขาอาจจะกลับบ้านไปแล้วก็ได้ แต่เธอก็เลือกที่จะนั่งรอ
ตึกตัก! ตึกตัก! เสียงฝีเท้าของใครบางคนดังขึ้นด้วยความรีบร้อน ก่อนจะมาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอ ใบหน้าจิ้มลิ้มเงยหน้าขึ้นมองยังบุคคลที่มาใหม่ แล้วพบว่าเป็นเหมันต์ เด็กหนุ่มที่เธอกำลังนั่งรอ
“โทษทีที่มาช้า พอดีมีธุระต้องเคลียร์นิดหน่อย”
“ไม่เป็นไร ฉันก็เพิ่งมาเหมือนกัน” ริสาโกหกคำโตเพราะไม่อยากให้คนตรงหน้ารู้สึกไม่ดี
“ถ้าพร้อมแล้วก็เริ่มกันเลย”
ริสาถึงกลับทำอะไรไม่ถูกเมื่อเด็กหนุ่มหย่อนตัวนั่งลงข้างๆ เธอ นับว่าเป็นครั้งแรกของเขาและเธอที่ได้อยู่ใกล้ชิดกันมากขนาดนี้
กลิ่นน้ำหอมจางๆ ของเหมันต์ทำเอาความคิดของริสาเตลิดไปไกล ยิ่งได้มองใกล้ๆ มันยิ่งทำให้เธอชอบเขามากขึ้นไปอีก
“จะมองหน้าฉันอีกนานไหม?” ริสาถึงกลับสะดุ้งตื่นจากภวังค์เมื่อได้ยิน เสียงของเหมันต์ ไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่เธอเผลอจ้องหน้าเขาอยู่แบบนั้น
“สิ่งที่เธอควรมองคือหนังสือไม่ใช่หน้าฉัน”
เด็กสาวรีบละสายตาเมื่อได้ยินในสิ่งที่เขาบอก
“เดี๋ยวฉันมานะ ขะ…ขอตัวไปซื้อน้ำก่อน” เด็กสาวเอ่ย แล้วรีบหยัดตัวลุกเดินออกมาด้วยความเขิน ท่ามกลางสายตาของเหมันต์ที่มองตามออกมา
ผ่านไปราวๆ เกือบยี่สิบนาที เด็กสาวเดินกลับเข้ามาพร้อมกับอาหารเต็มไม้เต็มมือ มีทั้งน้ำหวาน ผลไม้ และขนมชนิดต่างๆ
“ฉันซื้อน้ำกับผลไม้มาฝากนายด้วยนะ”
“วางไว้ตรงนั้นแหละ”
“…..” เด็กสาววางสิ่งของลงบนโต๊ะ แล้วหยิบมันเข้าปากเคี้ยวด้วยความเอร็ดอร่อย
“ก็เพราะว่ากินเยอะแบบนี้ไง ถึงได้อ้วนเหมือนหมู” เหมันต์พูดขึ้นลอยๆ ทำเอาริสาถึงกลับหยุดชะงักไปชั่วขณะ
“ก็คนมันหิวนี่น่า”
“แล้วทำไมไม่กินผักกินผลไม้ กินแต่ขนมกับน้ำหวานไม่มีประโยชน์”
“ก็ของมีประโยชน์มันไม่อร่อย”
เด็กหนุ่มได้แต่ส่ายหัวด้วยความเอือมระอา เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าไม่ได้สะทกสะท้านกับคำพูดของเขาแต่อย่างใด
“เหมันต์!” เด็กสาวร้องด้วยความตกใจเมื่อเหมันต์ถือวิสาสะแย่งผลไม้ออกจากมือเธอแล้วนำไปกินต่ออย่างไม่คิดรังเกียจ
“อะไร?”
“แต่ชิ้นนั้นฉันกัดแล้วนะ”
“ฉันรู้ แต่ไม่ถือ”
“…..” ริสาถึงกลับไปไม่เป็นเมื่อได้ยินในสิ่งที่เขาตอบกลับมา
“วันนี้พอแค่นี้ก่อนแล้วกัน เอาไว้ครั้งหน้าค่อยว่ากันใหม่”
“เอาแบบนั้นก็ได้”
“ตอนนี้เย็นมากแล้ว เดี๋ยวฉันไปส่งที่บ้านแล้วกัน”
“ไม่เป็นไร บ้านฉันอยู่ไกล นายไม่ต้องลำบากไปส่งหรอก” ริสาตอบพลางเก็บข้าวของใส่กระเป๋ากระพายใบใหญ่
“ทำไมเธอถึงชอบเข้าใจอะไรยากๆ ฉันบอกว่าจะไปส่งก็คือไปส่ง”
“เอางั้นก็ได้” เด็กสาวตอบรับอย่างไม่มีทางเลือกเมื่อได้เห็นสายตาเย็นชาที่เขามองมา
“…..”
ริสาเดินตามหลังคนตัวโตออกมาอย่างเงียบๆ เพราะกลัวว่าจะเผลอทำตัวให้เขารำคาญ
“เดี๋ยวก่อนเหมันต์!”
“อะไร?”
“รถของนายจอดอยู่ทางนู้นไม่ใช่เหรอ?” ริสาชี้นิ้วไปทางโรงจอดรถที่อยู่ด้านหลังอาคารเรียน แต่เหมันต์กับพาเธอเดินผ่านไป
“ใช่ แต่วันนี้ขี้เกียจขับรถ จะกลับรถเมล์”
“อ่อ…อืม” เด็กสาวพยักหน้ารับ ถึงแม้จะสงสัยในการกระทำของเหมันต์แต่ก็ไม่กล้าเอ่ยปากถามต่อ
คนทั้งสองนั่งรอรถเมล์ข้างๆ กันท่ามกลางสายตาของนักเรียนคนอื่นๆ ที่มองมาแล้วพากันซุบซิบนินทา
ริสาเอาแต่ก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์ทำเหมือนว่าไม่สนใจ ทั้งๆ ที่คนพวกนั้นกำลังพูดถึงเธออยู่
“รถเมล์มานั่นแล้ว เดินนำไปสิ”
“…..” ริสาเดินนำหน้าเด็กหนุ่มขึ้นมาบนรถประจำทาง พร้อมวาดสายตามองหาที่ว่าง
“ข้างหลังมีที่ว่าง ไปนั่งกัน” เหมันต์จับมือริสา ก่อนจะพาเธอได้มานั่งยังเบาะหลัง
ใบหน้าจิ้มลิ้มแดงระเรื่อด้วยความเขิน หลังจากที่ถูกเหมันต์จับมือ มันเป็นเรื่องที่ไม่คาดคิดคาดฝันมาก่อนด้วยซ้ำ
“บ้านเธออยู่แถวไหน?”
“ซอย11/12” เด็กสาวสะดุ้งตื่นจากภวังค์ตอบกลับไป
“ฉันพอจะรู้จัก เคยแวะเข้าไปเก็บค่าเช่าห้องให้แม่อยู่บ่อยๆ”
“อย่าบอกนะว่าอพาร์ตเมนต์ใหญ่ๆ หลายร้อยห้องนั้นเป็นของบ้านนาย” ริสาถามด้วยความตื่นเต้น เพราะในซอยบ้านเธอมีหอพักอพาร์ตเมนต์ขนาดใหญ่แค่ที่เดียว
“ของบ้านฉันเอง”
“อู้หู้ว แบบนี้ก็รวยแย่เลยสิ”
“ไม่รวยหรอก พอมีพอกิน”
“ถ้านายพอมีพอกิน ฐานะบ้านฉันคงเป็นยาจก”
“ขนาดยาจกยังอ้วนขนาดนี้ ถ้าบ้านเธอมีกินจะอ้วนขนาดไหน” เหมันต์เอาแต่จ้องมองแก้มป่องของเด็กสาวอยู่แบบนั้น เขารู้สึกเอ็นดูอย่างบอกไม่ถูก
“เอาไว้เข้ามหาลัยแล้วค่อยลดน้ำหนักแล้วกัน” ริสาพูดอย่างท้อแท้ แค่คิดว่าจะลดน้ำหนักอดกินของอร่อยๆ ชีวิตของเธอก็เหมือนจะเหี่ยวเฉาขึ้นมาซะงั้น
“ไม่ต้องลดหรอก แบบนี้ก็น่ารักดีอยู่แล้ว”
“เมื่อกี้นายพูดว่าไงนะ เสียงรถมันดังฉันไม่ได้ยิน”
“ฉันก็พูดไปเรื่อยเปื่อย ช่างมันเถอะ”
