บท
ตั้งค่า

บทที่ 2

บทที่ 2

ก๊อกๆ...

เสียงเคาะดังขึ้นสองสามครั้งก่อนประตูจะเปิดออกกว้าง ขุนพลเงยหน้าจากเอกสารแล้วมองเลขาวัยกลางคนนามว่าเกศรายื่นหน้าเข้ามาในห้อง

"คุณพระพายมาค่ะ ให้เข้ามาเลยไหมคะ" เกศรายิ้มเยือน เพราะทำงานด้วยกันมาหลายปีก็พอจะชินกับใบหน้าบึ้งตึงของเจ้านายได้อยู่บ้าง เพราะว่าต่อให้ตีหน้านิ่งแค่ไหนก็หล่อบาดใจสะเหลือเกิน

"อื้อ ให้เข้ามาสิ" ขุนพลตอบเบาๆ จากนั้นประตูก็เปิดออกกว้าง ร่างของพระพายที่เดินกึ่งวิ่งเข้ามาหาพี่ชายก่อนจะกระโจนขึ้นไปนั่งบนตัก โดยไม่ได้มองว่ามีใครอีกคนอยู่ในห้องด้วยในเวลานี้

"เฮีย คิดถึงจังเลยค่ะ" คนตัวเล็กพูดอย่างออดอ้อน สองแขนรวบเข้าที่คอพี่ชาย ปากเล็กพร่ำพูด จมูกก็กดจูบที่แก้มสากซ้ายที ขวาที จนอีกคนที่อยู่ในห้องด้วยจ้องเขม็ง

โตขนาดนี้แล้วยังทำตัวเป็นเด็ก

หนุ่มหล่ออีกคนครุ่นคิดพลางขมวดคิ้ว และเลือกที่จะไม่สนใจแต่ก็เอียงหูฟังการสนทนาตลอดเวลา

"โอเค คิดถึงก็คิดถึง มายังไงล่ะเรา" คนพี่ถามเสียงเข้ม น้องสาวตัวแสบกมาบอกคิดถึงทั้งที่เพิ่งเจอกันอยู่เมื่อเช้าไม่รู้จะอ้อนเอาอะไร แต่ขุนพลก็ไม่ได้ว่าปล่อยให้น้องนั่งบนตักต่อไป พลางยกมือขึ้นไปหยิบปอยผมของอีกคนทัดใบหูเล็ก พระพายก็เหมือนเด็กเล็กๆที่ขุนพลต้องดูแล เธอติดพี่ชาย ทั้งรักทั้งหวง แล้วอ้อนพี่ที่สุดมากกว่าพ่อด้วยซ้ำ

"ปั่นจักรยานมาค่ะ"

"อ้าวเหรอ ทำไมไม่ให้คนที่บ้านมาส่ง" คนพี่เลิกคิ้วสูงเเมื่อได้ยินแบบนั้น

"ออกไปข้างนอกกันหมดค่ะ เลยยืมจักรยานของเหมียวปั่นมา เหนื่อยเหมือนกัน แหะ..." คนตัวเล็กยิ้มแหยๆ แล้วโบกมือพัดใบหน้าตัวเองที่ยังคงแดงก่ำจากการปั่นจักรยานมาถึงรีสอร์ทของพี่ชายด้วยระยะทางราว ๆ หนึ่งกิโลเมตรเห็นจะได้

"ก็ไม่น่าปั่นมาเอง โทรมาบอกก็ได้ เดี๋ยวเฮียจะได้ให้คนไปรับ" ขุนพลบ่นเบาๆ ก็เพราะเป็นห่วงมากกว่า พระพายเองก็ไม่ได้กลัวหรอกแค่หดคอแล้วยิ้มขำๆเท่านั้น

"ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ถือว่าออกกำลังกายไง แล้วหนูก็ปั่นผ่านไร่มาใช่มั้ย มีหมาหลงทางมาด้วยแหละค่ะ แต่หนูให้น้ากำจรเขาไปดูแล้วว่าเป็นหมาของใคร ถ้ามันหลงมาไม่มีเจ้าของหนูจะเลี้ยงค่ะ" พระพายเล่าเหตุการณ์ระหว่างทางให้พี่ชายฟังเสียงเจื้อยแจ้ว เธอเจอหมาน้อย พอดีแถวนั้นมีกำจรหัวหน้าคนงานยืนสั่งงานอยู่ ก็เลยให้เป็นธุระจัดการให้

"เจอหมาเหรอ มีหมาจริงๆด้วยเหรอ" ขุนพลเหลือบมองคนที่นั่งอยู่มุมห้อง ไม่ได้โกหกสินะ

ในขณะที่นักรบเลิกคิ้ว จะไปรู้ได้ยังไงก็หมาเด็กที่เขาพูดถึงคือคนที่นั่งอยู่บนตักเจ้านายเขาตอนนี้ต่างหาก ใครจะไปคิดว่าจะมีหมาหลงเข้ามาจริงๆ

"ไม่รู้หมาใครค่ะ ตัวนิดเดียวเอง หรือมีใครเอามาปล่อยไม่รู้นะคะ ถ้าไม่มีเจ้าของหนูขอเลี้ยงนะคะ นะคะ" พระพายอ้อนใส่พี่ชาย ทั้งซบทั้งกอด ขอเลี้ยงเจ้าตัวเล็กขนปุยที่หลุดเข้ามาในไร่

ขุนพลโครงศีรษะไปมา ยากที่จะตัดสินใจ เพราะก่อนหน้านี้พระพายเพิ่งจับแมวหลงมาเลี้ยง เป็นแมวไทยสีดำใส่ถุงเท้าขาวสี่ข้าง หน้าท้องเป็นรูปหัวใจสีขาว เจ้าตัวชอบนักหนาตั้งชื่อว่าลูเทอร์ ทั้งที่เป็นแมวไทยก็เถอะนะ เธอว่ามันเหมาะกับสีผิวของเจ้าเหมียวตัวนั้นดี

"ขอคิดดูก่อน ถ้าเป็นเด็กดีจะพิจารณาเป็นพิเศษ" ว่าพลางโยกหัวน้องสาวไปมา

"เด็กดีแน่นอนครับผม" ว่าแล้วยิ้มแป้นยกมือขึ้นทำท่าตะเบ๊ะใส่พี่ชาย ขุนพลยิ้มขำน้องด้วยความตลก พระพายเองก็หัวเราะเสียงดังจนเรียกรอยยิ้มให้คนหน้าตึงที่นั่งมองอยู่นานขึ้นมาได้บ้าง

"แล้วไหนว่าจะไปในเมืองไง ไปยังไงล่ะไม่มีใครอยู่" ขุนพลจำได้ว่าน้องบอกเอาไว้เมื่อเช้าว่าเพื่อนๆจะมาค้างที่ไร่ โดยเดินทางมาถึงช่วงเย็นและเธอต้องออกไปรับที่ท่ารถในตัวเมือง

"ไปเย็นๆค่ะ เฮียไปส่งหนูหน่อยนะคะ" พระพายกระโดดลงจากตักพี่ชายมายืนข้างๆ นวดแขนให้อย่างเอาใจ

"เฮียไม่ว่างน่ะสิ รบไปส่งน้องหน่อยได้ไหม ยังไงก็ต้องเข้าเมืองอยู่แล้วนี่" ขุนพลเอนตัวมองเพื่อนผ่านตัวน้องสาว นั่นเลยทำให้พระพายรู้ว่าพี่ชายเธอไม่ได้อยู่คนเดียว

เจ้าตัวหันไปมองช้า พลางทำตาโต อยู่ด้วยเหรอ ทำไมไม่เห็น บ้าจริง!

"ออเฮียไม่ว่างเหรอคะ งั้นไม่เป็นไรหรอกค่ะ หนูขับรถไปเองก็ได้" คนตัวเล็กรีบบอก ก่อนจะเสมองปฏิกิริยาของคนที่ยังนั่งเฉยๆอยู่ตรงนั้น

"แต่เฮียเป็นห่วง มันไกล แล้วไปตอนเย็นพระพายไม่ได้ชินทางนะอย่าลืม" ขุนพลท้วงขึ้นมา

ถึงที่นี่จะเป็นบ้านเกิดแต่ก็เข้าไปเรียนในกรุงเทพฯตั้งแต่มัธยมต้น แถมยังเป็นโรงเรียนประจำที่จะกลับบ้านเฉพาะเสาร์อาทิตย์ และทุกครั้งก็ต้องมีคนขับรถให้ เขาไม่วางใจให้เธอไปเองหรอก ประเดี๋ยวได้หลงทางกันน่ะสิ แถมทางเข้าไร่ก็อันตรายจะตายไป

"หนูเกรงใจคนของเฮียค่ะ เขาคงไม่อยากไปกับหนู" เธอเบนสายตาไปมองอย่างเปิดเผย

อีกฝ่ายยังคงนิ่งแต่ก็กดปิดโทรศัพท์แล้วยัดมันเข้าไปในกระเป๋ากางเกง หยัดกายลุกขึ้นยืนเต็มความสูง จนคนตัวเล็กอย่างพระพายต้องแหงนหน้ามอง
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel