บท
ตั้งค่า

Chapter 2 : ฉันคือเหรินฟางเซียน

Chapter 2

‘ฉันคือเหรินฟางเซียน’

ฮวาหลินลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งในยามซื่อของวันแน่นอนว่ามันสายมากเสียแล้วสำหรับยุคโบราณแบบนี้ที่ผู้คนตื่นกันเสียตั้งแต่ไก่ยังไม่ขัน แสงแดดสาดส่องเข้ามาภายในห้องจนอุณหภูมิสูงขึ้นเหงื่อเม็ดเล็กไหลอาบตามเนื้อกาย ช่วงนี้คงเป็นฤดูร้อนเป็นแน่ อากาศมันถึงอบอ้าวเช่นนี้ หญิงสาวก้าวเท้าลงจากเตียงเดินงัวเงียขยี้ขี้ตามายังอีกห้องที่ติดกับห้องนอนถ้าตามนิยายตรงนี้คือห้องอาบน้ำ เธอหันไปคว้าถังเตรียมจะไปยกน้ำจากบ่อด้านหลังที่ติดกับเรือนแต่ก็ต้องหยุดฝีเท้าลงเพราะตอนนี้อ่างไม้มันกลับมีน้ำอยู่แล้วไหนจะกลีบดอกไม้ที่ลอยอยู่ด้านบนอีก กลิ่นหอมอ่อน ๆ ลอยโชยออกมาจนรู้สึกสดชื่น

ด้วยความร้อนที่ถาโถมออกมาจากร่างกายฮวาหลินในร่างของเหรินฟางเซียนก็ไม่ได้สนใจอะไรนัก ปลดเปลื้องอาภรณ์ของตัวเองแล้วก้าวขาลงไปแช่น้ำอย่างสบายกายและใจ น้ำค่อนข้างเย็นสดชื่นแถมยังมีกลิ่นหอมอบอวลจนติดผิวอีกต่างหาก ไม่รู้ว่าในน้ำมีอะไรบ้างทำไมมันถึงได้ยอดเยี่ยมปานนี้ สำคัญไปกว่านั้นผู้ใดกันนะที่เข้ามาเตรียมน้ำไว้ให้แบบนี้

ช่างเถอะ! ถ้าฝ่ายนั้นมีเจตนาดีก็ย่อมดีจะคิดมากทำไม

หลังจากอาบน้ำเสร็จฮวาหลินก็เดินออกมายังด้านหลังฉากกั้นที่เอาไว้เปลี่ยนอาภรณ์ หยิบเอาเครื่องหอมตรงหน้าโต๊ะเครื่องแป้งมาแต้มตามผิว ใบหน้าถูกผัดด้วยผงสีขาว ๆ ที่เดาว่าเป็นแป้งแหละมั้ง ชาดถูกแต่งแต้มลงบนแก้มและริมฝีปากจนขึ้นสีแดงสวยสง่างาม ผงคิ้วถูกเกลี่ยลงบนหัวคิ้วจรดหางเพื่อเพิ่มราศีให้ดวงหน้างดงาม เมื่อมองตัวเองผ่านคันฉ่องก็ต้องตะลึงในความสวย สองมือยกขึ้นจับแก้มตัวเองด้วยสีหน้าตื่นเต้น

“เจ้านี่งามยิ่งนักเหรินฟางเซียน”

“ศิษย์พี่ใหญ่ท่านแกล้งข้าอีกแล้ว!”

“เจ้ามันโง่เองต่างหาก"

ความชื่นชมในรูปลักษณ์จางหายไปเมื่อหูได้ยินเสียงตะโกนโวยวายด้านนอก ฮวาหลินพยายามเงี่ยหูฟังก็ได้ยินเสียงคนพูดคุยไหนจะเสียงเหมือนกระบี่กระทบกันอีก ก็ไม่แปลกในเมื่อมันสายป่านนี้ศิษย์พี่ของเหรินฟางเซียนคงออกมาฝึกซ้อมวรยุทธ์กันแล้ว เธอเองก็ควรจะออกไปพบปะผู้คนเสียทีอยู่แต่ในห้องมาแปดวันแล้วเดี๋ยวคนเขาจะหาว่าตาย

ร่างเล็กก้าวเท้ามายังชั้นผ้าก่อนจะหยิบเอาชุดกระโปรงออกมาแต่สายตาก็เหลือบไปเห็นชุดกางเกงดูทะมัดทะแมงแขวนอยู่ที่ผนัง ชุดนี้น่าจะเป็นชุดที่ใช้ฝึกฝนตามที่อ่านมาจากนิยายจึงคว้าเอามาสวมใส่ ตัวชุดไม่ได้หลายชั้นเป็นกางเกงด้านในส่วนด้านนอกมีชายยาวคล้ายกระโปรงแต่ผ่าข้างถึงเอวทั้งสองข้าง เวลาเดินทำให้เห็นเรียวขาที่ก้าวออกมา ผ้าคาดเอวค่อนข้างใหญ่กว่าปกติจนแทบจะถึงใต้หน้าอก ตัวเสื้อยังเป็นแบบซ้ายทับขวาแต่แขนเสื้อจะไม่กว้างค่อนข้างรัดไปกับท่อนแขนช่วงปลายผ้าจะเล็กและรัดแนบแน่นกับข้อมือไม่รุ่มร่ามเหมาะสำหรับฝึกวิชาที่ต้องกระโดดตีลังกาขาชี้ฟ้ามันทั้งคล่องตัวและไม่อุจาดตา

“เอาแหละฮวาหลินต่อจากนี้เธอจะไม่ได้ชื่อนี้อีกต่อไป นามใหม่ของเธอคือเหรินฟางเซียน”

หญิงสาวมองตัวเองผ่านเงาสะท้อนของคันฉ่องตรงหน้าในชุดผู้ฝึกยุทธ์ที่องอาจเยี่ยงบุรุษก็ภูมิใจไม่น้อย แต่นับจากนี้ไปเธอจะใช้ชื่อว่าฮวาหลินอีกต่อไปไม่ได้แล้ว มันอาจจะทำให้เผลอหลุดปากขานชื่อนี้ออกไปจนผู้อื่นสงสัย ในเมื่อโลกปัจจุบันฮวาหลินตายแล้วงั้นนามนี้ก็ควรตายไปจริง ๆ ตอนนี้ได้ร่างใหม่ชื่อใหม่มันก็เหมือนเกิดใหม่อีกครั้ง ควรลืมชื่อฮวาหลินละทิ้งมันไปตามที่ควรจะเป็นในฐานะคนตาย

เพราะในตอนนี้นามของเธอคือ ‘เหรินฟางเซียน’ ศิษย์น้องสี่แห่งยอดเขาซูเซียว ภายใต้การอบรมสั่งสอนของอาจารย์หลันเฉินเซียวเท่านั้น

“เซียนเอ๋อร์”

“อาเซียน”

ทันทีที่เหรินฟางเซียนคนใหม่ไฉไลกว่าเดิมก้าวออกมายังลานฝึกตนบรรดาศิษย์พี่ก็รีบวิ่งเข้ามาหานางด้วยรอยยิ้มกว้าง ใบหน้าเป็นมิตรและยินดีที่ได้เห็นนาง แน่นอนว่าศิษย์น้องเล็กแบบนางจะต้องรีบทำความเคารพศิษย์ผู้พี่ทั้งหลาย พอจะเดาออกว่าใครเป็นใครเพราะคาแรคเตอร์ไม่ได้หลุดจากนิยายนัก การแต่งตัว ท่าทางมันบ่งบอก สองมือยกขึ้นประสานกันโค้งหัวลงเล็กน้อยอย่างนอบน้อม

“ศิษย์น้องสี่ขอคารวะศิษย์พี่ใหญ่ ศิษย์พี่รอง”

“ไม่ต้องมากพิธีหรอก เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?” ‘ลู่หลันฉิง’ ศิษย์พี่ใหญ่รีบรับมือของศิษย์ผู้น้องที่คำนับตนเอาไว้

“ฉัน เอ๊ย! ขะ... ข้าสบายดีแล้ว ไม่ได้เจ็บปวดตรงไหนอีก”

เหรินฟางเซียนแทบจะหลุดคำพูดสมัยใหม่ออกไปจนต้องรีบเบรกตัวเองกะทันหันพร้อมรอยยิ้มหวานตราตรึงใจ รอยยิ้มจะช่วยทุกอย่างเชื่อสิ งั้นยิ้มเยอะ ๆ คนสวยต้องยิ้มเข้าไว้

“ตอนเจ้าตกน้ำตกเจ็ดชั้นพวกข้ากระวนกระวายใจแทบตาย ดีที่ประมุขชิวช่วยเจ้าขึ้นมาได้” ‘ลู่จิงฉิง’ ศิษย์พี่รองน้องชายแท้ ๆ ของลู่หลันฉิงกล่าวขึ้น

ประมุขชิว... นางขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้ยินชื่อนี้ก่อนจะนึกออกว่าคนผู้นี้คือ ‘ชิวฮุ่ยหมิน’ ประมุขแห่งหอสารทฤดูตั้งอยู่ที่หุบผาเชียงเหมียนและน้ำตกเจ็ดชั้นก็คือน้ำตกที่อยู่หน้าหอสารทฤดู ถ้าตกลงไปก็เหมือนตกนรกเพราะมันลึกไร้ที่สิ้นสุด น้ำแรงซ้ำยังเป็นน้ำวน ยากนักที่จะรอดชีวิตถ้าวิชาเซียนมีไม่มากพอ จนคนขนานนามว่าห้วงนทีสู่เมืองผีถึงจะงดงามแต่ก็อันตราย

และใช่จ้า! พ่อหนุ่มคนนี้ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นพระรองที่ต้องตายตอนจบนั่นเอง ตบมือต้อนรับพระรองค่ะ แปะ ๆ คือบุคคลที่ทำให้ฮวาหลินชอกช้ำจากการอ่านนิยายจนประสบอุบัติเหตุตายและโดนดูดเข้ามาในหนังสือ พอคิดไปคิดมาหรือทางเดียวที่นางจะหลุดพ้นจากเรื่องบ้าบอคอแตกแบบนี้ได้คือการช่วยพระรองผู้นี้ให้สมหวังกันนะ ก็นางเห็นใจพระรองก่อนตาย น้ำตาอาบหน้าด้วยความสงสาร นี่อาจจะเป็นภารกิจของนางถ้าอยากไปเกิดใหม่ในชาติปัจจุบันไม่อยากถูกกักขังวิญญาณในหนังสือเล่มนี้ตลอดไปก็ต้องช่วยให้ ‘พระรองแบบชิวฮุ่ยหมินสมหวังกับนางเอก’

ด้วยการ ฆ่าพระเอก เสีย!

แต่พระเอกเรื่องนี้คือหลันเฉินเซียวเชียวนะ เขาเป็นอาจารย์ของนาง เนี่ย! เห็นถึงความลำบากใจ ใครมันจะฆ่าอาจารย์ตัวเองได้ แต่ถ้าไม่ฆ่านางก็ไม่หลุดพ้นจากนิยายเรื่องนี้ ความรู้สึกตอนนี้เหมือน B1 B2 กำลังทะเลาะกันจนจะต่อยกันอยู่แล้ว

"แม่งเอ๊ย! ทำไมเขาจะต้องเป็นอาจารย์ด้วย!"

"ห๊ะ! ศะ... ศิษย์น้องเจ้าว่าอย่างไรนะ?" ลู่หลันฉิงขมวดคิ้วเข้ม

"อ๋อ ปะ... เปล่าหรอกศิษย์พี่ใหญ่ ไม่มีอันใด"

เหรินฟางเซียนรีบฉีกยิ้มกว้างจนเห็นฟันครบ 32 ซี่ ยิ้มเข้าไว้ มีอะไรก็ยิ้ม รอยยิ้มคือใบเบิกทาง ฉิบหายวายวอดแค่ไหนก็จงยิ้มสู้ แต่รอยยิ้มแป้นของศิษย์ผู้น้องกับทำศิษย์ผู้พี่รู้สึกประหลาดใจจนต้องหันมองหน้ากันเพราะรอยยิ้มแบบนี้มันน่าพิลึกเสียมากกว่าน่ามอง ยิ้มจนปากแทบจะฉีกถึงใบหูแล้ว

"ท่านอาจารย์อยู่ไหนหรือ?" นางหุบยิ้มเข้าสู่โหมดจริงจังจนศิษย์ผู้พี่แทบปรับอารมณ์ไม่ทัน เหมือนผีเข้าผีออก

"อยู่หอตำรา" ศิษย์พี่รองกล่าว

"ขอบคุณศิษย์พี่งั้นข้าขอตัวไปพบอาจารย์ก่อน"

ว่าจบเหรินฟางเซียนก็หันหลังให้ศิษย์พี่ทั้งสองแต่แทนที่นางจะเดินแบบสำรวมกายวาจาสมเป็นผู้ฝึกตนดันก้าวขาออกวิ่งไปข้างหน้าจนผมยาวสีดำขลับดั่งเส้นไหมปลิวไสว สองเท้ากระโดดขึ้นบันไดเป็นลิงเป็นค่างจนศิษย์พี่ใหญ่แทบจะเป็นลม

"ฉิงเอ๋อร์ รับข้าที"

"ได้ท่านพี่" ลู่จิงฉิงรีบยกแขนขึ้นรับพี่ชายที่มีฐานะเป็นศิษย์พี่ด้วยเมื่อเห็นอีกฝ่ายโอนเอนไปมาเหมือนจะหน้ามืด

"เจ้าว่าศิษย์น้องแปลกไปไหม?"

"ข้าว่าพิลึกเลยดีกว่า"

"บางทีนางอาจจะหัวกระแทก"

"หรือบางทีผีอาจจะสิงนาง"

"โอ๊ย! ข้าจะเป็นลม"

"ท่านพี่ข้าก็เช่นกัน"

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel