อีริค+ขิม (3)
ผับ xxx
“วู่ ๆ ~” หญิงสาวร่างเล็กอยู่ในชุดเดรสสายเดี่ยวสีแดงเลือดนกรัดรูปสั้นถึงต้นขาเรียว หน้าอกอันขาวผ่องขนาดใหญ่แทบล้นทะลักออกมานอกผ้า กระเพื่อมไปตามแรงกระโดดโลดเต้นของหญิงที่กำลังสนุกสุดเหวี่ยงกับจังหวะเพลงเร็วที่ดีเจประจำผับเปิด เธอชูแก้วน้ำสีอำพันทรงไวน์ขึ้นสุดแขนแล้วส่งเสียงออกมาอย่างต้องการปลดปล่อยอารมณ์เศร้าภายในใจทว่า...
“อึก!” หยาดน้ำตากลับหลั่งไหลออกมาเป็นสายธารไม่หยุด ครั้นสมองเอาแต่คิดถึงบทสนทนาบนรถเมื่อสองชั่วโมงก่อนที่เธอจะมาผับ ทั้งที่เมามายหวังต้องการลบลืมความเจ็บปวดแต่กลับไม่เป็นดั่งที่ต้องการ ทว่ายิ่งตอกย้ำให้รู้สึกมากกว่าเดิม
พรึ่บ !
“อ๊ะ!” ขิมส่งเสียงด้วยความตกใจจนความคิดในหัวกระเจิง ทั้งร่างปลิวไปตามแรงชนของคนที่เต้นอยู่ข้าง ๆ จนใบหน้าซุกซบบนแผงอกอันแข็งในอ้อมแขนแกร่งของใครบางคน กลิ่นน้ำหอมราคาแพงบนเสื้อ ทำให้เธอหลงใหลจนไม่อยากผละตัวออก สูดดมฟุดฟิดอยู่อย่างนั้น “หอม...จังฮึ ๆ”
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับคุณ?”
ขิมเงยหน้าขึ้นพยายามหรี่ตามองเจ้าของเสียงทุ้มสุขุมอย่างทรงตัวไม่ค่อยอยู่ ฤกธิ์แอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปเป็นจำนวนมาก ทำให้สติสัมปชัญญะหายเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ ครั้นเสียหลักจึงไม่สามารถกลับมาประคองสติได้ในทันที
“แฮ่ ๆ ม่ายเป็นลายคร่า” ริมฝีปากบางขยับตอบเสียงยวดยาน แพขนตางอนงามเปียกชุ่มไปด้วยหยาดน้ำตา เธอผละตัวออกจากร่างหนาพยายามทรงตัวให้ยืนด้วยตัวเองโดยที่ลำตัวยังคงโอนเอ็นเป็นระยะ ๆ
“มาคนเดียวเหรอครับ?”
ขิมสะดุ้งตัวเล็กน้อยเมื่อเจ้าของเสียงโน้มใบหน้าลงมากล่าวถามข้างใบหู ทว่าไม่ทันได้ตอบร่างกายเธอกับเซจนเกือบล้มดีที่ร่างหนารับเอาไว้
“ผมว่าคุณไปนั่งก่อนดีกว่าครับ” ชายหนุ่มพาหญิงสาวในอ้อมแขนที่ทั้งเมามายจนแทบทรงตัวไม่อยู่เดินไปนั่งบนเก้าอี้หน้าเคารน์เตอร์บาร์
“เพื่อนคุณอยู่ตรงไหนครับเดี๋ยวผมพาไปครับ ดูท่าคุณคงเดินไปเองไม่ไหวแล้วล่ะครับ ?”
“ชาน~มาคนเดียวคร่า” ขิมส่งยิ้มให้ชายหนุ่มหล่อตรงหน้าแววตาหยาดเยิ้ม ก่อนจะหันไปสั่งกับบาร์เทนเดอร์หนุ่มพลางปาดคาบน้ำตาบนแก้มนุ่มออกลวก ๆ “ขอแรง ๆ หนึ่งแก้ว”
“งั้นผมขอนั่งเป็นเพื่อนนะครับ?”
ขิมพยักหัวหงึก ๆ แล้วสูดหายใจเข้าปอดหนึ่งครั้ง มือบางยื่นไปรับแก้วน้ำสีอำพันจากบาร์เทนเดอร์หนุ่มกระดกดื่มรวดเดียวจนหมด
ปึก!
“อาว~มาอีก” มือบางวางกระแทกแก้วเปล่าบนโต๊ะพลางใช้หลังมือเช็ดริมฝีปากลวก ๆ ชายหนุ่มกระตุกยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัยพลางไล่สายตามองหญิงสาวตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะหยุดตรงหน้าอกใหญ่ที่โผล่พ้นจากเนื้อผ้าแทบจะทั้งเต้า น่าจับขย้ำให้แหลกคามือ
เวลาผ่านไปนานหลายนาทีที่ขิมนั่งดื่มกับชายหนุ่มแปลกหน้าพร้อมทั้งระบายความรู้สึกออกมามากมายโดยไม่รู้ตัว
#อีกด้าน
“สาวไทยสวย ๆ ทั้งนั้นเลยว่ะ”
อีริคตวัดสายตามองเพื่อนสนิทที่เพิ่งเดินทางมาถึงประเทศไทยวันนี้เป็นวันแรก ระหว่างเดินทางไปยังห้อง วีไอพีที่จองไว้บนชั้นสองของผับดัง ขณะเดียวกันเสียงเรียบฃองเซนลูกน้องคนสนิทเอ่ยทักขึ้น...
“นายครับ นั่นคุณขิมหนิครับ”
อีริคขมวดคิ้วแล้วหยุดเดิน หันมองไปตามนิ้วชี้ของลูกน้องคนสนิท เห็นร่างเล็กที่คุ้นเคยเมามายหนักค่อนข้างไร้สติถูกชายร่างสูงหิ้วปีกเดินไปยังทางประตูโรงจอดรถ ก่อเกิดความหงุดหงิดขึ้นมาในใจทันที
“แล้วไง!” ว่าจบแล้วเดินนำหน้าไปก่อนเพื่อนสนิทและลูกน้องคนสนิท โดยไม่สนใจว่าน้องสาวของศัตรูหัวใจจะเป็นอย่างไร
“รอด้วยสิวะไอ้อีริค!” มาเวลเร่งฝีเท้าเดินตามอีริคไปเหลือเพียงแค่เซนที่ยังมองขิมอยู่อย่างมีลางสังหรณ์แปลก ๆ แต่ก็ไม่ได้ตามไป
กึก!
“อะไรของมึงอีกวะ!” มาเวลขมวดคิ้วถามเมื่อจู่ ๆ อีริคก็หยุดชะงักฝีเท้าตรงหน้าบันไดพอดีราวกับฉุกคิดอะไรบางอย่างได้ขึ้นมา ก่อนจะรีบวิ่งกลับไปทางเดิมอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย “มึงไปไหน ไอ้อีริค!”
เซนและมาเวลวิ่งตามอีริคไป
“จะปายหนาย~” ขิมที่ยังเหลือสติเพียงน้อยนิด เธอพยายามผละตัวออกจากชายหนุ่มแปลกหน้าแต่ผลักเท่าไหร่ก็ไม่เป็นผล เธอทั้งไร้เรี่ยวแรงและหนักอึ้งศีรษะจนพยุงร่างตัวเองไม่ไหว
“ผมก็จะพาคุณไปทำอะไรสนุก ๆ กันที่ห้องผม ไงครับ สนุกจนคุณลืมผู้ชายคนนั้นเลยล่ะ หึ ๆ”
“ม่าย~ทาม!”
“เดินดี ๆ สิครับ ใกล้ถึงรถผมแล้ว”
“จะกาบบ้าน!”
“โอ๊ย!ยัยนี่เจ็บนะโว้ย!” ชายหนุ่มร้องลั่นเมื่อเส้นผมถูกมือบางกระซากอย่างแรงจนต้องหยุดเดิน แล้วดึงมือบางออกสุดแรง จากนั้นจึงแก้ปัญหาอุ้มร่างเล็กพาดบ่าแกร่งโดยที่ร่างเล็กยังคงส่งเสียงโวยวาย ทว่าวินาทีนั้นท่อนแขนกลับถูกใครบางคนกระชากให้หันกลับไปเผชิญหน้า
“อะไรวะ!”
“ปล่อยผู้หญิงลง!” อีริคจ้องตากับชายหนุ่มตรงหน้าอย่างเอาเรื่อง
“เมียกูมึงอย่ายุ่ง!”
อีริคกัดฟันกรอดในขณะที่ชายหนุ่มคนดังกล่าวหมุนตัวกลับไป
“ผู้หญิงคนนั้นเป็นของผมต่างหาก ปล่อยเธอลงแล้วไสหัวไปซะ!”
“หึ” ชายหนุ่มเค้นเสียงในลำคออย่างเย้ยหยัน จากที่ฟังหญิงสาวพรั่งพรูความรู้สึกออกมาเมื่อหลายนาทีก่อน ทำให้เดาได้ไม่ยากว่าผู้ชายด้านหลังเกี่ยวพันอย่างไรกับเธอ ทว่าหันหลังไปเผชิญหน้ากลับต้องหน้าเสีย เมื่อปลายกระบอกปืนจ่ออยู่ตรงหน้า ขณะเดียวกันผู้ชายอีกสองคนกำลังวิ่งตรงเข้ามา จึงต้องปล่อยวางร่างเล็กลงอย่างไม่ลังเลใจ แล้วรีบวิ่งไปด้วยความหวาดกลัว
“ให้ตามไปไหมครับนาย?”
“ไม่ต้อง! มึงส่งไอ้เวลกลับโรงแรมด้วยแล้วกัน”
“ครับนาย”
อีริคหลุบตามองขิมที่กำลังพยายามดันตัวเองลุกขึ้น ปลายลิ้นดันเข้าหากระพุ้งแก้มไปมาพร้อมทั้งถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่ ก่อนจะย่อตัวลงแล้วช้อนตัวขิมขึ้นสู่อ้อมแขนในท่าเจ้าสาว ทำให้เห็นใบหน้าจิ้มลิ้มแดงก่ำชัดเจน ดวงตาบวมเป่งบ่งบอกว่าเธอผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก
“คาย~?” ขิมยู่หน้าเข้าหากันอย่างปวดหัว พยายามปรือเปลือกตาที่หนักอึ้งมองคนตรงหน้า ริมฝีปากคลี่ยิ้มออกมาเมื่อเห็นใบหน้าหล่อค่อนข้างชัดเจน “นายเองเหรอ หึ ๆ” ท่อนแขนเล็กตวัดลำคอแกร่งกร้านแน่นอย่างรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่น พึมพำออกมาพร้อมน้ำสีใสตามประสาคนเมา
“นิสายม่ายดี ฮึก!”
“ผู้หญิงของมึงจริงดิ?” มาเวลถามขึ้นอย่างสงสัย ไม่เคยรู้มาก่อนว่าเพื่อนสนิทตัวเองมีคนรักอยู่ที่ประเทศไทย
“พรุ่งนี้เจอกัน” อีริคเลี่ยงที่จะตอบคำถามของเพื่อนสนิทพลางรับกุญแจรถของขิมจากมือลูกน้องคนสนิทแล้วกดปุ่มเปิดรถ ซึ่งจอดอยู่ไม่ไกลจากจุดที่ยืนอยู่ จากนั้นจึงสาวเดินไปทันทีโดยมีสายตาของมาเวลมองตามหลังไปอย่างรู้สึกค้างคาใจ
@เพนท์เอ้าส์ อีริค
พรั่ก!
“ผู้หญิงอะไรตัวหนักชะมัด” อีริคโยนขิมลงเตียงใหญ่ขนาดคิงไซซ์ มือหนาเสยผมบริเวณหน้าม้าขึ้นลวก ๆ อย่างรู้สึกหงุดหงิดกับหัวใจที่ปั่นป่วนไม่เว้นแต่ละวันเพราะหญิงสาวตรงหน้า แต่สายตากลับไม่รักดีคอยแต่จะมองไปตรงหน้าอกขาวผ่องขนาดใหญ่ ที่เบียดเสียดกันไปมาตามแรงขยับของเธอ “บ้าเอ้ย!” สบถเสียงออกมาพลางเบนสายตาไปทางอื่น พยายามไม่มอง
“อุ๊บ!”
อีริคหันขวับไปมองตามเสียงของขิม เธอเด้งตัวลุกขึ้นมาทำท่าจะอาเจียนออกมา
“อย่าเพิ่งนะ!” รีบอุ้มร่างเล็กพาดบ่าวิ่งตรงไปยังห้องน้ำแต่สุดท้าย...
“อ้วก!”
อีริคมีสีหน้าสะอิดสะเอือนจิ๊เสียงในปากอย่างหัวเสียพลางยกนิ้วแกร่งขึ้นมาปิดจมูก แผ่นหลังกว้างเปียกชุ่มไปด้วยเศษซากอาเจียนของขิมรวมถึงพื้นห้องน้ำ
