9.ข้อความ
มิลลายกมือขึ้นมาเท้าคางแล้วมองออกไปด้านนอกหน้าต่าง ท้องฟ้าที่เมืองปีศาจนี้เป็นสีแดงฉานราวกับสีขาวเลือด นี่คือเวลาตอนกลางวันอย่างนั้นหรือ?
แสงอาทิตย์ที่นี่มิได้เจิดจ้าแต่ทว่ามันขุ่นมัวและให้ความรู้สึกแปลกๆในขณะที่จ้องมอง
"อาเซลที่นี่มีห้องหนังสือรึเปล่า คือข้าเป็นพวกชื่นชอบการอ่านมาตั้งแต่เด็กแล้ว"
"มีค่ะ หลังมื้อเช้าข้าจะพาท่านมิลลาไปนะคะ"
มื้อเช้าแตกต่างจากมื้อเย็นเมื่อวานลิบลับเลยเพราะว่ามันคือเนื้อแกะย่าง ซุปที่ดูหน้าตาพิลึกและน้ำทับทิม รอยยิ้มปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าที่งดงามของมิลลา เธอก้มหน้าลงเล็กน้อยเพื่อกล่าวขอบคุณพ่อครัวที่เขาทำอาหารของมนุษย์มาให้เธอทาน
"อาหารถูกปากรึเปล่า?"
"แน่นอนค่ะท่านจอมมาร ขอบคุณสำหรับความเอาใจใส่เล็กๆน้อยๆนะคะ"
เอาใจใส่อย่างนั้นหรือ? เพราะว่าเขาจำเป็นต่างหาก พลังจะเพิ่มมากขึ้นเมื่อหญิงสาวที่ถือครองพรหมจรรย์ตกอยู่ในห้วงแห่งความรัก รูปลักษณ์และใบหน้าของจอมมารทุกคนจะหล่อเหลาเพราะว่าเราจำเป็นที่ต้องมีสิ่งนี้ในการล่อลวงมนุษย์
เดิมทีปีศาจสามารถฆ่ามนุษย์แล้วช่วงชิงพรหมจรรย์มาได้หลังจากที่หัวใจของสตรีผู้นั้นหยุดเต้นเพียงแต่ว่า นั่นมิใช่หนทางที่ดีสักเท่าไหร่เพราะต่อให้เข่นฆ่าสตรีหลายสิบคน แต่พลังของเขาก็จะเพิ่มขึ้นมาเพียงแค่นิดเดียว บรรพบุรุษของเขาที่เหนื่อยล้ากับการฆ่าสตรีเมืองมนุษย์ จึงทำการเจรจาสงบศึกแล้วสร้างพันธสัญญานี้ขึ้นมา
หญิงสาวพรหมจรรย์แลกกับความสงบสุขและการไม่รุกรานจากปีศาจ
"อีธาน พวกนางจะอยู่ในช่วงวัยที่งดงามที่สุด อย่าได้หลงใหลไปกับรูปลักษณ์ภายนอกที่เย้ายวนเพราะว่าเจ้าจะมีชะตากรรมที่น่าสงสารเหมือนกับท่านเอียลอส จงทำให้นางรักเจ้าและเต็มใจส่งมอบหัวใจและชีวิตของนางให้กับเจ้าเสียก่อน จึงจะสามารถช่วงชิงทุกสิ่งทุกอย่างของนางมาได้ทั้งพรหมจรรย์และลมหายใจ.."
ดูจากสายตาที่มิลลามองมาที่เขา นางหลงใหลไปกับใบหน้าของเขาจริงๆนั่นแหละ สายตาของนางมันเต็มไปด้วยความเพ้อฝันและตกอยู่ในห้วงแห่งความปรารถนา
เห็นทีการทำให้นางรักเขา มันคงจะมิได้ยากเย็นสักเท่าไหร่..
"เห็นอาเซลบอกว่าเจ้าต้องการไปที่ห้องหนังสือ เดี๋ยวข้าจะพาเจ้าไปที่นั่นเอง"
ริมฝีปากของมิลลายกยิ้มขึ้นมาด้วยความดีใจ
"ขอบคุณค่ะ"
หลังจากทานมื้อเช้าเสร็จแล้ว เขาก็พาเธอเดินไปที่ชั้นสามของปราสาท ประตูไม้สีดำที่ชวนลึกลับนั่นทำให้เธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกขนลุก ท่านจอมมารผลักประตูบานใหญ่นั้นเข้าไปด้วยมือเพียงข้างเดียว และด้านในมันเต็มไปด้วยหนังสือมากมายในแบบที่เธอไม่เคยเห็นคลังหนังสือที่ยิ่งใหญ่มากขนาดนี้มาก่อนเลย
"ว้าว นี่มันสุดยอดมากๆเลยค่ะ ข้าไม่เคยเห็นหนังสือที่มากขนาดนี้มาก่อนเลย"
"มันคือห้องหนังสือที่มีไว้สำหรับสตรีที่ถูกส่งมาจากเมืองมนุษย์ หวังว่าหนังสือมากมายเหล่านี้จะช่วยทำให้เจ้าคลายเหงาลงไปได้บ้างกับการเข้ามาอยู่ในที่ที่เจ้าไม่คุ้นเคย"
"แน่นอนค่ะ"
หลังจากนั้นเขาก็สั่งให้ปีศาจงูยกน้ำชามาให้เธอ
"ข้ามีงานที่จะต้องไปทำ เจ้าสามารถอยู่ที่นี่ได้มากที่เจ้าต้องการ"
มิลลาก้มหน้าลงเพื่อเป็นการบอกลาเขา เธอปรายตามองปีศาจงูที่ดูน่ากลัวด้วยหัวใจที่เกิดอาการประหม่าขึ้นมา
"ข้า..สามารถอยู่คนเดียวได้ค่ะ"
"โอ้ เลดี้ข้าเป็นผู้ดูแลห้องสมุดแห่งนี้ ข้าอยู่ที่นี่เพื่อคอยอำนวยความสะดวกให้ท่านในเวลาที่ท่านหาหนังสือประเภทที่อยากอ่านไม่เจอ"
"อ่า..ขอบคุณค่ะ ข้าสามารถนำหนังสือพวกนี้ออกไปอ่านที่ห้องได้ไหมคะ"
เธอรู้สึกไม่คุ้นชินกันการอ่านหนังสือโดยที่ผู้อื่นจับจ้อง และผู้อื่นที่ว่ามันคืองูสีดำตัวใหญ่ในแบบที่เธออยากจะวิ่งหนีไปให้ไกลที่สุด
"แน่นอนครับเลดี้ เช่นนั้นท่านเลือกหนังสือเหล่านั้นมาได้เลยเพราะว่าข้าจะช่วยยกไปส่ง"
หลังจากเลือกอยู่นานมิลลาก็ได้หนังสือมากมายหลายประเภทมา เธอทิ้งตัวลงบนเตียงก่อนจะเริ่มเปิดอ่านหนังสือเล่มแรก มันคือหนังสือที่บอกกล่าวการทำอาหาร..
เธอรู้สึกไม่ไว้ใจและไม่ค่อยถูกปากกับอาหารที่ปีศาจวัวทำให้สักเท่าไหร่นัก คงจะดีหากว่าเธอสามารถทำอาหารเหล่านั้นได้ด้วยมือของตัวเอง และพออ่านสูตรการทำอาหารในใจของมิลลาก็มีความมั่นใจขึ้นมา
เล่มต่อไปมันคือวิธีการปลูกดอกไม้ เธอหยิบมาเพราะว่ารูปดอกไม้ที่หน้าปกมันคือดอกสแตติสสีม่วง ดอกไม้ที่ชวนให้เธอคิดถึงนิยายเรื่องนั้น เรื่องราวความรักของอิดีธ
"อาเซลที่นี่สามารถปลูกดอกไม้ได้รึเปล่า?"
"เท่าที่ทราบมีเพียงดอกสแตติสเท่านั้นที่สามารถปลูกได้ค่ะ ดอกไม้อย่างอื่นไม่ว่าจะพยายามสักเท่าไหร่ก็ไม่สามารถปลูกได้เลยค่ะ.."
ในใจพลันเต้นแรงโดยไร้สาเหตุ เธอก้มหน้าลงเพื่ออ่านวิธีการดูแลดอกไม้ชนิดต่างๆไปเรื่อยๆจนถึง วิธีการปลูกดอกสแตติส..มีตัวหนังสือเขียนเอาไว้จางๆ
"อย่ารักเขา.."
หมายความว่ายังไงกันนะ? มันคือตัวหนังสือที่เขียนจากหลังไปหน้าและใต้ตัวอักษรสุดท้ายมีตัวเลขเล็กๆกำกับอยู่ นี่คือวิธีการส่งสารของทหารนี่นา.. เธอรู้จักเพราะว่าเธออยู่ที่โบสถ์และในตอนที่มิลลาอายุสิบสองเกิดสงครามระหว่างดินแดนขึ้นมา คุณแม่อธิการนอร่าห์จึงสอนให้เธออ่านตัวอักษรพวกนี้เพื่อช่วยในการอ่านการสื่อสารของเหล่าทหารที่ลักลอบส่งข้อความมา
มิลลาหนังสือไปหน้าที่เขียนกำกับเอาไว้ใต้ตัวอักษร
"ปีศาจพวกนั้นจะทำให้เจ้าตายใจ โดยเฉพาะจอมมารที่เขาจะแสร้งทำเป็นรักและใส่ใจเจ้า พวกเขารอคอยวันที่เจ้าจะสูญเสียพรหมจรรย์ให้กับจอมมารด้วยความรักและความหลงใหลที่เจ้ามี หลังจากนั้นร่างของเจ้าจะถูกกัดทึ้งจากท่านจอมมาร ส่วนเศษเนื้อและเลือดที่ไหลรินจะมีปีศาจต่างๆกัดกินจนไม่เหลือเศษเสี้ยวของหลักฐานการมีชีวิตอยู่ของเจ้าเลย"
มิลลากลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เธอมองไปที่ประตูก็เห็นอาเซลที่ยืนนิ่งอยู่
"มีอะไรรึเปล่าคะท่านมิลลา"
"อา..ข้าคิดว่าข้าอยากได้น้ำชาสักถ้วย"
"รอสักครู่นะคะ"
เธอรีบเปิดหนังสือเล่มต่อไปที่มันเกี่ยวกับดอกสแตติส มันคือนิยายรักที่มีรูปดอกสแตติสดอกเล็กๆอยู่หน้าปก
"อย่าได้หวาดกลัว เพราะในระหว่างนี้จะไม่มีปีศาจตนไหนกล้าทำร้ายหรือว่าแตะต้องเจ้าเลย จนกว่าเจ้าจะรักจอมมาร หากว่าเจ้ารักเขาเมื่อไหร่เจ้าจะตายเมื่อนั้นเพราะฉะนั้นหากอยากจะมีชีวิตอยู่เจ้าก็แค่ห้ามรักเขา"
มิลลาเคาะนิ้วอย่างใช้ความคิด ใครเป็นผู้เขียนข้อความเหล่านี้เอาไว้กันนะ? มันคือเรื่องจริงหรือว่าเป็นการแกล้งทำให้ผู้ที่ผ่านมาเห็นความหวาดกลัวการอยู่ที่นี่กัน
