บทที่ 1 การพบกัน 1
จักรินทร์ มองผู้คนมากมายที่ต่างเดินวุ่นวายไปมาอยู่รอบตัว ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องที่คาดการณ์ได้อยู่แล้ว เนื่องจากคืนนี้เขาจัดงานเลี้ยงขึ้นที่คฤหาสน์ส่วนตัว มันเป็นงานปาร์ตี้สังสรรค์เหมือนกับทุกครั้งที่ผ่าน ๆ มา และเขาก็เป็นคนเชิญคนเหล่านี้มาทั้งหมด แต่กระนั้น มันก็ยังทำให้เขารู้สึกอึดอัดใจอยู่ดี
แต่ทว่าไม่ว่าเขาจะเติมเต็มคฤหาสน์หลังใหญ่นี้ด้วยผู้คนกี่สักครั้ง มันก็ยังรู้สึกถึงความว่างเปล่าที่ชวนอึดอัด
เขาไม่ชอบข้องแวะกับผู้คนมากนัก ที่จัดงานขึ้นที่คฤหาสน์ก็เพียงเพื่อเติมเต็มพื้นที่ว่างเปล่าไม่ให้เงียบเหงาเกินไปก็แค่นั้น
อย่างไรก็ตามเขาก็รับมือกับงานเลี้ยงแบบนี้ได้ เพราะมันจัดขึ้นแค่ทุกสองสัปดาห์ เขายังสามารถสนุกไปกับมันได้เสียอีก มันทำให้เขามีโอกาสได้คลุกคลีกับคนสำคัญโดยไม่ต้องอยู่ในบทบาทของหมอ มันทำให้เขาได้เห็นอีกด้านหนึ่งของตัวตนของคนเหล่านั้น และพวกเขาก็ได้เห็นอีกด้านของเขาด้วย
นอกจากนี้ มันยังเป็นแหล่งล่าที่ดีเยี่ยมเมื่อเขาต้องการใครสักคนมาเติมเต็มช่องว่างในชีวิต
เขารู้ดีว่าเขามีชื่อเสียงในหมู่ผู้หญิง ฉายาคุณหมอคาสซาโนว่า ดูเหมือนว่าจะมาจากการที่เขาจะเปลี่ยนผู้หญิงไปเรื่อย ๆ เหมือนเปลี่ยนเสื้อผ้าหรือเหมือนผู้หญิงที่ตามเทรนด์แฟชั่น เขาคิดว่าเขายังเปลี่ยนเร็วกว่านั้นอีก
เขาเบื่อง่าย และเบื่อเร็ว ดังนั้น เขาจึงไม่เคยอยู่กับผู้หญิงคนไหนนานเกินหนึ่งเดือน บางครั้งเขาก็ทิ้งพวกเธอไปหลังจากเพียงวันเดียว และแล้วก็อาจจะผ่านไปอีกสัปดาห์ก่อนที่เขาจะเริ่มล่าคนใหม่
เขาตระหนักดีถึงความต้องการที่จะตอบสนองสัญชาตญาณดิบของร่างกาย แต่เขากลับไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องมีพันธะทางใจ
ทำไมเขาจะต้องมีล่ะ เขาหล่อ ยังหนุ่ม และค่อนข้างร่ำรวย เขามีสิทธิ์เลือกผู้หญิงได้ตามใจต้องการ จึงไม่มีเวลามาเสียอารมณ์กับเรื่องพวกนั้น
เขาไม่เคยเป็นคนโรแมนติกอยู่แล้ว
ในทางทฤษฎี ผู้คนที่มางานเลี้ยงเหล่านี้ต่างก็รู้จักชื่อเสียงของเขาเป็นอย่างดี ดังนั้นหากพวกเขาเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเขา พวกเขาก็เข้าใจดีว่ากำลังเจออะไรอยู่ และการตัดความสัมพันธ์ก็ย่อมเป็นเรื่องง่ายกว่า แต่มันก็เป็นในทางทฤษฎีเท่านั้น เพราะในความเป็นจริงแล้ว สิ่งต่าง ๆ มักจบลงด้วยน้ำตาบ่อยครั้ง แต่ไม่ใช่สำหรับเขา
จักรินทร์เดินท่องไปในงานเลี้ยงด้วยความรู้สึกสบาย ๆ แบบเคลิบเคลิ้ม แก้วแชมเปญอยู่ในมือ พร้อมกับพิจารณาตัวเลือกมากมายที่อยู่ตรงหน้า จนกระทั่งมีเพื่อนเก่าคนหนึ่งเดินเข้ามาหา
“พี่บวร” เขาเอ่ยทักด้วยน้ำเสียงยินดี เปลี่ยนสีหน้าเป็นการต้อนรับทันที
บวรพจน์เป็นเพื่อนรุ่นพี่โรงเรียนเดียวกันกับเขา รู้จักกันตอนไปงานเลี้ยงประจำปีของโรงเรียน แม้ว่าอีกฝ่ายจะอาวุโสกว่าเขามาก แต่ก็คบหากันมาตั้งแต่นั้น
“ไม่ได้เจอกันตั้งนาน ช่วงนี้เป็นไงบ้างล่ะหมอไนล์”
จักรินทร์หัวเราะ “ก็แค่สองอาทิตย์นับจากครั้งล่าสุดที่เราเจอกันเองไม่ใช่หรือครับพี่”
บวรพจน์ส่ายหัวพร้อมกับยิ้ม “สองอาทิตย์ก็ยังรู้สึกว่านานเกินไปเลย แล้ววันนี้ฉันพาลูกสาวมาด้วย”
จักรินทร์เลื่อนสายตาไปด้านข้างเพื่อนรุ่นพี่ เขามาพร้อมกับมารินี ภรรยาของเขา และสาวสวยรูปร่างบอบบางที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน คาดว่าคงจะเป็นลูกสาวของพวกเขา
เธอสวยสะดุดตา มีใบเรียวเล็กแบบที่เป็นธรรมชาติไม่ได้ผ่านการทำศัลยกรรมตามสมัยนิยม ดวงตากลมโตเป็นประกายเหมือนตากวาง ขนตายาวเป็นแพล้อมกรอบตาไว้ และผมสีดำปล่อยยาวสยายเต็มแผ่นหลัง เธอสวมชุดเดรสสีเทาที่แนบไปกับลำตัว ขับเน้นส่วนโค้งเว้าของร่างกายอย่างชัดเจน เธอเป็นคนตัวเล็กกระทัดรัด และเอวคอดเล็กของเธอยิ่งขับเน้นหน้าอกและสะโพกให้โดดเด่นขึ้น
พูดสั้น ๆ คือ หญิงสาวตรงหน้าคือความงดงามที่สุดที่เขาได้เคยเห็นมา และด้วยสีหน้าที่ดูไร้เดียงสาของเธอ มันยิ่งกระตุ้นสัญชาตญาณนักล่าที่อยู่ในกายเขาให้พลุ่งพล่าน เขาอดรู้สึกไม่ได้ว่ามันน่าสนุกที่จะได้เล่นกับเธอ
ตราบใดที่พ่อแม่ของเธอไม่รู้เรื่อง ก็คงไม่มีปัญหาอะไร
“มานี่สิแสตมป์” บวรโบกมือเรียกลูกสาว “หมอไนล์ ฉันอยากแนะนำลูกสาวฉันให้รู้จัก เธอชื่อว่าธาริกา หรือแสตมป์”
หญิงสาวก้าวเข้ามา เธอยกมือไหว้เขา พร้อมกับยิ้มอย่างน่าประทับใจ แต่มีบางสิ่งในสายตาของเธอที่บอกว่าเธอไม่ได้ไร้เดียงสาเหมือนภาพลักษณ์ที่เห็น
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะคุณหมอจักรินทร์”
เขายิ้ม “เรียกผมว่าหมอไนล์ได้เลย”
“หมอไนล์” บวรพจน์พูดแทรกขึ้นมา “แสตมป์เพิ่งเรียนจบพยาบาลมา”
มารินีที่ยืนอยู่ข้างกันพยักหน้า “ใช่แล้ว เธอจบด้วยคะแนนสูงสุดของชั้นด้วย ตอนนี้เธอกำลังหางานอยู่”
จักรินทร์เข้าใจความหมายที่อีกฝ่ายต้องการสื่ออยู่ทันที
