บทย่อ
อะไรกัน?เริ่มเรื่องย้อนเวลามาก็โดนแย่งงานแต่ง? หนานจาวเสวี่ยต่อให้จะต้องคลานออกมาจากโลงศพก็ต้องเอาคืนมาให้ได้! แต่ใครกล้าให้นางไหว้ฟ้าดินกับไก่ตัวผู้? ฆ่ามัน ตุ๋นซะเลย! จะประทานสนมชั้นสูงให้สามีนาง? เอาพวกมันโยนลงทะเลสาบให้หมด! แต่ละคนก็กราบกรานอ้อนวอน ไม่กล้าประจันหน้ากับหนานจาวเสวี่ยอีก คนต่างลือว่าหนานจาวเสวี่ยโหดเหี้ยมและทรงพลัง คนที่ถูกแย่งตัวมานั้นพูดอย่างยินดีว่า:นางแย่งงานแต่งก็เพราะรักข้า ตบตีพวกเจ้าก็เพื่อปกป้องข้า ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำ ล้วนเพื่อข้าทั้งนั้น พวกเจ้าด่านาง ก็แค่อิจฉาที่ข้าทีภรรยาที่ดีก็เท่านั้น! หนานจาวเสวี่ยยิ้มอย่างเยือกเย็น: เหอะ ผู้ชายช่างเก่งนักหนา รู้จักปกป้องศักดิ์ศรีของตัวเองเสียเหลือเกิน!
บทที่ 1
“รีบฝังรีบฝัง! ฝังเสร็จจะได้กลับไปรับเงิน!”
บริเวณใกล้เคียงสุสานรกร้างที่นอกเมือง คนสามสี่คนกำลังขุดหลุมอยู่ ส่วนในหลุมมีโลงศพที่ธรรมดาทว่ากลับปิดแน่นสนิทวางเอาไว้โลงหนึ่ง
โลงศพถูกดินกลบไปครึ่งหนึ่งแล้ว กลับยังส่งเสียงปึงๆๆ ออกมาจากข้างใน
จึงหมายความว่าคนข้างในโลงศพไม่ได้ตาย
ทว่าเตรียมถูกฝังทั้งเป็นแล้ว
สามสี่คนที่ขุดหลุมนั้นไม่ได้กลัวอย่างสิ้นเชิง แต่รู้สึกรำคาญเสียงดิ้นรนขอความช่วยเหลือข้างในนั้นแล้ว มีคนหนึ่งใช้พลั่วตบโลงศพอย่างแรง
โลงศพจึงสั่นอย่างรุนแรง ชั่วขณะนั้นข้างในเงียบเสียงลง
คนผู้นั้นด่าทอออกมา “แม่งนางตัวดี ตายไปดีๆ ก็เรียบร้อยแล้ว ยุ่งยากอะไรปานนี้”
อีกคนหนึ่งส่ายหน้าถอนหายใจ “คนอื่นเขาก็น่าสงสารมากพอแล้ว เกิดมาในตระกูลมั่งคั่งกลับโดนแม่เลี้ยงกดขี่ คราวนี้เพราะอยากแย่งงานแต่งของนางไป เลยโดนพ่อแท้ๆ ฆ่าทิ้ง”
“ตระกูลร่ำรวยพวกนี้ ชีวิตก็อาภัพเช่นกัน”
“พอแล้ว เจ้ายังมาเห็นใจนางอีก” คนผู้นั้นที่นิสัยฉุนเฉียวเยาะเย้ย “ตนเองไม่มีเงินสักแดง ดันไปเห็นใจคุณหนูตระกูลร่ำรวยแล้ว”
“รีบฝังเร็วเข้าเถิด ฝังเสร็จจะได้กลับไปรายงาน ยังรับเงินรางวัลมาได้อีก”
สามสี่คนนั้นเร่งความเร็วขึ้น ทันใดนั้น เสียงดังครื้นทีหนึ่ง ผู้ชายด้านข้างร้องเสียงดัง “เหตุ เหตุใดถึงทรุดลงไปแล้ว?”
“ข้าทางนี้ก็เหมือนกัน!”
ในเวลานี้ เห็นเพียงดินโดยรอบของโลงศพที่ถูกฝังไปได้ครึ่งหนึ่งนั้น ทรุดลงไปกะทันหัน ทุกคนกำลังตื่นตกใจยังไม่ทันเข้าใจสถานการณ์ ก็มองเห็นโลงศพเหมือนว่าค่อยๆ ผุพัง
ไม่ถึงอึดใจเดียว โลงศพผุพัง จากนั้นเผยคนที่นอนอยู่ข้างในออกมาแล้ว
ชุดขาวผมยาว ลืมตาอย่างโกรธเคือง
สายตาหญิงสาวอึมครึม แฝงด้วยความหนาวเหน็บ โจวซานตกใจจนขาทั้งคู่อ่อนแรง ร้องเสียงดัง “ผี......ผีหลอก ผีหลอกแล้ว......”
เขาอยากหนี แต่แค่อึดใจเดียว แผ่นกระดานโลงศพนั้นก็ผุพังจนไม่หลงเหลือสักนิดเดียว
หญิงสาวที่นอนอยู่ในโลงศพขยับตัวแล้ว กำลังสะบัดมือที่ทุบโลงศพจนเลือดไหล ในแววตาลึกของนางปะทุความปรารถนาอยากฆ่าอันเข้มข้นออกมา
นางลุกขึ้นเดินไปใกล้สามสี่คนนั้น โจวซานคุกเข่าลงขอร้อง
“พวกเรา พวกเราแค่รับคำสั่งมาทำตามขอรับ คุณหนูใหญ่ คุณหนูใหญ่ไว้ชีวิตด้วย......”
ผู้ชายที่เคาะโลงศพเมื่อครู่ด่าว่าแล้ว “นางตัวดี อยากจะทำให้ข้ากลัว”
เขาไม่มัวคิดสักนิด จับพลั่วในมือไว้ ยกขึ้นแล้วฟาดเข้าไปแล้ว
ส่วนในปากยังพูดอย่างได้ใจไปพลาง “คุณหนูใหญ่ หลับให้สบายเถิด อยากแก้แค้น ข้าว่ายังเป็นชาติหน้าแล้วกัน!”
ได้ยินเพียงเสียงดังฟึ่บทีหนึ่ง
เลือดกระเด็น สามสี่คนนั้นคิดว่าทำสำเร็จแล้ว ไม่ทันได้ดีใจ ก็มองเห็นคอของสหายเลือดพุ่งกระฉูด ล้มลงไปโดยตรง
หนานจาวเสวี่ยสะบัดมืออย่างเย็นชา
ถ้าเปลี่ยนเป็นหนานจาวเสวี่ยผู้อ่อนแอก่อนหน้านี้ เดิมทีก็หลบไปพ้น
แต่ว่าปัจจุบันนี้ เจ้าของโดยชอบธรรมภายใต้เปลือกนอกร่างนี้ตายอยู่ในโลงศพแล้ว ผู้ที่เข้ามาแทนที่ คือวิญญาณอีกดวงหนึ่ง วิญญาณที่มาจากศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดดวงหนึ่ง
“คนอย่างพวกเจ้านี้ สมควรตายกันทั้งหมด!”
พูดจบ รูปร่างนางแปลกประหลาด บีบเข้าใกล้พวกเขา ในฝ่ามือปรากฏกริชขึ้นมา ชั่วพริบตาเดียว กรีดลำคอของสองคนจนขาด
ในเสี้ยววินาทีนั้น เลือดสดไหลทะลัก เปื้อนจนชุดสีขาวตัวนั้นของนางเป็นสีแดงแล้ว
ตึกๆ
โจวซานที่ยังมีชีวิตอยู่คนเดียวตกใจแทบแย่แล้ว สั่นเทาไปทั้งตัว ถอยหลังไม่หยุด ในปากยังเอาแต่พูดว่าข้าไม่ได้ฆ่า
หนานจาวเสวี่ยไม่ได้สนใจ รับความทรงจำมาเสร็จ ถามว่า “คนที่แต่งงานแทนข้าในวันนี้ คือหนานรั่วฉิงใช่หรือไม่?”
โจวซานรีบพยักหน้า ไม่กล้าปิดบัง
“ท่าน......อ๋องจ้านหมด...หมดสติ ส่ง ส่งองค์ชายเจ็ดมารับ รับแทน ออกเดินทางกันแล้ว ประเดี๋ยวคงจะต้อนรับเจ้าสาวเข้าจวน”
สายตาของหนานจาวเสวี่ยเผยความเย็นเยือก ไม่มีใครรู้ความคิดแท้จริงในใจของนางในเวลานี้ “กลับไปบอกหนานยุ่นเฉิง ไม่นานข้าหนานจาวเสวี่ยจะกลับไปคิดบัญชีทั้งหมดกับเขา ให้เขามีชีวิตอยู่ดีๆ รอข้าเอาไว้!”
ตอนนี้ นางยังมีเรื่องที่สำคัญยิ่งกว่า
นางต้องไปแย่งเป็นเจ้าสาว
ใครใช้ให้ความปรารถนาเพียงหนึ่งเดียวขณะมีชีวิตอยู่ของเจ้าของร่างกายร่างนี้ คือแต่งงานกับอ๋องจ้านเฟิงเทียนจี๋ และกราบไหว้ฟ้าดินกับเขากันเล่า
ถ้าวันนี้นางไม่สามารถช่วยเจ้าของร่างเดิมทำความปรารถนาอันนี้ให้เป็นจริงได้ อย่างนั้นวิญญาณของนางก็จะถูกร่างกายปฏิเสธ ถูกไล่ออกจากร่าง
นึกถึงหมอเทวดายุคปัจจุบันผู้ยิ่งใหญ่อย่างนาง ตายอยู่ในมือคนทรยศ แม้แต่วิญญาณยังเกือบจะไร้ที่พักพิง ดีที่มีแหวนหลิวหลี-สมบัติล้ำค่าที่สุด ซึ่งสามารถเก็บข้าวของสารพัดไว้ได้ จึงใช้สัญญาเลือดร้องขอ นางถึงเกิดใหม่อยู่ภายในร่างกายร่างนี้แล้ว
นางจำเป็นต้องมีชีวิตต่อไป ถึงสามารถตามหาวิธีกลับไปยังโลกปัจจุบัน และฆ่าคนที่ทรยศพวกนั้นได้
ดังนั้นร่างกายร่างนี้ นางต้องเอามาครองให้ได้
ตำแหน่งของพระชายาในวันนี้ นางก็ต้องเอามาครองเช่นกัน
หนานจาวเสวี่ยดึงรถม้าที่ขนโลงศพของนางเข้ามา ใช้กริชตัดเชือกที่ผูกม้าไว้ขาด กระโดดขึ้นไปข้างบน แล่นตรงไปยังเมืองหลวง แย่งเป็นเจ้าสาว
จวนอ๋องจ้าน——
จวนอ๋องจ้านในวันนี้ แขวนผ้าม่านแดงไว้เต็มแล้ว
ผ้าม่านสีแดงเพลิงแขนไว้เต็มจวน ทุกคนแต่งตัวสีสันสวยสดงดงาม น่าปีติยินดีอย่างยิ่งไปทุกที่
พ่อบ้านผู้รับหน้าที่รับตัวเจ้าสาว มองไปด้านนอกจวนไม่ขาดสาย กำลังนับเวลา คิดในใจว่าจะพลาดฤกษ์ดีไปหรือไม่
ขณะกำลังร้อนใจ ม้าใหญ่สีแดงสดตัวหนึ่งนำหน้าเข้ามา ด้านหลังตามมาด้วยเกี้ยวแปดคนหาม ถึงแม้ว่าตลอดทางนั้นไม่มีตีกลองอึกทึก แต่ก็คึกคักยิ่งนัก
ขบวนไม่ใหญ่ ขนบธรรมเนียมกลับครบถ้วน
พ่อบ้านเชินร้อนใจจนตบขาทีหนึ่ง “มาถึงกันสักที เร็วๆๆ ให้คนข้างในเตรียมลุกขึ้น ให้เหลิ่งเฟิงอุ้มไก่ตัวผู้มายังห้องโถงใหญ่ เตรียมกราบไหว้ฟ้าดิน!”
“ขอรับ”
จวนอ๋องจ้านอันเงียบสงบ ชั่วขณะนั้นยุ่งขึ้นมาแล้ว
ไม่นานเท่าไหร่ ม้าตัวสูงใหญ่หยุดอยู่ด้านนอกจวน ผู้ชายบนม้าสวมชุดสีแดง ซึ่งมัดดอกไม้ใหญ่สีแดงเอาไว้อันหนึ่ง กระโดดลงมาจากม้าอย่างคล่องแคล่ว ถอดดอกไม้ใหญ่อันนั้นออกมาแล้วยื่นให้พ่อบ้านเชิน
“พ่อบ้าน เจ้าสาว ข้ารับกลับมาแทนพี่หกแล้ว อยู่ข้างในเกี้ยว เรื่องที่เหลือต่อจากนี้ จัดการไว้เรียบร้อยหมดแล้วหรือ?”
“กราบเรียนท่านอ๋องเจ็ด ล้วนจัดการไว้เรียบร้อยแล้วขอรับ เรื่องในวันนี้ ต้องขอบคุณท่านแล้ว”
“จะพูดขอบคุณ ก็ต้องให้พี่หกเอ่ยปากด้วยตนเอง ข้าจะเข้าไปดูพี่หกหน่อย ขั้นตอนที่เหลือ เจ้าจัดการแล้วกัน”
พูดจบ ชายผู้นั้นเข้าไปในจวนอย่างรวดเร็ว แม้แต่แวบหนึ่ง ก็ไม่เคยมองเกี้ยวเจ้าสาวนั้นอีกเลย
วันนี้ เดิมทีแค่ทำตามขั้นตอน คนที่จะแต่งงานด้วย ก็แค่พามาเพื่อแต่งงานขจัดเสนียดจัญไรเท่านั้น
เพราะฉะนั้น เดิมทีไม่มีใครสนใจคนที่อยู่ข้างในเกี้ยว
โดยเฉพาะตระกูลหนานนั้นไร้ยางอาย เปลี่ยนคนมาแทนที่ ถ้าไม่ใช่เพราะพระบรมราชโองการก่อนหน้านั้น อ๋องจ้านหมดสติไป การแต่งงานหนนี้ เดิมก็ต้องยกเลิก
ภายในเกี้ยว หญิงสาวสวมชุดแต่งงานสีแดงเพลิง ขับให้หน้าน้อยๆ ใบนั้นยิ่งขาวใสขึ้นกว่าเดิม วันนี้นางแต่งหน้าเข้ม จึงดูดีเป็นพิเศษ ประหนึ่งดอกท้อที่งดงามอ่อนนุ่มดอกหนึ่ง
กุมผ้าเช็ดหน้าไว้ บนหน้าของหญิงสาวเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
ตอนที่เกี้ยวเจ้าสาวใกล้จะถูกพาเข้าจวนอ๋องจ้าน ม้าดำที่วิ่งเร็วตัวหนึ่งส่งเสียงร้องเข้ามา พุ่งเข้าท่ามกลางฝูงชนที่แบกเกี้ยวเจ้าสาวไปโดยตรง
“หลบไป รีบหลบไป!”
“อ๊า!”

