10.เริ่มก่อน
วันนี้ทั้งวันมิลลาใช้เวลาไปกับการอ่านหนังสือมากมายเหล่านั้นจนหมดทุกเล่ม เธอทิ้งตัวลงบนที่นอนอีกครั้งพร้อมหัวใจที่กำลังสั่นไหว
ด้านล่างสุด..บรรทัดสุดท้ายที่ถูกเขียนลงไปใต้ข้อความเหล่านั้น ลงชื่อด้วยหมึกที่จางจนแทบมองไม่เห็นว่า "นอร่าห์ ลาร์ซ"
สาบานได้เลยว่านี่คือเรื่องที่เธอตกใจไม่แพ้กับตอนที่ล่วงรู้ว่าอินคาว่าจ้างชายหนุ่มมากมายให้มานอนกับเธอ บอกได้เลยว่าหัวใจของเธอมันไม่เคยสั่นไหวมากขนาดนี้มาก่อนและ..นี่มันคือความรู้สึกหวาดกลัว
นี่คือครั้งแรกที่รู้สึกได้ถึงความหวาดกลัวที่กำลังครอบงำจิตใจ มิลลาไม่รู้ว่านี่มันคือเรื่องบังเอิญรึเปล่าที่เธอได้รับรู้ข้อความที่คุณแม่อธิการตั้งใจเขียนเอาไว้
แสดงว่าคุณแม่เคยมาอยู่ที่นี่อย่างนั้นหรือ? นั่นคือสาเหตุของการบอกกล่าวกับเธอก่อนที่เธอจะมาที่นี่ว่าไม่ต้องเป็นกังวลแบบนั้นใช่รึเปล่า?
มิลลาพยายามสูดหายใจเข้าลึกๆ เธอกระชับชุดนอนเอาไว้แน่นก่อนจะคว้าผ้าคลุมไหล่มาปกคลุมเอาไว้แล้วเปิดประตูออกไปนอกห้องเพื่อเดินออกไปสูดอากาศ ตอนนี้ท้องฟ้าด้านนอกมืดแล้ว มีเพียงแสงจันทร์เท่านั้นที่สาดส่องเข้ามาตามหน้าต่างกระจกของโถงทางเดิน และเมื่อเธอเปิดประตูออกมาก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ท่านจอมมารเปิดประตูออกมาพอดี
"...สายันห์สวัสดิ์ค่ะท่านจอมมาร"
เขาปรายตามองหน้าเธอ ก่อนจะยกยิ้มที่มุมปากที่ดูอ่อนโยนในแบบที่เธอตาพร่ามัวไปกับรอยยิ้มของเขา
"นอนไม่หลับอย่างนั้นหรือ?"
"ค่ะ ข้าแค่ออกมาเดินเล่นเพราะรู้สึกคิดถึงบ้าน.."
สิ่งเดียวที่เขียนเอาไว้ เหตุผลเดียวที่เธอจะรอดไปจากที่นี่คือเธอจะต้องทำให้จอมมารตกหลุมรักเธอ.. มันถูกเขียนเอาอย่างชัดเจนว่าทุกอย่างจะเปลี่ยนไปเมื่อเขารักเธอ
เพราะเธอจะไม่ตายและการส่งมอบพรหมจรรย์ให้เขามันจะกลายเป็นพันธสัญญา หากว่าเขาอยู่ในห้วงแห่งความรักแน่นอนว่าเธอจะสามารถร้องขอทุกสิ่งทุกอย่างจากนายท่านที่มีอำนาจสูงสุดในบรรดาจอมมาร แต่หากว่าเธอรักเขาและส่งมอบครั้งแรกให้โดยที่เธอเป็นฝ่ายตกอยู่ในห้วงแห่งความรัก..เธอจะตาย
ก็แค่ไม่รักเขา และทำให้เขารักเธอให้ได้
"เช่นนั้น เดินไปด้วยกันสิครับ"
เขาเองก็คงจะพยายามอยู่เช่นกัน พยายามเพื่อที่จะทำให้เธอรักเขา นี่มันความสัมพันธ์แบบไหนกันวะเนี่ย!
"ค่ะ อันที่จริงมีเรื่องราวมากมายที่ข้าต้องการซักถามและพูดคุยกับท่านค่ะ"
"เจ้าสามารถสอบถามได้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เจ้าอยากจะรู้ หากว่ามันอยู่ในขอบเขตที่ข้าสามารถตอบได้"
เธอหมุนตัวเข้ามาหาเขา ก่อนจะยกมือขึ้นมากอบกุมใบหน้าของเขาเอาไว้
"ท่านช่าง..งดงาม ข้าคิดว่ามันคือความงดงามของเทวดามากกว่าที่จะเป็นปีศาจร้าย และ..ความเมตตาของท่านที่ข้าเห็นมันก็..ยิ่งย้ำชัดในสิ่งที่ข้ากำลังคิด"
เขาเลิกคิ้วมองหน้าเธอ
"นี่คือการยั่วยวนประเภทหนึ่งอย่างนั้นหรือ?"
"แล้วมันผิดอย่างนั้นหรือคะ ในเมื่อ..ข้าคือว่าที่ภริยาของท่าน"
เขาหัวเราะออกมาเบาๆ
"แน่นอนว่าไม่ผิดสักนิด เช่นนั้นเราควรจะเปลี่ยนเส้นทางจากการเดินไปเรื่อยๆอย่างไร้จุดหมาย เปลี่ยนไปเป็นการเดินเข้าไปในห้องนอนของข้าแทน"
มิลลาชะงักเล็กน้อยแต่ทว่าใบหน้าที่งดงามของเธอก็ยังคงแย้มยิ้ม
"หากว่าการเปลี่ยนเส้นทางในครั้งนี้จะทำให้ข้ารู้จักท่านมากขึ้น ข้าก็ยินดีค่ะ"
เขายื่นมือมาให้เธอพร้อมกับรอยยิ้มที่พยายามอย่างยิ่งที่จะล่อลวงหัวใจดวงน้อยๆของเธอ มิลลาวางมือลงบนมือของเขาเธอส่งรอยยิ้มที่ไร้เดียงสากลับไปให้เขาราวกับว่าเธอคือสตรีที่มิได้ล่วงรู้เรื่องราวใดๆเลย
เขาพาเธอเข้ามาในห้องนอนที่แสนกว้างใหญ่ของเขาก่อนจะเดินไปที่ตู้เก็บไวน์ เขาไล้นิ้วไปมาบนขวดไวน์ก่อนจะหยิบขวดไวน์สีดำสนิทขึ้นมา ท่านจอมมารเทไวน์ใส่แก้วพร้อมกับส่งให้เธอ
มิลลารับมันมาวนเบาๆที่จมูกเพื่อสูดดมกลิ่นหอมหวานของไวน์ มันเป็นกลิ่นหอมในแบบที่เธอไม่คุ้นเคยเลย ในกลิ่นหอมมีกลิ่นของสมุนไพรอะไรสักอย่างอยู่ในนั้น เมื่อสูดดมจนแน่ใจว่ามันสามารถดื่มได้ เธอก็ค่อยจิบเบาๆ
เป็นรสหวานที่เธอไม่เคยได้ลิ้มรสมากก่อนเลย หวานจนรู้สึกแสบคอ แต่ทว่ากลิ่นและรสชาติสมุนไพรที่เจือจางทำให้รู้สึกเย็นเป็นการผสมผสานที่ลงตัวมากทีเดียว
"ข้าไม่เคยดื่มไวน์รสชาติแบบนี้มาก่อนเลยค่ะ ไม่ทราบว่าใช้องุ่นหมักกับสมุนไพรอะไรอย่างนั้นหรือคะ?"
เขาหัวเราะเบาๆก่อนจะเดินเข้าไปหาเธอ อีธานแลบลิ้นออกมาเพื่อเลียริมฝีปากที่เปื้อนไปด้วยไวน์ของมิลลาช้าๆ
"เป็นรสหวานของเลือดต่างหาก มันคือเลือดของเหยี่ยวที่นำมาหมักกับสมุนไพรสูตรเฉพาะของที่นี่เพื่อกลบกลิ่นคาว ให้คงไว้แต่รสหวานเท่านั้น"
ให้ตายเถอะเธอกำลังรู้สึกร้อนไปทั่วลำคอและริมฝีปาก ไม่รู้ว่าจะตกใจเรื่องไหนก่อนเรื่องที่ไวน์นั่นคือเลือดเหยี่ยวหรือว่าเรื่องที่เขาเลียริมฝีปากของเธอ!!
อีธานยกยิ้มจางๆเมื่อเขาเห็นใบหน้าที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกของมิลลา เขายกแก้วไวน์สีแดงของเลือดเหยี่ยวขึ้นมาดื่มโดยที่สายตามิได้ละไปจากใบหน้าที่งดงามของมิลลาเลย
ไม่ได้..เธอจะยินยอมให้เขามาปั่นหัวเธอเล่นแบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด มิลลาสูดหายใจลึกๆก่อนที่เธอจะเดินเข้าไปหาเขา เสียงพี่ลิเลียนในหัวพลันดังขึ้นมา มันคือเสียงที่พร่ำสอนเธอซ้ำๆในเรื่องของการเข้าหาบุรุษสักคน
"มิลเจ้าจะต้องรู้จุดยืนของเขาก่อนขั้นแรก เชื่อเถอะว่าในยามที่บุรุษรู้สึกได้ว่าสายตาของเราที่จับจ้องอยู่บนใบหน้าของเขา ในใจของเขาจะเกิดความรู้สึกเหนือกว่า.. เจ้าจะต้องไม่แสดงท่าทีเขินอายแต่จงส่งสายตายั่วยวนไปให้เขาแทน พร้อมกับเดินเข้าไปหาเขาในสถานการณ์ที่เขาคิดว่าเราไม่มีทางเดินเข้าไป หลังจากนั้นก็เริ่มสัมผัสร่างกายของเขาสักที่ ตรงที่เขาไม่คิดว่าเราจะสัมผัสและหากว่าบรรยากาศในตอนนั้นมีแค่เจ้ากับเขาสองคนก็เริ่มสัมผัสบนริมฝีปากของเขาก่อนได้เลย เชื่อเถอะว่าไม่มีใครคาดคิดเรื่องการเริ่มก่อนของสตรีหรอกพวกเขาคิดว่าตัวเองคือผู้คุมเกมและสามารถปั่นหัวเราเล่นได้ หากว่าเจ้าจูบเขาก่อน เจ้าจะได้เห็นดวงตาที่เบิกกว้างเพราะว่าเขากำลังตกใจ.."
เธอเดินเข้าไปหาพร้อมกับยกมือขึ้นมากุมใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาเอาไว้อีกครั้ง แน่นอนว่ามิลลาไม่คิดจะทำแค่การแลบลิ้นออกมาเพื่อเลียที่ริมฝีปากอย่างที่เขาทำแต่เธอจะจูบเขา..
ใช่..เธอจะจูบเขาก่อน!
อีธานหรี่ตาลงพร้อมกับส่งเสียงร้องหึออกมา เขาโน้มใบหน้าลงมาก่อนที่มิลลาจะเริ่มจูบเขาก่อนเสียอีก ริมฝีปากของเขาทาบทับลงไปที่ริมฝีปากของเธออีกครั้งพร้อมกับเกลียวลิ้นที่กำลังพยายามสอดแทรกเข้าไปด้านในโพรงปากของมิลลา
