ตอนที่ ๔๖ พิเศษกว่า
“ ต่อไปให้เจ้าแทนตัวเองใหม่ว่า น้อง แลให้เรียกพี่ว่า ท่านพี่เข้าใจหรือไม่ ”
พญาครุฑหนุ่มเอ่ยอธิบายน้ำเสียงหวานพลางเอื้อมมือหนาขึ้นลูบศีรษะของอัปสรน้อยอย่างเอ็นดู
“ (O_O!) ” นั่นก็ยิ่งทำให้นรีทิพย์อึ้งเข้าไปอีก
“ เข้าใจที่พี่พูดหรือไม่นรีทิพย์? ”
“ (///O_O///) ”
น้ำเสียงหวานที่มาพร้อมดวงตาที่ฉายประกายอ่อนโยนน่าหลงไหล ทำเอานรีทิพย์พูดอะไรไม่ออก แก้มขาวเนียนเริ่มเปลี่ยนเป็นสีระเรื่อในทันใดด้วยความเขินอาย
‘ ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก ’ จู่ ๆ ใจดวงน้อยก็เต้นแรงรัวขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่
“ ว่าอย่างไร? เข้าใจหรือไม่.. น้องพี่ ”
พญาครุฑหนุ่มเอ่ยถามน้องย้ำอีกหนด้วยน้ำเสียงหวาน ยิ่งเห็นแก้มเนียนขึ้นแดงระเรื่อของอัปสรตัวน้อยแล้ว เขาก็ยิ่งอยากแกล้ง
“ ขะ..เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ ”
“ เข้าใจว่าอย่างไร? ..ฮื้ม? ไหนลองบอกพี่มาซิ ”
พญาครุฑหนุ่มยื่นใบหน้าหล่อเข้าไปใกล้ปัดป่ายปลายจมูกโด่งกับแก้มเนียนที่แดงก่ำ แล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงหยอกเย้า
“ นะ..น้องเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ ทะ..ท่านพี่ ”
นรีทิพย์อัปสรเม้มริมฝีปากแน่น ก่อนจะเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงที่ขัดเขิน มันเป็นคำตอบที่ทำให้พญาครุฑหนุ่มกระตุกยิ้มมุมปากอย่างพึงพอใจ
“ เก่งมาก เมียพี่.. จุ๊บ! ฟอดด..”
ปากหยักกดจูบบนปากอิ่มเบา ๆ ก่อนจะฝังจมูกโด่งลงบนแก้มนุ่มนิ่มไปฟอดใหญ่
“ (///O_O///!) ”
“ นอนเถิดหนาดึกแล้ว..”
แม้ใจอยากจะรังแกเมียรักมากกว่านี้ แต่เมื่อเห็นว่าน้องดูอ่อนเพลียจนน่าเป็นห่วงพญาครุฑหนุ่มก็จำต้องข่มใจ
“ เจ้าค่ะ..”
อัปสรน้อยตอบ ก่อนที่จะซุกใบหน้าสวยเข้าหาอกแกร่งอย่างว่าง่าย การกระทำของพญาครุฑหนุ่มมันทำให้นรีทิพย์อัปสรลืมเรื่องที่กำลังข้องขุ่นในใจไปจนหมดสิ้น
ไม่นานนัก อัปสรตัวน้อยก็ผล็อยหลับไป แต่ทว่าพญาครุฑหนุ่มกลับยังไม่ได้นอน เมื่อเขาเอาแต่คิดถึงคำพูดของพระบิดา เรื่องการไปสู่ขอนรีทิพย์
หากไปสู่ขอนรีทิพย์ตอนนี้ แล้วหากบิดามารดาของนางไม่ยอมยกนางให้เขาหละ และหากพระสุวรรณเมฆารู้ความจริง เรื่องที่เขาฉุดคร่านรีทิพย์อัปสรมาอีก
หากว่าพวกเขามาเอาตัวนรีทิพย์ไปจากเขาหละ เขาจะอยู่ได้เยี่ยงไรหากไม่มีนาง ตอนนี้เขาคงทำได้แค่ถ่วงเวลาเอาไว้ก่อน แล้วค่อยหาทางแก้ไขปัญหานี้ทีหลัง
.
.
.
?
หลายวันผ่านไป
พระมหิงส์เวหะมิได้ออกไปที่ใด เนื่องจากอัปสรน้อยไม่ยอมให้หมอหลวงมาตรวจ พญาครุฑหนุ่มจึงอยู่ดูแลนางอย่างใกล้ชิด และให้สิงห์หะเข้าไปกราบทูลพระกันตะเวหาว่านรีทิพย์ประชวน
ผู้เป็นบิดาก็เข้าใจดี จึงไม่ได้ว่ากล่าวอันใด อีกทั้งยังรับสั่งให้พญาครุฑหนุ่มอยู่ดูแลอัปสรน้อยอย่างใกล้ชิด
พระกันตะเวหาได้มอบหมายให้ท่านแม่ทัพทำหน้าที่เป็นผู้นำพาราชธิดาครุฑทั้งสองออกเที่ยวชมอาณาจักรแทนพระมหิงส์เวหะ ซึ่งนั่น ก็สร้างความไม่พอใจให้แก่พระราชธิดาภชณีเป็นอย่างมาก
.
.
“ ตัวก็แค่นี้.. ใยถึงกินเก่งขึ้นทุกวัน ”
พญาครุฑหนุ่มเอ่ยขึ้นอย่างแปลกใจ พลางกวาดตามองไปที่จานเนื้อหลายจานตรงหน้าที่ตอนนี้มันว่างเปล่า เพราะอัปสรตัวน้อยกินมันหมดทุกจาน
ก่อนจะเงยหน้าขึ้นก็เห็นดวงตากลมที่ฉ่ำรื้นไปด้วยหยาดน้ำสีใสกระพริบปริบ ๆ
“ (;◕ヘ◕;) ”
ทำเอาใจดวงโตนั้นไหววูบทันใด เพราะลืมไปว่าช่วงนี้น้องน้อยอารมณ์อ่อนไหว
“ พี่... ” พระมหิงส์เวหะเอ่ยได้เพียงแค่นั้น
“ ฮึก! ”
หมับ!
มือหนาเอื้อมไปดึงรั้งร่างเล็กเข้ามาไว้ในอ้อมอกแนบแน่นทันทีที่เห็นหยาดน้ำตาหลั่งริน เรียวคิ้วหนาขมวดเข้าหากันเป็นปม
‘ เจ้าเป็นอันใดไปนรีทิพย์ เหตุใดช่วงนี้เจ้าถึงอารมณ์อ่อนไหวได้มากถึงเพียงนี้หนา’ พญาครุฑหนุ่มพร่ำบ่นอยู่ภายในใจอย่างคิดไม่ตก
“ ให้หมอหลวงมาตรวจเถิดหนาน้องพี่ ”
พระมหิงส์เวหะเอ่ยขึ้น นรีทิพย์ได้ยินเช่นนั้นก็เงยหน้าขึ้นก่อนจะผละตัวออกจากอ้อมกอดของพญาครุฑหนุ่มแล้วรีบปาดเช็ดน้ำตาออกจากแก้มนิ่มก่อนจะเอ่ยตอบ
“ ไม่เอาเจ้าค่ะ.. น้องมิได้เป็นไร ใยจักต้องให้หมอหลวงตรวจด้วยเจ้าคะ ” อัปสรน้อยเอ่ยน้ำเสียงดื้อดึง
“ ดื้ออย่างนี้.. คืนนี้จักต้องถูกทำโทษหนา ” มือหนายกขึ้นบีบจมูกเล็กเบาพลางบิดเล่นไปมาอย่างหมั่นเขี้ยว
“ งื้อ.. น้องเจ็บนะ! ”
นรีทิพย์เอ่ยเสียงง๊องแง๊ง ก่อนที่พญาครุฑหนุ่มจะว่าขึ้นด้วยสายตาค้อนเล็กน้อย
“ หึหึ.. พี่มิได้บีบแรงสักนิด.. ”
“ ก็น้องเจ็บนี่เจ้าคะ คิกคิก..”
อัปสรน้อยหัวเราะคิกคัก ทั้งที่เมื่อครู่ยังร้องงอแงราวกับเด็กน้อยอยู่เลย.. อาการแปลก ๆ และอารมณ์ที่ปรวนแปรของนรีทิพย์ ทำให้พญาครุฑหนุ่มได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้ภายในใจ
เป็นเพราะเขารังแกน้องน้อยเอาไว้มาก พญาครุฑหนุ่มจึงไม่กล้าที่จะขัดใจนาง แต่ถ้าหากถึงขั้นล้มหมอนนอนเสื่อ พญาครุฑหนุ่มก็คงไม่อยู่นิ่งเฉยเช่นนี้แน่ ยังไงก็ต้องให้หมอหลวงตรวจ
“ มีอันใดสิงห์หะ? ” พญาครุฑหนุ่มเอ่ยถามทหารครุฑาคู่ใจที่กำลังคลานเข่าเข้ามาหา
“ คณะเดินทางของโอรสอัศฎี พระเชษฐาของพระธิดาภชณี ทรงมาถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ ท่านแม่ทัพกำลังนำพาพระองค์ไปยังพระตำหนักราชอาคันตุกะพ่ะย่ะค่ะ ”
สิงห์หะกราบทูลน้ำเสียงเรียบ แต่นั่นมันกลับทำให้อัปสรน้อยที่นั่งฟังอยู่ใจกระตุกไหวขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกเพียงแค่ได้ยินชื่อของครุฑีนางนั้น
“ แล้วพระบิดามาฑุวาล่ะ? ” พญาครุฑหนุ่มเอ่ยถามด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“ ยังทรงมามิถึงพ่ะย่ะค่ะ แต่คาดว่าทรงน่าจะมาถึงภายในค่ำวันนี้เช่นกันพ่ะย่ะค่ะ ”
“ เช่นนั้นก็รอให้พระบิดาของมาฑุวาทรงมาถึงก่อนก็แล้วกัน เจ้าค่อยมาแจ้งข้าอีกหนสิงห์หะ.. ตอนนี้ข้าใคร่จักอยู่กับเมียข้ามากกว่า ”
พญาครุฑหนุ่มพูดขึ้นพร้อมกับเอื้อมมือหนาไปโอบไหล่มนของนรีทิพย์อัปสรเอาไว้
“ พ่ะย่ะค่ะพระโอรส..” สิงห์หะขานรับบัญชาก่อนจะออกไปจากตรงนั้นทันที
นรีทิพย์นั่งเงียบตากลมกระพริบปริบปากอิ่มเม้มเข้าหากันแน่น อยากจะถามให้รู้เรื่องไปเลย แต่ก็ไม่กล้า เพราะกลัวว่าคำตอบที่จะได้รับมันจะทำให้นางต้องไปจากพญาครุฑหนุ่มเร็วขึ้น ทว่าพญาครุฑหนุ่มก็พอจะมองเห็นความใคร่รู้ของนาง
“ อัศฎีและภชณีเป็นโอรส แล ธิดา ของพระสหายท่านพ่อน่ะ ”
“ เจ้าคะ? ”
“ ก็น้องใคร่จักรู้ มิใช่หรือ? ”
“ น้องยังมิทันจักได้ถามอันใดสักคำเลยนะเจ้าคะ..”
ดวงตากลมโตเสมองไปทางอื่นพยายามทำหน้านิ่งไม่รู้ไม่ชี้ในขณะที่พูด
พญาครุฑหนุ่มหัวเราะในลำคอ “ หึหึ.. อ่อ มิใคร่รู้ดอกหรือ? ” เอ่ยหยอกเสียงนุ่มอย่างรู้ทัน
“ แล้วทรงมาทำอันใดที่อาณาจักรสินธุหรือเจ้าคะ ”
แล้วนรีทิพย์ก็อดใจไม่ได้ ที่จะเอ่ยถามออกไป แต่นางก็ยังทำเป็นหน้านิ่งไม่รู้ไม่ชี้เฉกเช่นเดิม ทั้งที่ในใจเฝ้ารอคำตอบอย่างตื่นเต้น
“ ทรงมาเยี่ยมเยียนอาณาจักรสินธุ เฉกเช่นทุก ๆ ปีนั่นแหละ เพียงแต่ปีนี้อาจจักพิเศษกว่าทุกปี ” พญาครุฑหนุ่มตอบด้วยใบหน้าเรียบเฉย
“ พิเศษกว่าทุกปี อย่างไรหรือเจ้าคะ? ”
‘ คงเพราะมีพระราชธิดามาเยี่ยมเยียนสินะ ถึงได้พิเศษกว่าทุกปี ’ นรีทิพย์คิดไปไหนถึงไหน
“ ปกติในทุก ๆ ปี จักมีเพียงพระสหายของท่านพ่อที่มาเยี่ยมเยียนอาณาจักรเรา แต่ปีนี้พิเศษก็ตรงที่ มีทั้งโอรส แลธิดามาเยี่ยมเยียนด้วยน่ะ ”
คำตอบของพญาครุฑหนุ่ม ทำเอาใจดวงน้อยถึงกับกระตุกวูบ เป็นอย่างที่คิดจริง ๆ นรีทิพย์รู้สึกหายใจหายคอไม่ทั่วท้องขึ้นมาทันใด
***
