บทนำ ชีวิตของนางเอก (1/2)
รัชศกเจิ้นหยวน ปีที่สาม...
ม่านเมฆสีทึมลอยครึ้มอยู่บนฟากฟ้า สายลมในทิศเหนือพัดกรรโชกอย่างแรง แม้แต่ต้นไผ่ยังไหวเอน ด้วยไม่อาจต้านทานกระแสลม เสียงเสียดสียังคงก้องกังวานไปทั่วบริเวณด้วยความวังเวง กอปรกับเสียงกระดิ่งลมที่กระทบกันอยู่เหนือหลังคาจวน เป็นท่วงทำนองอันแสนเศร้าสร้อยและน่าหดหู่ ธงผ้าสีขาวโบกสะบัดอยู่เหนือซุ้มประตูของตระกูลน่าหลัน ตระกูลแมนจูสูงศักดิ์ผู้เคยได้รับความโปรดปรานจากจักรพรรดิองค์ก่อน
ทว่ายามนี้บรรยากาศภายในจวนกลับเต็มไปด้วยความหม่นหมอง เสียงร่ำไห้ของสตรีวัยกลางคนยังคงแว่วมาเป็นระยะ ๆ
เสียงสะอื้นฟังดูปวดร้าวนั้น แฝงไปด้วยความอาลัยอาวรณ์ จนบ่าวไพร่ในจวนต่างต้องหลบสายตา ไม่กล้าเอ่ยวาจา
“หย่าหลิงเอ๋อร์ เหตุใดเจ้าถึงด่วนจากแม่ไปกะทันหันเช่นนี้...”
เสียงหอบสะอื้นของฮูหยินใหญ่ฟังแทบไม่ได้ศัพท์ นางนั่งทรุดกายลงอยู่เบื้องหน้าของหีบศพที่ทำจากไม้หอมชั้นดี ที่ถูกจัดวางเอาไว้กลางหอบรรพชนของตระกูล ร่างกายอวบท้วมสั่นเทิ้มแทบขาดใจ ราวกับว่าต้องการจะตายตามบุตรีไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด
น่าหลันหย่าหลิง บุตรีคนโตแห่งตระกูลน่าหลัน สตรีผู้งามล่มเมืองและเปี่ยมไปด้วยสติปัญญา นางได้เข้าสู่วังหลวงในฐานะพระสนมเอกชั้นกุ้ยเฟยในจักรพรรดิเจิ้นหยวนแห่งต้าชิง เมื่อราวสามเดือนก่อน
แต่ภายในระยะเวลาอันสั้น นางกลับมีชื่อเสียงลือกระฉ่อนไปทั่วทั้งวังหลวง ไม่ใช่ด้วยคุณงามความดี แต่เป็นความทะเยอทะยาน
และร้ายกาจ
หย่าหลิงได้รับฉายา “นางมารแห่งวังหลวง” ด้วยข้อกล่าวหาว่านางมักจะใช้อำนาจ และเล่ห์เพทุบายกดขี่ข่มเหงพระสนมองค์อื่น อีกทั้งยุยงขันทีและนางกำนัลให้แตกคอกับผู้เป็นนาย จนทั้งวังหลังต้องระส่ำระสายเต็มไปด้วยความวุ่นวาย บ้างก็ร่ำลือว่านางลอบใช้ยาปลุกกำหนัดเพื่อมัดใจฮ่องเต้
วันหนึ่ง กรมวังได้ส่งร่างที่ไร้ลมหายใจของสตรีสูงศักดิ์ผู้เป็นถึงกุ้ยเฟยกลับมายังจวนของตระกูลอย่างไร้คำอธิบาย ไม่มีพิธีศพ ไม่มีเกียรติแห่งสนมหลวง มีเพียงพระราชโองการหนึ่งฉบับ กับป้ายชื่ออันแสนเลือนราง ว่า “สตรีผู้ไร้คุณธรรม ไม่คู่ควรกับจักรพรรดิ”
แม่ทัพน่าหลันจงอวี่ ผู้เป็นบิดาได้แต่ยืนนิ่งอยู่ข้างกายผู้เป็นฮูหยิน แม้ว่าจะพยายามสงวนท่าทีของขุนนางผู้มีคุณธรรม หากแต่ในแววตากลับเต็มไปด้วยข้อกังขาและความรู้สึกเคลือบแคลง
เขาเคยสอนบุตรสาวให้เฉลียวฉลาด มั่นคง ไม่โง่เขลาเหมือนกับสตรีทั่วไป แม้ว่านางอาจจะดื้อรั้นเอาแต่ใจ แต่คงไม่ใช่ถึงขั้นบ้าบิ่น
ท้าทายอำนาจ โดยไม่เตรียมทางหนีทีไล่ จนไม่มีลมหายใจเช่นนี้
อีกทั้งนางยังเย่อหยิ่งถึงเพียงนั้น ต่อให้ลงมือรังแกพระสนมตามคำเล่าลือ แต่มีหรือที่สตรีเช่นนางจะดึงตัวเองให้ตกต่ำ
“หย่าหลิงเอ๋อร์...เจ้าตายเพราะสิ่งใดกันแน่…”
เขาพึมพำกับตัวเอง พลางกำหมัดแน่น ดวงตาที่เริ่มมีริ้วรอยแห่งวัยได้แต่เหม่อมองรูปวาดของบุตรีในอาภรณ์พระสนมสูงศักดิ์ ซึ่งถูกแขวนเอาไว้เพียงชั่วคราว ก่อนจะถูกถอดออกตามประเพณี
สามวันต่อมา ภายในเรือนหลังกลางที่มักจะเอาไว้ใช้ต้อนรับบรรดาขุนนางชั้นสูง แม่ทัพน่าหลันยังคงนั่งสงบนิ่งอยู่บนตั่งไม้หอม
ฝ่ามือหยาบลูบเคราเบา ๆ ขณะจับจ้องไปยังบุตรีคนรองผู้กำลังคุกเข่าอยู่เบื้องหน้า
น่าหลันซือหนิง สวมเสื้อผ้าสีอ่อน ใบหน้าขาวซีดไร้สีสันและดูเหี่ยวเฉาหมองหม่น เพราะเดิมทีตั้งแต่กำเนิดก็ร่างกายไม่แข็งแรง ต้องสายลมแรงเพียงนิดก็ป่วยกระเสาะกระแสะไปหลายวัน ช่างตรงข้ามกับผู้ที่เป็นพี่สาวราวฟ้ากับดิน นางสงบเสงี่ยม ไม่ค่อยพูดจา ชอบอ่านตำราและเขียนกลอน หมกตัวอยู่เพียงลำพัง
“เจ้าจะต้องเข้าวัง...ในฐานะสนมคนใหม่ของฮ่องเต้ ถึงอย่างไรพระสนมก็จะต้องมีหนึ่งคนที่มาจากตระกูลน่าหลันอยู่ดี”
เสียงของบิดาดังขึ้นกลางเรือน น้ำเสียงแม้ฟังดูราบเรียบ แต่หนักแน่นดุจประกาศิต ตระกูลของพวกเขาเป็นหนึ่งในแปดตระกูลใหญ่เชื้อสายแมนจูชั้นสูง อีกทั้งยังเป็นแม่ทัพแห่งกองธงเหลืองขอบแดง ผู้รับคำสั่งจากฮ่องเต้โดยตรง