บทที่1.ตึกใหม่ [รุม]
ร้าน เจ็ตจะย่อง ถูกลื้อแล้วเปลี่ยนแปลงตามยุคตามสมัย ซึ่งแน่นอนว่าตอนนี้เจ้าของยังเสร็จก็ถือสัญญาการซื้อขายเอาไว้เพื่อนัดพบกับเจ้าของคนใหม่
"ยังเด็กอยู่เลยนะครับ" ถามแรกของเจ็ตที่จ้องมองชายตรงหน้า ใบหน้าหล่อเหลาแต่ท่าทางวัยละอ่อน "มีเงินซื้อตึกราคาหลายล้านแบบนี้ ก็คงมีฐานะระดับหนึ่งล่ะสิ"
"ผมกำลังเรียนอยู่มอหก บังเอิญว่าพ่อเสียชีวิตจากโรคประจำตัว ก็เลยอยากย้ายถิ่นฐานตัวเองมาในเมือง จะได้ไม่คิดถึงเรื่องราวเก่าวนเวียน ขอบคุณนะที่ขายตึกนี้ให้ผม"
"แต่คนซื้อตึกเป็นชื่อของใครกัน? อายุแค่สิบแปดปี คงไม่สามารถซื้ออสังหาริมทรัพย์ได้ด้วยชื่อของตัวเอง"
"เป็นชื่อปู่ของผมครับ"
เจ็ต พยักหน้าทำความเข้าใจ ก่อนที่จะออกจากร้านมองเห็นการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นข้าวของที่ใส่กระบะมา บางอันดูฝุ่นเขรอะ แถมยังเป็นวัตถุโบราณคล้ายกับของเจ้าเข้าทรง
"ไอ้เซน ทำไมมึงเลือกมาเซ้งร้านแถวนี้วะ" เจได เพื่อนสนิทเอ่ยถามก่อนที่จะยกข้าวของเข้ามาในร้าน
"คิดว่าแถวนี้ไม่ค่อยมีผู้คนพลุกพล่าน ก็รู้ว่านอกจากกูซ่อมแอร์เป็น แล้วกูยังทำอะไรอีก"
"เรื่องเข้าทรงสมัยนี้ยังมีคนเชื่ออยู่อีกเหรอวะเนี่ย"
"มึงอย่าดูถูกนะเว้ย! บางคนเผลอไปรับของไม่ดีเป็นบ้าถมเถไป"
"เอาเถอะขอให้กิจการมึงรุ่งเรืองก็แล้วกัน กูดูจากชื่อร้าน ขุดมหาอวย..เจริญพันธุ์แน่กูว่า"
เจไดได้แต่ส่ายหน้า เนื่องจากเซนเป็นผู้ชายที่ดื้อรั้น แม้เขายังเรียนอยู่มัธยม ม.ปลาย ที่ต้องทำรายงานส่งใกล้จะจบในทุกวัน
แต่ด้วยความทะเยอทะยานและความมุ่งมั่น อีกหนึ่งความฝัน คือการสืบทอดวิชาอาคมจากผู้เป็นปู่
พลบค่ำ
เคว้ง!
ตุบ!
ในซอยตรอกแห่งหนึ่งมีกลุ่มวัยรุ่นยกพวกตีกัน ซึ่งแน่นอนว่าอยู่ใกล้ที่พักของเซน เจไดจีบสาวที่ห้างสรรพสินค้า เขาก็ถูกผู้ชายกลุ่มหนึ่งรุมกระทืบจนแทบกระอักเลือดออกจากปาก
จึงตัดสินใจโทรตามเซนที่กำลังจัดร้าน
"โทรตามกูมาบอกว่าพวกเราเยอะ? เยอะตรงไหนวะ" เซนประคองตัวเองลุกขึ้นหลังจากถูกชกตี
"เยอะจะตาย ก็มึงกับกู กูกับมึง มึงและกู แล้วก็มีกูแล้วก็มีมึงไง"
"ถุ้ยยยย! ฝั่งเรามีสองคนแต่พวกมันมีเป็นสิบ"
"มึงก็ช่วยกูหน่อยสิ เฮือกกก"
"ช่วยแบ่งเบาภาระส้นตีนให้มึงเนี่ยนะ! ไอ้สัด"
"อย่าไปกลัวมันอย่ายอมแพ้มึงเป็นคนมีวิชา"
"กว่ากูจะสวดคาถาเสร็จ มันก็คงเอาสนับมาซัดหน้ากูก่อนแล้ว พากูมาโดยรุมตีนชัดๆ !!"
สิ้นสุดเสียงของเซน เจไดวิ่งนำหน้าไปยังซอยเปลี่ยวแล้วหลบอยู่มุมด้านถังขยะ ตอนนี้เหมือนอีกฝ่ายจะตามไม่ทันแต่ก็แยกย้ายกันค้นหา
กระทั่งแน่ใจว่าไม่มีใครตามมา เซนกับเจไดจึงออกมาหายใจด้านนอกกลางถนน
"มาวันแรกก็ได้กินยำตีนเลยนะ" เซน พูดขณะที่หายใจหอบเหนื่อย "ร้านกูยังจัดข้าวของไม่เสร็จเลย"
"เอ่อ เดี๋ยวกูไปช่วยมึงจัดเอง"
"มึงไม่ต้องไปช่วยกู ช่วยตัวเองก่อนเถอะ เลือดกบปาก ตาปูด คิ้วแตก มึงไปหาหมอเถอะ"
"กูไหว"
"กูไม่ไหว! เห็นเลือดแล้วกูจะเป็นลม"
"ขอโทษด้วยนะที่กูไม่ได้ช่วยมึงจัดร้านแถมเป็นภาระ กูมาที่นี่ก็ไม่รู้จักใครเลย"
"เอ่อ พูดไปงั้นแหละ เรื่องจัดร้านกูทำเองก็ได้"
เจได้เดินขากะเผลกเพื่อไปหาหมอตามคำสั่งของเพื่อน หลังจากเซนกลับมาถึงร้านก็เริ่มเป็นระเบียบเนื่องจากรีบเก็บและเช็ดถูด้วยตัวเอง
ด้านล่างเป็นร้านซ่อมแอร์และอิเล็กทรอนิกส์
ด้านบนเป็นนักทรงเจ้าปู่ลือ
สองสิ่งที่ดูไม่เข้ากัน แต่กลับกลายเป็นความถนัดของชายวัยมัธยมปลายอย่างเซน ตอนนี้มีเพียงแค่ส่งรายงาน นอกนั้นก็สอบจนเสร็จทุกวิชาจึงตัดสินใจย้ายมาอยู่ที่นี่
ใบหน้าของเขาเคร่งถึงแต่สายตาเจ้าเล่ห์แถมเป็นเด็ก ม. ปลาย ที่รูปร่างสูงใหญ่ เมื่อใครเห็นเป็นต้องตาต้องใจ
ร้านขายของชำ
"อ้าว คนที่มาซื้อตึกของเฮียเจ็ตนี่นา" วันนี้เหมยลี่เฝ้าร้าน เธอส่งยิ้มหวานทักทายอย่างเป็นมิตร "ยังไม่รู้จักชื่อเลย เราชื่ออะไรเหรอ"
"ชื่อเซนครับ คุณ.."
"ฉันชื่อเหมยลี่นะเป็นเมีย เฮ้ยยย แฟนเฮียเจ็ต"
"เข้าใจแล้วครับ แต่ตอนเฮียเจ็ดเปิดร้านมีลูกค้าเยอะไหม บรรยากาศเงียบ แต่ได้ข่าวว่าคึกคักเป็นบางครั้ง"
"ร้านอื่นคึกคักยกเว้นร้านเฮียเจ็ดไว้หนึ่งคนแล้วกัน เปิดร้านแล้วแต่อารมณ์ ทั้งตัดผมก็แหว่ง สระไดร์ก็ไม่ได้เรื่อง ลืมปรับอุณหภูมิน้ำร้อนลวกตาลูกค้าก็มี"
"โอ้โห..ความเจริญรำไร แบบนี้คนจะเข้าร้านผมไหม"
"ถ้าเจ้าของหน้าตาแบบนี้ คงจะมีสาวต่อคิวรอเข้าร้านยาวไปถึงปากซอย ฮ่าๆ"
เหมยลี่ชมตามอรรถรส ก่อนที่เซนจะซื้อของแล้วก็ถือหิ้วมาม่าพร้อมกับน้ำดื่มกลับไปยัง ร้านขุดมหาอวย
แกร๊ก
"คืนนี้นั่งสมาธิเข้าฌานสักหน่อยดีกว่า นึกถึงร้านเก่าเจ้าของเดิมทำเรื่องซวยขนาดนั้น ร้านกูจะไปรอดไหมวะเนี่ย เฮ้อออ ชีวิต!"
________________
มึงกับกู กูกับมึง มึงและกู 55555555555555!
ขอคอมเมนต์แบบจัดเต็มมาเลย รออ่านเสมอค่ะ
