ตอนที่ 5
“อ้อน...อ้อน”
เขมรัฐวิ่งตามมาและหยุดตรงหน้าหญิงสาวด้วยอาการเหนื่อยหอบ เขาสูดลมหายใจเข้าปอดก่อนพูดว่า
“อ้อน...เดินเร็วมากเลยรู้ไหม เราเกือบตามไม่ทัน”
“นี่หมอจะตามอ้อนมาทำไม อ้อนแค่มาเดินเล่นเท่านั้น เดี๋ยวหายเบื่อแล้วก็จะกลับไปที่งานเลี้ยง”
“เมื่อกี๊เราไม่เห็นอ้อนในงานไงเลยเป็นห่วง เห็นเพื่อนอ้อนบอกว่าเดินมาทางนี้เลยรีบวิ่งตามมาดู”
“อ้อนโตแล้วนะหมอ มาเดินเล่นแค่นี้ไม่เห็นต้องห่วง ที่สำคัญมันก็ห่างจากวิลล่าไม่ไกลด้วย”
“แล้วอ้อนไม่คิดบ้างเหรอว่าเราอยู่ในงานเลี้ยงที่มีเพื่อนของอ้อนทั้งนั้นเราทำตัวไม่ถูก อย่าลืมสิว่าเราเป็นนักศึกษาต่างคณะ”
อังศุมาลินยิ้มแต่เป็นยิ้มแสยะน้อยๆ “ทำตัวไม่ถูกเหรอ อ้อนเห็นหมอมีความสุขออกจะแย่ไป เห็นคุยกับเพื่อนของอ้อนออกรสออกชาติ อ้อนว่าหมอน่ะมีความสุขและสนุกกับงานนี้มากกว่าอ้อนอีกนะ”
“งอนเหรอ?”
เขาถามและก้มหน้าเข้าไปใกล้ทำให้คนถูกถามหน้าแดงขึ้นมาทันที แต่อังศุมาลินก็รีบบ่ายเบี่ยงทันควัน
“งอนอะไร...อ้อนไม่ได้งอนนะ เห็นหมอมีความสุขจะให้อ้อนว่าอะไรล่ะ บางทีหมออาจจะเจอคนถูกใจในงานเลี้ยงนี่ก็ได้”
“เรามาคุยดี ๆ กันจะได้มั้ยอ้อน”
เขมรัฐดึงมือเพื่อนสนิทมากุมไว้ทำให้อังศุมาลินผงะนิ่งไปเพราะใบหน้าคร้ามเข้มของเขาจริงจัง แต่เธอก็ยังดึงดันที่จะทำเหมือนไม่สนใจ
“นี่อ้อนก็คุยดีนะ หมอไม่ดีใจเหรอที่มางานนี้ได้เจอสาว ๆ สวย ๆ น่ะ อ้อนเห็นหมอมีความสุขจะตายไปเวลาได้พูดคุยกับพวกผู้หญิง”
“อ้อนคิดว่าเราเป็นคนแบบนั้นเหรอ อ้อนคิดว่าเราจะชอบคนที่เราเพิ่งรู้จักง่ายดายขนาดนั้นเลยเหรอ”
“หมอ...” เสียงเบาหวิวลอดจากริมฝีปากของอังศุมาลินที่นิ่งอึ้งไปเมื่อเห็นแววตาของเขมรัฐหม่นลงเหมือนเขากำลังตัดพ้อ แต่ก่อนหญิงสาวจะพูดอะไรก็ตกใจจนเกือบส่งเสียงออกมาเมื่อชายหนุ่มรวบเอวบางของร่างแน่งน้อยไปกอดไว้แล้วดันตัวเธอไปจนชิดลำต้นของไม้ใหญ่
“หมอ...มีอะไร”
“ชู่ว...อย่าเสียงดังนะ มีคนมา”
บทที่ 4
รักของเราที่ซ่อนเร้น
เขมรัฐก้มหน้าและกระซิบบอก ในน้ำเสียงนั้นตื่นเต้นแต่สิ่งที่อังศุมาลินสัมผัสได้มากกว่านั้นคือเสียงหัวใจของเขาที่ตอนนี้อกกว้างแนบชิดกับอกนุ่มของเธอ แล้วหญิงสาวก็นิ่งเงียบเพื่อจะเงี่ยหูฟังเสียงตามที่เขาบอก เป็นเสียงฝีเท้าที่เหยียบย่างเข้ามาใกล้กระทั่งหยุดลงและได้ยินเสียงพูดคุยกัน และ ณ ขณะนั้นที่ร่างหนายิ่งเบียดจนชิดร่างน้อยหลังชนต้นไม้ เขมรัฐเผลอกอดหญิงสาวไว้แน่น เขาตัวโตกว่าเธอมาก ชายหนุ่มก้มหน้าลงมาใกล้และอังศุมาลินรับรู้ถึงลมหายใจร้อนผ่าวของเขาที่ราดรดบนหน้าผากเกลี้ยงมน ชั่ววาบของความรู้สึกนั้นความอบอุ่นแล่นลึกเข้าไปถึงใต้บึ้ง เธอเกือบเผลอกอดเขาตอบหากไม่ได้ยินเสียงพูดคุยดังแทรกเข้ามา
“อือ...เค้าว่าเราอย่าทำอะไรกันแถวนี้เลย มันไม่เหมาะนะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้าน่ะ” เป็นเสียงผู้หญิงก่อนได้ยินเสียงผู้ชายดังว่า
“แค่กอดเอง...จูบนิดนึงก็ได้ แค่นี้เอง ถ้าใครจะมาเห็นเขาคงไม่ว่าหรอก วัยรุ่นจะจีบกัน”
“แบบนี้ไม่เรียกว่าจีบละนะ แต่ว่า...ให้กอด ให้หอมแค่นี้พอนะ เดี๋ยวจะได้รีบกลับ...อื๊อ”
เสียงนั้นขาดหายไป เขมรัฐขยับตัว เขาชะโงกหน้าออกไปจากหลังต้นไม้ใหญ่และทำให้อังศุมาลินเกิดความอยากรู้ขึ้นมา เธอรีบขยับตัวและเยี่ยมหน้าออกไปดูบ้างก็ต้องผงะเมื่อเห็นหนุ่มสาวอายุประมาณสิบแปดปียืนกอดจูบกันท่ามกลางแสงจันทร์ที่สาดส่องโลมไล้บนหาดทราย หญิงสาวหน้าชาและมือเย็นเฉียบ หัวใจเต้นตึกตัก ไม่ใช่ว่าไม่เคยเห็นชายหญิงกอดจูบกันเพราะเดี๋ยวนี้มันเป็นเรื่องธรรมดาแต่ที่ไม่ธรรมดาก็เพราะตอนนี้เธออยู่แนบชิดกับเพื่อนชายที่แม้สนิทกันแต่เพราะความรู้สึกบางอย่างที่แอบซ่อนในส่วนลึกทำให้หญิงสาวออกอาการเขินจนหน้าแดงก่ำ เธอหันกลับไปและกระซิบกับนักศึกษาแพทย์หนุ่มว่า
“หมอ...เรามาแอบดูเขาแบบนี้ไม่ดีเลยอ่ะ กลับกันเถอะ”
