โดนต้อนรับ
ฉึกๆๆ
ในครั้งนี้ผมไม่ได้เป็นคนตอบโต้ด้วยตนเอง ถึงแม้กระสุนปืนจะยิงมาทางผม แต่เป็นน้องสาวของผมที่ใช้หน้าไม้ของเธอยิงสวนกลับไป ลูกธนูดอกเล็กๆสามารถปะทะกับกระสุนปืนและทะลวงผ่านไปได้ทั้งหมด ส่วนลูกธนูดอกสุดท้ายได้ถูกยิงไปที่มือของมือปืน ซึ่งก็คือหัวหน้าตำรวจที่โดนผมใช้กำลังไปเมื่อครู่ เขาโกรธเพราะไม่เคยมีใครหยามเขาได้ขนาดนี้ จึงแย่งปืนของทหารข้างๆแล้วยิงมาที่ผม
“อ๊าก!!!” เขาร้องตะโกนออกมาด้วยความเจ็บปวดและล้มลงไปดิ้นทุรนทุรายบนพื้น
“…” ในครั้งนี้ผมจะไม่ทนอีกต่อไป ผมหันหลังกลับและเดินไปหาเขาโดยไม่พูดอะไรแม้แต่น้อย มันทำให้เหล่าทหารที่ผมเดินผ่าถึงกับขนหัวลุกกันเลยทีเดียว เนื่องจากพวกเขาส่วนใหญ่ได้รับการวิวัฒนาการเป็นผู้เล่นเรียบร้อยแล้ว มันทำให้พวกเขามีประสาทสัมผัสที่ดีขึ้นมาก จึงสัมผัสกับแรงกดดัน จิตสังหารหรือรังสีฆ่าฟันจากผมได้
“อย่า!-” นายกที่มีอำนาจสูงสุดในที่นี่ตอนนี้เขาได้พยายามพุ่งออกมาเผชิญหน้ากับผม แต่ผมไม่สนใจอะไรทั้งนั้น
แกร๊ก
และด้วยร่างกายอันบอบบางของเขาที่ยังไม่ได้รับการวิวัฒนาการกลายเป็นผู้เล่น เนื่องจากเขายังคงใช้อำนาจให้คนรอบตัวคุ้มกัน เขาจึงไม่มีความคิดที่จะพัฒนาตัวเอง เขาไม่สามารถแม้จะขัดขืนผมได้
และใช่
หลังจากที่โลกาวินาศผ่านไปเกือบปี เหล่าทหาร ตำรวจหรือผู้รับราชการต่างออกมาจากอำนาจพวกนั้น และก่อตั้งกลุ่มกันเองด้วยความสามารถที่ตนเองมี ทำให้พวกผู้อาวุโสที่ไม่เคยเอาชีวิตรอดด้วยตัวเอง เอาแต่คิดวางแผนแย่งชิงและวางแผนใช้งานคนรอบตัวไม่สามารถทำอะไรด้วยตนเองได้ และเมื่อพวกเขาเข้าใจ มันก็สายไปแล้ว…
‘ในตอนนี้…มือฉันได้ฆ่าคนต่อหน้าคนมากมายไปแล้ว’
‘หวังว่ามันจะเปลี่ยนความคิดของผู้รอดชีวิตในยุคเริ่มโลกาวินาศได้บ้าง’ ผมคิดในใจเมื่อได้สังเกตุท่าทางของผู้คนรอบข้าง พวกเขาต่างหวาดกลัวผม บางคนถึงกับสติแตกไม่ว่าจะชายหรือหญิง
“ไปกันเถอะ" ผมหันหลังกลับและเดินผ่านหงส์ที่กำลังยืนอึ้งอยู่ เธอไม่คิดว่าพี่ชายของเธอจะกล้าทำอะไรถึงเพียงนี้ แต่เธอก็เชื่อ! ในเมื่อพี่ชายของเธอทำอะไรไป มันต้องมีเหตุผล!
“หงส์!” เสียงใสกล่าวเรียกชื่อหงส์มันทำให้หงส์หันไปหาต้นเสียงและหยุดเดินลง
“อะ…อื้ม" หงส์ตอบกลับไปด้วยท่าทางที่ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับหญิงสาวที่กำลังวิ่งมา ซึ่งเธอไม่ได้วิ่งมาคนเดียว ยังมีผู้หญิงอีกสองคนและผู้ชายอีกสามคน ดูเหมือนพวกเขาจะรู้จักกับหงส์มันทำให้ผมหยุดเดินลงด้วยเช่นกัน
“พะ..พะ…พวกเรา”
“ขอไปด้วยได้ไหม?” คนที่เรียกหงส์เมื่อเข้ามาใกล้ เธอได้กล่าวออกมา
ก่อนหน้านี้
“พี่ชายของหงส์เก่งมาก!”
“เราต้องตามเขาไป” หญิงสาวที่เรียกหงส์กล่าวกับกลุ่มของเธอ
“เธอจะบ้าเหรอ!?”
"พวกเขาจะออกไปจากที่นี่นะ!
“ข้างนอกมีพวกมันอยู่เต็มไปหมด”
“เธอจะไปตายงั้นเหรอ!?" ผู้ชายที่อยู่ในกลุ่มกล่าวค้านออกมาทันที
ปังๆ ฉึกๆๆ
“กรี๊ด!” และเมื่อเกิดการยิงกันขึ้น รวมถึงเหตุการณ์ที่ผู้รอดชีวิตทุกคนเห็นกันอย่างชัดเจน คือชายที่ชื่อว่ามังกร ได้เดินเข้าไปหักคอของตำรวจยศใหญ่ตายคาที่
“แล้วแต่พวกเธอล่ะกัน!?” หญิงสาวคนนั้นวิ่งออกไปจากลุ่มและมันทำให้เพื่อนๆของเธอตามมา
“เดี๋ยวสิ!” และถึงแม้ผู้ชายที่คัดค้านจะไม่ยอมรับก็ตาม เขาก็ต้องตามไป เพราะเพื่อนๆของเขาที่สามารถติดต่อได้ก็เหลือแค่กลุ่มนี้แล้ว
กลับมาที่ปัจจุบัน
“ได้ไหม?” เธอยังคงตื้อหงส์ไม่เลิก และทำให้หงส์หันมามองผม จากสายตาของเธอ ถึงแม้เธอจะรำคาญและไม่อยากยุ่งด้วย แต่ถึงยังไงคำว่า ‘เพื่อน' ยังคงมีอยู่ ทำให้เธอใจอ่อน
“ไปเถอะหงส์” ผมกล่าวพร้อมกับหันไปมองเธอและกลุ่มเพื่อนของเธอ ซึ่งเมื่อผมหันไปหงส์ถึงกับผงะเล็กน้อย เนื่องจากดวงตาของผมมันกลายเป็นสีฟ้า โดยที่ผมเคยอธิบายเรื่องดวงตาสีฟ้าของผมให้กับหงส์และควีนฟัง ว่ามันสามารถดูข้อมูลของคนที่ผมจ้องมองได้รวมถึงนิสัยและยังมีป้ายกำกับเป็นคำเตือนอีกด้วย
ซึ่งการที่ผมแสดงท่าทางเช่นนี้ออกไป มันบ่งบอกได้ทันทีว่าเพื่อนของเธอนั้นไม่สามารถไว้ใจได้ มันทำให้หงส์เม้มปากเล็กน้อยก่อนจะเดินตามหลังพี่ชายของเธอไปติดๆ
“หงส์!หงส์!เราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ!?” หญิงสาวคนนั้นพยายามเดินตามหงส์ด้วยความสิ้นหวัง
“$@!#@$@$!!!” ส่วนหงส์เธอก็ได้เดินไปเรื่อยๆโดยไม่หันหลังกลับแม้แต่น้อย เธอได้แต่กำด้ามหน้าไม้เอาไว้แน่นและเดินไปข้างหน้า ส่วนเบื้องหลังกลุ่มเพื่อนของเธอได้ตะโกนด่าสาปแช่งเธอมากมาย
“เพื่อนของเธอ…'หลอกใช้'” ผมกล่าวออกไปเกี่ยวกับป้ายกำกับของข้อมูลหญิงสาวที่ขอร้องเธอ มันทำให้หงส์เงยหน้าขึ้นและแสดงสีหน้าอดทนอดกลั้นออกมา เธอจะไม่สนใจคำบ่นคำด่าพวกนั้น เธอจะไม่สนใจคนรอบข้างว่าจะมองเธอเป็นคนยังไง เธอจะสนใจตามแนวคิดที่พี่ชายของเธอได้มอบไว้ นั่นก็คือ
‘ครอบครัวของเรา'
‘สามารถเชื่อใจพวกเขาได้เท่านั้น’ คำกล่าวของมังกร ผู้ที่ย้อนเวลากลับมาและเป็นพี่ชายของเธอได้เปลี่ยนความคิดของเธอไปอย่างสิ้นเชิง ถึงแม้จะรู้สึกสงสาร จะรู้สึกโศกเศร้า จะเสียเพื่อน มันก็ดีกว่าการที่ครอบครัวของเธอเป็นอันตราย และคำที่มังกรกล่าวให้หงส์จำไว้ขึ้นใจนั่นก็คือ ‘ครอบครัวของเรา…ต้องรอดไปจนวันสุดท้าย’
“เปิด” ผมกล่าวเพียงคำเดียว ทหารยามตรงหน้าก็เปิดประตูให้ผมอย่างทุลักทุเลด้วยความเร่งรีบในทันที ซึ่งเราสองพี่น้องก็ได้ออกไปจากค่าย ที่ผู้รอดชีวิตต่างกล่าวกันว่า อยู่ที่นี่แล้วจะปลอดภัย แต่สำหรับผมมันไม่ได้ทำให้เราสามารถเอาชีวิตรอดได้ถ้าหากเราไม่แข็งแกร่งขึ้น ถ้าหากเราไม่ต่อสู้กับพวกมัน มีแต่จะรอเวลาที่พวกซอมบี้รวมตัวกันมาทำลายค่ายเท่านั้น
“เราจะไปโชว์รูมรถใกล้ๆกันก่อน” ผมกล่าวถึงแผนที่ผมเคยพูดไว้คร่าวๆ คือการออกไปจากอำเภอและเข้าสู่ตัวเมือง ไปถึงหลังเมืองด้วยที่พักของพ่อและแม่อยู่ที่นั่น ซึ่งมันเลยกำหนดการไปหลายวันแล้ว และพวกท่านน่าจะพอรู้ข่าว โดยที่ผมให้หงส์คอยส่งข้อความไปหาพวกท่านอยู่ตลอด ว่าพวกเราปลอดภัย และโกหกไปว่าจะให้รุ่นพี่ทหารขับรถไปรับพวกท่านมายังที่นี่
ผ่านไป 4 ชั่วโมง
หลังจากที่เราสามารถเข้ายึดโชว์รูมรถแบรนด์นึงได้ เราก็ขโมยรถ 4 ประตูออกมาในทันที ซึ่งผมก็เป็นคนขับ ผมขับชนซอมบี้ไปมากมายและสามารถออกมาจากอำเภอนี้ได้สำเร็จ รวมถึงได้เข้าสู่ตัวเมืองและตรงไปสู่ป่าหลังเมือง ในตัวเมืองของจังหวัดเองก็มีดันเจี้ยนอยู่เช่นกัน ซึ่งดันเจี้ยนได้กำเนิดขึ้นและไม่มีใครสามารถหยุดมันได้
เนื่องจากพวกทหารได้ถูกสั่งให้ไปรวมตัวที่มหาลัยในอำเภอที่ผมออกมา ทำให้ในตอนนี้เมืองเละมาก และมีพวกซอมบี้เต็มไปหมด เราได้เห็นสิ่งมีชีวิตทั้งคน หมา แมวต่างกลายเป็นซอมบี้ ซึ่งพวกมันต่างจากมนุษย์ที่กลายเป็นซอมบี้ เนื่องจากพวกมันสามารถวิ่งได้ กระโดดได้ แต่เรื่องปีนยังไม่สามารถทำได้
ซึ่งระหว่างทางผมได้จัดการพวกซอมบี้ไปเยอะพอสมควร ถ้าหากสถานที่ไหนมีพวกมันน้อย เราก็จะลงไปเคลียร์สถานที่นั้นและเก็บรวบรวมเยลลี่สีเขียวกลับมาให้มากที่สุด เพราะถึงยังไงพ่อและแม่ของเราเองก็ต้องเพิ่มเลเวล เพื่อให้พวกท่านสามารถปกป้องตนเองได้จากทุกอย่าง โดยที่ผมได้มอบเยลลี่ทีเหลือให้กับทีมของควีนไปหมดแล้ว เราจึงต้องมาฟาร์มมันใหม่อีกครั้ง
“บอกพ่อกับแม่ว่าเราใกล้ถึงแล้ว” ผมกล่าวทำให้หงส์หยุดการสังเกตการณ์ระยะไกลและรอบข้างลง พร้อมกับหยิบโทรศัพท์มือถือของเธอขึ้นมาและส่งข้อความหาแม่ เนื่องจากแม่ของเราใช้มือถือเป็น แต่พ่อใช้มันเพียงโทรหาคนอื่นเท่านั้น
ซึ่งในตอนนี้เราทั้งคู่ได้เดินทางมาถึงป่าหลังเมืองเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งในบริเวณนี้ต่างไม่มีผู้คน ไม่มีซอมบี้ เงียบกริบราวกับป่าช้า เราได้จอดรถและเดินเข้าไปในป่า เพราะรถไม่สามารถขับเข้าไปได้ ด้วยความกว้างของตัวรถ ผมจึงจอดแอบมันไว้เท่าที่จะทำได้ และเตรียมตัวเตรียมอาวุธเข้าสู่ป่า เนื่องจากผมไม่สามารถประมาทได้ ถ้าหากเราต้องเจอกับสัตว์ป่าที่ติดเชื้อ…
“ดูเหมือนฉันจะคิดมากไปเอง…” ผมกล่าวเมื่อเดินตามทางมาจนใกล้ถึงบ้านพักกลางป่า แต่ที่แปลกคือแม่ไม่ได้ส่งข้อความตอบกลับหงส์มา หรือแม่อาจจะกำลังทำอาหาร? แต่แม่อ่านข้อความของหงส์แล้วนะ?
“เดี๋ยว…พี่ว่ามันแปลกๆ” ผมกล่าวพร้อมกับจับไหล่ของหงส์เอาไว้เพื่อหยุดการเคลื่อนไหวของเธอ ด้วยลางสังหรณ์ของผมที่มันบอกว่าต้องมีอะไรเกิดขึ้นกับพ่อและแม่ของผม ผมจึงพยายามสอดส่องเข้าไปในบ้านผ่านทางกระจกหลายๆบาน
“…” และเมื่อผมเห็นสิ่งบางอย่างขยับบริเวณหน้าต่าง เดาว่ามันคือหัวของคน ผมจึงกดร่างของหงส์ลงพื้นและหลบหลังพุ่มไม้ในทันที
“เรากำลังจะถูกต้อนรับ” ผมกล่าวเมื่อรับรู้ได้ว่ามีคนซุ่มดูพวกเราอยู่ และรู้ถึงการมาของพวกเรา แต่สิ่งที่ผมคิดในตอนนี้คือความปลอดภัยของพ่อและแม่ กลับกันผมต้องพยายามลบความคิดนี้ออกไป เพราะมันจะทำให้ผมประมาทและไขว้เขวได้
“ฝากตรวจสอบรอบๆบ้านด้วยนะ" ผมกล่าวก่อนจะค่อยๆลุกขึ้นยืนและปรากฏตัวออกไป เพื่อให้คนที่ซุ่มอยู่เห็นผม และเล็งเป้าหมายมาที่ผม มันจะทำให้หงส์สามารถดำเนินการได้อย่างสะดวก
ฟึบ ฟูบบ
เมื่อผมยืนอยู่หน้าประตู ผมสามารถสัมผัสได้ทันทีว่ามีคนอยู่หลังประตู ถ้าหากผมเข้าไปข้างใน ผมจะถูกรวบตัวไว้อย่างแน่นอน เผลอๆผมอาจจะโดนทำร้ายอีกด้วย ซึ่งสิ่งที่ผมทำอยู่ในตอนนี้คือบิดลูกบิดประตูไปมาทำเหมือนกับว่ามันล็อคอยู่
“แม่ล็อคเหรอ?” ผมกล่าวออกไป และพยายามถ่วงเวลาไว้เพื่อให้หงส์จัดการเป้าหมายได้ ซึ่งจากที่เธอยังไม่เดินออกมาจากในป่า แสดงว่าเธอยังจัดการไม่เสร็จ แต่ผมพอจะรับรู้ได้ว่าเธออยู่ตรงไหน โดยที่เราสามารถดูระยะห่างจากตัวเราได้ในเมนูปาร์ตี้ ซึ่งหงส์กำลังเคลื่อนที่อย่างช้าๆ จนในที่สุดดูเหมือนว่าเธอได้เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วในช่วงหนึ่ง
ฟึบๆ
ซึ่งเมื่อผมรับรู้ว่าหงส์กำลังเดินออกมาจากในป่า มันทำให้ผมบิดลูกบิดประตูค้างเอาไว้เผื่อจะเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้น ถ้าหากอีกฝ่ายนั้นจะโจมตีเราก่อน ซึ่งผมก็ได้หันไปทางหงส์
“พ่อกับแม่ออกไปเดินป่าหรือเปล่า?”
“เพราะประตูมัน-!” ผมกล่าวก่อนที่จะใช้ความไวผลักประตูออกไปสุดแรงเมื่อสัมผัสได้ว่าบุคคลที่อยู่หลังประตูมีการเคลื่อนไหว
ครึก ตุบ
“โอ๊ย!” เสียงร้องดังทันทีที่ประตูกระทบเข้ากับอะไรบางอย่าง ซึ่งผมก็ได้ใช้แรงดันประตูไว้ทำให้ร่างนั้นกำลังถูกบีบเพราะเบื้องหลังของเขาคือกำแพง
“หยุด!” จนในที่สุดผมก็ได้เห็นผู้บุกรุกอีกสามคน คนนึงถือมีดจ่อบริเวณคอของพ่อเอาไว้ อีกคนยืนอยู่ข้างๆแม่ที่ถูกมัดทั้งมือและขาไว้บนเก้าอี้ ส่วนคนสุดท้ายดูเหมือนว่าเขาจะเป็นหัวหน้าของพวกสวะนี่ เขาเล็งปืนพกมาที่ผม ดูจากการแต่งตัวและท่าทางของพวกมันแล้ว พวกมันน่าจะเป็นนักเลงมีของ
“หนีไป!” พ่อตะโกนออกมาทำให้พวกมันยกยิ้มมุมปากขึ้น ราวกับพวกมันเป็นฆาตกรโรคจิต
“เอามาให้พี่" ผมพูดเบาๆและมันทำให้คนที่อยู่หลังประตูได้ยิน จึงพยายามจะตะโกนบอกพรรคพวก ซึ่งมันทำให้ผมดันประตูแรงขึ้นกว่าเดิมจนมันต้องร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดอีกครั้ง
“ปล่อยเขา!และวางอาวุธลงเดี๋ยวนี้!” พวกนักเลงขยะได้ใช้ปลายมีดสัมผัสไปที่คอของพ่อ มันทำให้ผมเดือดสุดๆก่อนที่จะคว้าด้ามหน้าไม้ในมือของหงส์ ซึ่งเธอไม่ได้จับมันไว้แน่น และยิงออกไปอย่างว่องไว
ฉึกๆๆ
ลูกธนูดอกเล็กได้ทะลุเข้าไปกลางหัวของพวกมัน ซึ่งนอกจากพ่อและแม่จะตกใจมากแล้ว หงส์เองก็ตกใจไม่แพ้กัน เธอกำลังสับสนและสงสัยว่าผมไปฝึกยิงธนูมาจากไหน? เพราะถึงแม้มันจะดูง่ายๆ แต่พอต้องมาใช้จริงแล้วมันยากมาก
“ละ…ลูก….” พ่อถึงกับเข่าทรุดเมื่อพวกมันที่จับตัวตนและภรรยาของตนเป็นตัวประกันได้ตายไป ส่วนแม่ได้สลบไปทันทีหลังจากที่ร่างข้างๆเธอลงไปนอนกองบนพื้น เหลือเพียงคนที่ถูกมังกรบีบอัดไว้หลังประตู ซึ่งมันเองก็พยายามต่อต้านแรงของมังกร มันทำทุกอย่างไม่ว่าจะบิดตัว ถีบตัว แต่ก็ทำได้เพียงแค่ประตูขยับช่วงที่มันออกแรงสุดๆ แต่สุดท้ายก็จะกลับมาเป็นเช่นเดิม
“พี่ขอจัดการมันแปปนึง” ผมกล่าวก่อนจะยื่นหน้าไม้คืนให้กับหงส์และขยับประตูออกพร้อมกับกระชากคอเสื้อของมันไปข้างนอก ทำให้ร่างของมันต้องถูกกระชากไปด้วย
แอ๊ด ฟึบ ตุบๆ
ผมได้เขวี้ยงร่างของมันลงพื้นทำให้มันกระเด็นไป 3 ตลบ เมื่อออกมาจากในบ้าน และในทันทีที่มันตั้งหลักได้ มันรีบคุกเข่าและพนมมือขึ้นมาไหว้ผมทันที
“ผมขอโทษ!”
“ผมขอโทษ!!” มันกล่าวซ้ำไปซ้ำมาพร้อมกับมือทั้งสองข้างของมันที่สั่นเทา ที่จริงแล้วเป็นทั้งตัวของมันต่างหากที่สั่นเทา เนื่องจากมันได้เห็นพรรคพวกของมันที่นอนเป็นร่างไร้วิญญาณโดยฝีมือของผม
ผลั่ก!
ผมไม่สนใจคำกล่าวของมันแม้แต่น้อยพร้อมกับถีบหน้ามันไปจนมันต้องหมุนกลิ้งไปข้างหลัง แต่เมื่อมันตั้งหลักได้มันก็ยังคงทำเช่นเดิม ยังขอโทษผมไม่หยุด จนมันแทบจะกราบเท้าผม
“พี่…” หงส์เดินออกมาข้างหน้าบ้าน ซึ่งเธอเองก็มีความโกรธแค้นที่พวกมันกระทำต่อพ่อแม่ของเธอเช่นกัน ถึงแม้เธอจะมีความคิดที่อยากจะฆ่ามัน แต่สุดท้ายถ้าหากเธออยู่ในสถานการณ์ที่เกือบจะได้ฆ่ามันจริงๆแล้ว เธอเองก็ไม่กล้า
“มึงทำอะไรกับพ่อแม่กูบ้าง?” ผมกล่าวถามออกไปด้วยความโมโห
“ไม่…กูไม่รู้จะดีกว่า” ก่อนที่มันจะอ้าปากพูดออกมามันราวกับผมสามารถล่วงรู้อนาคตได้ มันจะตอบว่าไม่ได้ทำแน่ๆ ผมจึงไม่ฟังอะไรจากมันอีก
แกร๊ก
ในทันทีที่มันหยุดไหว้ผมแต่มือยังคงพนมไว้ เพื่อฟังสิ่งที่ผมจะกล่าว ผมได้ใช้ความเร็วหักคอมันด้วยมือทั้งสองข้างของผม และทำให้มันฟุบลงกับพื้นไปในที่สุด
