บทที่ 6 กิจการสกุลไป๋
ณ ร้านเครื่องหอมของสกุลไป๋
ไป๋ซีหลิงเดินตรงเข้าไปในร้านก่อนที่เถ้าแก่เนี้ย จะออกมาตอนรับ
“คุณชายไป๋ อุตสาเดินทางมาถึงที่นี่มีอะไรให้ข้ารับใช้เจ้าคะ”
“ไม่ต้องอ้อมค้อมข้ามาที่นี่ก็เพราะมาตรวจตรา เห็นเจ้าบอกว่ายอดขายลดลงนี่”
“ใช่แล้วเจ้าคะคุณชาย ยอดขายในเดือนนี้ตกต่ำกว่าที่เคยเป็นมาเลยเจ้าคะ”
“เกิดอะไรขึ้น หรือสำนักพยัคฆ์ขาวมาก่อกวนอีกแล้วหรือ”
“ไม่ใช่เจ้าคะ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับสำนักพยัคฆ์ขาว แต่เกี่ยวกับข้าที่ไม่สามารถคิดหาสินค้าใหม่มาขายเจ้าคะ ร้านเราจึงถูกร้านตรงข้ามแย่งลูกค้าไปหมดเลยเจ้าคะ”
“แล้วไยเจ้าไม่บอกข้าให้เร็วกว่านี้”
“ข้ากลัวคุณชายจะไล่ออกเจ้าคะ”
“ข้าไม่ไล่ออกหรอทีหลังถ้ามีปัญหาอีกต้องบอกข้าไม่ใช่ปล่อยทิ้งไว้เข้าใจหรือไม่”
“เจ้าคะ คุณชาย”
งั้นเจ้ารอข้าที่นี่ก่อนข้าจะไปดูร้านตรงข้ามเสียหน่อย”
“เจ้าคะ”
“ปะอาซูไปกับข้าละกัน”
“แล้วข้าละพี่ใหญ่”
“เจ้าก็ลองคิดหาวิธีแก้ไขรอข้าไปก่อนแล้วกัน”
“ขอรับ”
ไป๋ซีหลินจึงเดินจูงมือไป๋อี้ซูไปในร้านตรงข้ามทันที
“คุณชายท่านนี้ไม่ทราบว่า ท่านต้องการสิ่งใดหรือขอรับ ให้ข้าช่วยหาหรือไม่”
“ข้ากับน้องต้องการสิ่งของไปมอบให้ ท่านแม่ในงานวันเกิดหนะเจ้ามีอะไรแนะนำหรือไม่”
“งั้นนี้เลยขอรับ นี่คือเครื่องหอมดอกโม่ลี่ (ดอกมะลิ) กลิ่นนี้ช่วยให้นอนหลับง่ายและผ่อนคลายด้วยขอรับ ถ้าคุณชายไม่ถูกใจเรามีเป็นถุงหอมกับเครื่องประทินโฉมด้วยนะขอรับ”
“อืมงั้นข้าเอาทั้งหมดที่เจ้าว่ามานี่แหละ”
“ขะ. ขอรับเดี๋ยวข้าน้อยจะรีบจัดใส่ในกล่องให้เลยขอรับ”
“อืมเร็วๆ ด้วยหละ”
“นี่ขอรับคุณชายทั้งหมด 10 ตำลึงเงินขอรับ”
“เจ้าไม่คิดว่านี่เป็นราคาที่แพงเกินไปหรือ”
“โถ่คุณชายนี่เป็นของที่ดีที่สุดของทางร้านก็ต้องราคาแพงเป็นธรรมดา อีกอย่างเพียงแค่ 10 ตำลึงเท่านี้คุณชายก็คงมีเงินจ่ายกระมั้ง”
“เงินหนะข้ามีจ่ายเพียงแต่งข้ารู้สึกว่ามันแพงเกินไปแค่นั้นเอง”
“สรุปแล้วคุณชายจะจ่ายไม่จ่าย ถ้าไม่จ่ายเห็นทีคุณชายต้องมีเรื่องกับพรรคกิเลนขาวแล้วกระมั้ง”
“นี่เจ้ากล้าบังอาจขู่ท่านพี่ข้า เจ้ารู้หรือไม่ว่าพี่ข้าหนะเป็น.”
“อาซู..”
“เจ้าคะ”
“ร้านนี้ของพรรคกิเลนขานหรือ”
“ใช่แล้วหละคุณชายท่านคงไม่อยากมีเรื่องกับพรรคกิเลนขาวใช่หรือไม่หละ”
“ตกลงอะนี่ 10 ตำลึงเงิน”
“ขอบคุณขอรับคุณชาย”
ไป๋ซีหลินพาไป๋อี้ซูเดินออกจากร้านอย่างรวดเร็ว
“ท่านพี่เหตุใดท่านจึงยอมหละ เจ้าคะ เหตุใดถึงไม่ฆ่ามันทิ้งเสีย”
“ที่จริงพี่ก็อยากฆ่านะ แต่ว่าเจ้าเห็นหรือไม่ว่ามีคนของทางการอยู่ในร้านหนะ”
“ทำไมท่านพี่รู้หละเจ้าคะ”
“พี่เห็นหยกห้อยหนะ”
“น้องเกือบทำเรื่องให้ท่านพี่เสียแล้ว”
“ไม่เป็นไรหรอกอาซูเดี๋ยวเรื่องนี้พี่จัดการเอง พี่ไม่ยอมให้มันเอาเปรียบและใช้อำนาจกับผู้อื่นในเมืองนี้หรอ”
“ท่านพี่ของข้าใจดีที่สุดเลยเจ้าคะ”
(เจ้าหารู้ไม่พี่ที่ใจดีในวันนี้จะกลายเป็นมารในวันหน้าแต่ไม่ต้องห่วงนะข้าจะไม่ทำร้ายคนที่ข้ารักหรอก)
“ถ้าอย่างนั้นเรากลับร้านไปหาวิถีแก้ไขกันดีกว่าเผื่อว่าอาหยางจะหาวิถีได้แล้ว”
เมื่อกลับมาถึงร้าน
“ปัง”
“กรี๊ดดด คุณชายรองเป็นอันใดหรือไม่เจ้าคะ”
“ตึงๆๆ เสวี่ยหยางเจ้าเป็นอะไรหรือไม่”
“พี่รองท่านเป็นอะไรหรือเจ้าคะ”
“แหะๆ พี่ใหญ่น้องซูพวกท่านกลับมาแล้วหรือ”
“เจ้าทำอะไรหนะ”
“พอดีข้ากำลังทดลองหากลิ่นเครื่องหอมกลิ่นใหม่หนะท่าน แล้วข้าเร่งไฟแรงไปหน่อยหนะฮ่าๆ”
“เจ้าไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ว่าแต่เจ้าทำกลิ่นอะไรอยู่”
“กลิ่นหลานฮวา (ดอกกล้วยไม้) กับกลิ่นเหลียนฮวา (ดอกบัว) อยู่”
“แล้วมันแตกต่างจากเดิมอย่างไร”
“มันต่างจากเดิมการน้ำกลั่น เป็นเหล้ากลั่นและน้ำกลั่นผสมกันแทนหนะสิ มันจะทำให้คงกลิ่นให้หอมนานกว่าการใช้น้ำกลั่นอย่างเดียว ท่านพี่ลองดมดูสิ”
“อื่ม หอมๆ จริงด้วย จริงสิข้าซื้อของจากร้านตรงข้ามมาให้เจ้าลองวิเคราะด้วย”
“นี่เป็นกลิ่นโม่ลี่ฮวา ข้าว่าร้านเราควรเพิ่มจากเครื่องหอมอย่างเดียว เป็นเครื่องหอมด้วยเครื่องประทินโฉมและทำชาดขายด้วยจะดีมาก”
“อืมข้าก็คิดเช่นนั้นนะพี่ใหญ่ ข้าว่าของดีไม่พอต้องทำภาชนะที่ใส่ให้ดูดีด้วย”
“ความคิดของเจ้าดีมาก เจ้าได้ความคิดนี้มาจากที่ใดกัน”
“เห็นพี่สาวในหอโคมแดงชอบใช้เครื่องหอมและสีชาด แต่กลิ่นพวกนั้นมันอยู่ได้ไม่นาน ข้าจึงลองใช้เหล้ากลั่นผสมลงไปด้วยแล้วปรากฎว่ากลิ่นมันติดทนกว่าข้าจึงนำไปให้พวกพี่สาวใช้หนะสิ”
“ข้าว่าแล้วว่าเจ้าต้องมีสิ่งที่ถนัด แต่ไม่คิดว่าจะเป็นสิ่งนี้”
“นี่ท่านกำลังชมข้าใช่หรือไม่ ข้ากลับรู้สึกว่ากำลังถูกด่าว่ามักมากซะงั้น”
“ข้ากำลังชมเจ้าอยู่นะ เดี๋ยวเจ้าลองส่งเครื่องประทินโฉมไปตรวจสอบส่วนผสมหน่อยข้าว่าข้าได้กลิ่นของสารหนู”
“โห้!!! จมูกท่านช่างเหมือน..”
“เหมือน อะไร”
“เหมือนสุนัขเจ้าคะ”
(โถ่น้องข้าเจ้าช่างพูดตรงนัก)
“ช่างเถอะตรวจสอบให้ข้าด้วยละกันถ้าเป็นอย่างที่ข้าคิดหละก็ฮึๆๆ สนุกแน่”
(ท่านพี่เก็บรังสีความชั่วร้ายของท่านด้วยเจ้าคะ/ขอรับ)
“ได้ขอรับท่านพี่ข้าจะส่งให้น้องสี่ตรวจสอบให้”
“งั้นเถ้าแก่เนี้ยเดี๋ยวข้ากลับน้องจะกลับไปทำสูตรใหม่ก่อนเดี๋ยว เมื่อเสร็จแล้วข้าจะให้มาลองให้ลูกค้าทดลองก่อนละกัน ถ้ามีคนชอบข้าจึงจะสั่งให้ผลิตขาย”
“เจ้าคะ งั้นเดี๋ยวข้าน้อยเดินไปส่ง”
“ไม่ต้อง เจ้าหนะกลับไปดูร้านต่อเถอะ”
“เจ้าคะ ขอให้คุณชายเดินทางกลับอย่างปอดภัยเจ้าคะ”
ไป๋ซีหลินพาน้องๆ เดินทางไปที่ร้านขายผ้าต่อ
ร้านขายผ้า
“เชิญเจ้าคะคุณชายใหญ่”
“พาข้าไปดูผ้าในร้านสิ”
“เจ้าคะ”
เถ้าแก่เนี้ยพาไป๋ซีหลินไปดูผ้าในร้านทันที
“อืมข้าว่าผ้าที่ร้านก็ดูมีคุณภาพดี ทำไมถึงไม่มีคนมาซื้อกันนะเหมือนขาดอะไรสักอย่าง อ้อใช่แล้วเจ้าไม่มีเสื้อผ้าที่ตัดเสร็จแล้วมาแสดงหน่อยหรือ”
“ร้านเราขายผ้าอย่างเดียว เวลาถ้าจะสั่งชุดต้องสั่งตัดเท่านั้นเจ้าคะ ส่วนแบบในการตัดแล้วแต่ผู้สั่งตัดเจ้าคะ”
“ข้าว่าเราต้องตัดชุดมาทำแบบเสื้อผ้าต่างๆ มาแสดงหน้าร้านเพื่อเรียกลูกค้า”
“ท่านพี่เจ้าคะ ข้ามีความคิดเจ้าคะ”
“อ้าเอาเลยน้องรักเจ้าออกความเห็นได้เต็มที่ เจ้าด้วยนะน้องรอง”
“เจ้าคะ/ขอรับ”
“เถ้าแก่เนี้ยข้าขอกระดาษกับพู่กันและหมึกให้น้องข้าหน่อย”
“เจ้าคะ”
รอสักพักเถ้าแก่เนี้ยก็เข้ามาพร้อมกับอุปกรณ์การเขียนและวาด
ไป๋เสวี่ยหยางและไป๋อี้ซูรับกระดาษไปก่อนจะลงมือวาดโดยมีเถ้าแก่เนี้ยนั่งฝนหมึกให้ พร้อมทั้งคุณชายใหญ่นั่งจิบน้ำชาพร้อมขนมรออย่างสบายใจ
ผ่านไปราวครึ่งชั่วยาม
“เสร็จแล้ว ขอรับ นี่คือแบบชุดที่ข้าคิด”
แบบชุดที่เสวี่ยหยางวาด
“แต่ละชุดที่เจ้าวาดนี่ช่าง สั้นเสียจริง”
“ก็แหม่ท่านพี่ข้าก็แค่อยากให้พวกพี่สาวได้ใส่ชุดพวกนี้นี่หน่า”
“ท่านพี่เจ้าของข้าก็เสร็จแล้วเจ้าคะ”
แบบชุดที่อี้ซูวาด
“อืมดูดีทั้งคู่ เอาตามนี่ละกันเถ้าแก่เนี้ย เจ้าตัดชุดตามแบบที่น้องๆ ข้าวาดแล้วเดี๋ยวข้าจะสั่งหุ่น มาไว้ให้ท่านใส่แสดงหน้าร้าน”
“เจ้าคะ คุณชาย”
“ถ้ามีอะไรไปพบข้าที่จวนก็แล้วกัน ข้ากลับละ”
“น้อมส่งคุณชายเจ้าคะ”
เมื่อถึงจวนสกุลไป๋
“เย็นนี้ข้าจะเข้าครัว พวกเจ้าอยากกินอะไร”
“บะหมี่ขอรับ/เจ้าคะ”
“ส่วนข้าขอเป็นปลากระพงนึงมะนาวละกัน”
“ทะ..ท่านพ่อ ท่านกลับมาตั้งแต่เมื่อไรขอรับ”
“ข้ากลับมาตั้งแต่เมื่อสองชั่วยามที่แล้ว พวกเจ้าสิไปไหนมา”
“พวกลูกไปตรวจตรากิจการเครื่องหอมกับผ้ามาขอรับ”
“เป็นอย่างไรบ้าง”
“กิจการมีปัญหาด้านการค้านิดหน่อยขอรับ แต่ท่านพ่อไม่ต้องห่วงข้ากับน้องๆ ได้หาวิธีจัดการแล้ว”
“เมื่อเจ้าพูดอย่างนี้ข้าก็สบายใจ ข้าเชื่อว่าพวกเจ้าทำได้”
“ข้าและน้องๆ ทำได้ก็จริง แต่ท่านก็ไม่ควรทิ้งงานไว้ให้น้องๆ ตอนข้าไม่อยู่สิขอรับ มีอย่างที่ไหนข้าออกจากจวนไปไม่ถึงชั่วยามท่านก็อุ้มท่านแม่หนีเที่ยวซะงั้น”
“โอ้อย่าโกรธพ่อเลยนะลูกรัก เจ้าต้องการอันใดขอเพียงแค่บอกพ่อจะหามาให้”
“งั้นท่านก็หาคนดูแลกิจการแทนน้องสี่เพราะน้องสี่บอกข้าว่า น้องสี่อยากจะปรุงยามากกว่าดูแลกิจการ”
“เจ้านี่ตามใจน้องๆ เจ้าเกินไปแล้ว”
“ข้าไม่ได้ตามใจขอรับข้าอยากเห็นน้องๆ ทำสิ่งที่น้องรักทำสิ่งที่อยากทำ ไม่ใช่ การบังคับ”
“ได้ตกลง ข้าจะไม่เอางานกิจการต่างๆ ให้เจ้าสี่แล้ว แต่ข้าจะให้เจ้าทำแทน”
“ได้ หะ..ไม่สิทำไมเป็นข้าละ แค่งานในสำนักกับบัญชีข้าก็เหนื่อยมากแล้วนะท่านพ่อ”
“ก็เจ้าบอกข้าเองว่าอยากให้น้องทำในสิ่งที่รัก อีกอย่างงานในสำนักก็มีอาหยินช่วยอยู่แล้วมิใช่หรือ เจ้าก็รับอีกสักงานจะเป็นไรไป”
“ก็ได้ขอรับ ข้าไม่ได้ยอมท่านนะข้าแค่ทำเพื่อน้องข้า งั้นข้าขอตัวไปทำสำรับก่อนนะขอรับ”
“ได้ อย่าลืมปลากระพงนึ่งมะนาวพ่อหละ และก็เอาสามชั้นทอด หมูตุ๋นด้วยนะ แล้วก็ อย่าลืมเอาสุรามาด้วยนะ….…บลาๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”
ไป๋ซีหลินเดินมาที่ห้องครัวก่อนจะลงมือทำอาหารตามที่น้องๆ ขอ และตามที่นายใหญ่ของจวนสั่ง
เมื่อทำเสร็จจึงสั่งบ่าวให้ยกตามมาที่ห้องอาหารโดยที่ห้องอาหารมีคนมารอครบทุกคนแล้ว
“ขออภัยที่มาช้าขอรับ”
“ไม่เป็นไรนั่งลงเถอะ”
“งั้นเมื่อทุกคนมาครบแล้วก็ลงมือทานสำรับเถอะ”
เมื่อนายของจวนสั่งดังนั้นทุกคนจึงเริ่มทานอาหารกันก่อนที่อาจ้าวจะพูดขึ้น
“แหม่เสวี่ยหลินเจ้ามีคนครัวฝีมือดีแบบนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน”
“ข้ามีมานานมากแล้วหละ เป็นอย่างไรอร่อยใช่ไหลหละ”
“ใช่อร่อยมากเลย ข้าขอยืมคนครัวเจ้าไปทำอาหารสักเดือนได้หรือไม่”
“เห็นทีจะ มิได้”
“ทำไมเหล่า หรือว่าคนที่ทำอาหารพวกนี้จะเป็นฮูหยินรองที่เจ้าแอบซุกไว้กัน”
“จะบ้าหรอ เจ้าอย่ามาพูดให้ข้าทะเลาะกับชิงเหยียนนะ คนที่ทำอาหารนี้คือซีหลินต่างหากหละ”
“หะ..จริงหรือซีหลิน”
“ขอรับ อาหารทุกจานเป็นฝีมือข้าเอง”
“หลานหลินช่างเก่งเสียทุกด้านจริง ไป๋เสวี่ยหลินยกลูกเจ้าให้เป็นสะใภ้ข้าเถอะ”
“อุบ แค่กๆ เจ้าว่าอะไรนะจ้าวจงเทียนเจ้าจะขอลูกข้าไปเป็นสะใภ้”
“ใช่”
“งั้นที่เจ้าหมายถึงคงจะเป็นอี้ซูสินะ”
“ไม่ใช่ข้าหมายถึงซีหลินต่างหาก”
“ข้าไม่ยกให้ถึงเจ้าจะขอไป๋อี้ซูข้าก็ไม่ให้”
“แต่ข้าจะเอา ข้าอยากได้”
“แต่ข้าไม่ให้ถึงเป็นเจ้าข้าก็ไม่ให้”
“ได้งั้นเรามาสู้กัน ถ้าข้าชนะไป๋ซีหลินต้องแต่งกับลูกข้าคนใดคนนึง”
“ได้แต่ถ้าข้าชนะ เจ้าจะต้องไม่พูดถึงเรื่องนี้อีก”
“ตกลง”
“ท่านพี่หยุดเดี๋ยวนี้นะไม่งั้นท่านนอนนอกจวนไปเลย อี้ชิงเหยียน/เจียงซูเหม่ย”
“นี่สินะที่เขาเรียกว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือท่านพ่อก็ยังมีท่านแม่” ไป๋ซีหลินคิดในใจ
“แต่อาเหยียนเจ้าก็ได้ยินนี่ว่าเจ้าจงเทียนจะเอาลูกเราไปนะ”
“ข้าได้ยินท่านพี่แต่ข้าคิดว่าเรื่องแบบนี้ควรแล้วแต่เจ้าตัวนะท่านพี่”
“อาเหม่ยเจ้าก็อยากได้สะใภ้เช่นนี้ใช่หรือไม่”
“ท่านพี่ข้าก็ชอบอาหลินนะ แต่ข้าว่าแล้วแต่การตัดสินใจของอาหลินเถอะ”
“มาเด็กๆทานกันต่อเลย”
พวกซีหลินทานอาหารต่อจนเสร็จ เลยขอตัวแยกย้ายกันกลับไปพักผ่อน ส่วนผู้ใหญ่ทั้งสี่คนยังคงเสวนากันต่อจนดึก
หวังว่าพรุ่งนี้คงจะไม่มีเรื่องอันใดอีกนะ ไป๋ซีหลินได้แต่ภาวนาในใจ
ค่าเงิน
1 ตำลึงทอง = 10 ตำลึงเงิน
1 ตำลึงเงิน = 1 ก้วนเหรียญทองแดง
1 ก้วน = 1000 เหวิน (อีแปะ) ซึ่งเป็นเหรียญทองแดงผสม
การนับเวลา
ชั่วยาม 时辰 คือหน่วยนับเวลาแบบโบราณของจีน หนึ่งชั่วยาม เท่ากับเวลา 2 ชั่วโมง
ครึ่งชั่วยาม 半个时辰 คือหน่วยนับเวลาแบบโบราณของจีน เท่ากับเวลา 1 ชั่วโมง
หนึ่งก้านธูป 一炷香 คือหน่วยนับเวลาแบบโบราณของจีน เท่ากับเวลา 60 นาที หรือ 1 ชั่วโมง
เค่อ 刻 คือหน่วยนับเวลาแบบโบราณของจีน หนึ่งเค่อ 一刻 เท่ากับเวลา 15 นาที
หนึ่งถ้วยชา 一盏茶 คือหน่วยนับเวลาแบบโบราณของจีน เท่ากับเวลา 15 นาที
หนึ่งจิบชา 一杯茶 คือหน่วยนับเวลาแบบโบราณของจีน เท่ากับเวลา 5 นาที
เฟิน 分 คือหน่วยนับเวลาแบบโบราณของจีน เท่ากับ นาที
