การเจอกันครั้งแรกในรอบ 4 ปี
“กรี๊ด!!!!! ช่วยด้วย!!!”
ฉันกรีดร้องออกมาเสียงดังลั่นห้องในกลางดึก เพราะรู้สึกถึงสัมผัสมือผู้ชายที่กำลังปัดป่ายพัลวันไปทั่วร่างกาย แม้เกือบจะเคลิบเคลิ้มไปด้วยแล้วเพราะนึกว่าฝันก็เถอะ
ร่างสูงนั่นชะงักไปเล็กน้อยแล้วพยายามเอียงหน้าให้ฉันมองได้อย่างถนัดว่าเขาคือใครภายใต้แสงไฟสลัวๆที่รอดมาจากช่องกระจกที่หน้าต่าง
“เลย์!!!! นายมาได้ยังไง”
ฉันถามออกไปอย่างตกใจ เด็กหนุ่มที่ฉันพยายามจะหลบหน้าเขามาตลอด4ปี ทำไมวันนี้กลับมาเจอกันได้ง่ายดายอย่างนี้
สักพักฉันก็เหมือนจะเพิ่งนึกอะไรขึ้นได้กับประโยคสนทนาของฉันกับแม่เมื่อเช้านี้.....
‘มีนเอ้ย....อีก2-3วันเลย์จะกลับมาอยู่บ้านแล้วนะลูก’
‘……’
‘เห็นเลย์บอกว่าสอบวิชาสุดท้ายเสร็จแล้วน่ะ”
‘.......’
ฉันได้แต่นั่งฟังไม่ได้ตอบอะไรเพราะกำลังนึกหาทางหนีทีไล่ที่จะเก็บข้าวของไปอยู่หอข้างนอกก่อนที่ลูกติดพ่อเลี้ยงจะกลับมา
แต่ทำไมอยู่ ๆเขาถึงกลับมากะทันหันแบบนี้กันล่ะ.....
นี่ขนาดว่าเขากลับมาวันแรกยังทำฉันวุ่นวายขนาดนี้ แล้วชีวิตที่เหลือต่อจากนี้ของฉันจะเป็นยังไงกันนะ
“นี่เมาใช่มั้ย...กลับไปห้องนายเดี๋ยวนี้เลยนะ”
“อื้อ หอมจัง”
เจ้าเด็กบ้ายังเอาหน้าซุกหมอนฉันไม่เลิกแม้ฉันจะพยายามดึงแขนให้เขาลุกขึ้นมากแค่ไหน แต่เหมือนร่างกายที่ดูสูงสัก175นั่นจะไม่ขยับเลยสักนิด
“หอมกับผีอะไรเล่าไอ้เด็กบ้า ออกไปเลยนะ ไม่งั้นฉันจะเรียกแม่..มะแม่...”
คำว่าแม่ต้องหายไปจากเสียงพูดเพราะฉันเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าวันนี้แม่ไปสัมมนาที่ต่างจังหวัดกับพ่อเลี้ยงนี่นา ฉันทำได้แค่กรอกตามองบนแล้วนั่งลงบนที่นอนแคบๆของตัวเอง
“ถ้านายจะนอนตรงนี้ พี่จะไปนอนห้องนายเอง”
พูดจบฉันก็กำลังจะลุกขึ้นแต่ก็ต้องชะงักเพราะมีฝ่ามือหนาๆคว้าหมับเข้าที่ข้อแขนจนฉันตกใจจนต้องรีบมองไปที่ดวงตาสีดำที่ลืมตามองฉันอยู่
“น้องจะคิดถึงพี่มั่งไม่ได้รึไง”
น้ำเสียงยานๆที่ฟังดูก็รู้ว่าเมามากแค่ไหนได้เอ่ยออกมาจากปากชมพูนั่น
“หลบเก่งดีนะ ผมไม่ได้เจอพี่มีนตั้งเกือบ 4 ปี ”
ความน้อยใจของเลย์ฉายออกมาผ่านแววตาหวานคู่นั้นอย่างชัดเจน
เลย์จัดว่าเป็นเด็กหนุ่มสุดหล่อมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ยิ่งโตก็ยิ่งหล่อ ใบหน้ารูปไข่จมูกโด่งเป็นสันพร้อมกับดวงตาคู่หวาน ทำเอาหญิงคนไหนที่เผลอได้สบสายตาเข้าไปก็แทบจะละลายอยู่ตรงหน้า แต่..ไม่ใช่ฉันย่ะ
“หลบเหลิบอะไร แค่เรื่องบังเอิญ”
แต่ความจริงก็อย่างที่เขาพูดนั่นแหละ ฉันไม่อยากจะรื้อฟื้นความจำกับเขาเรื่องเมื่อ4ปีที่แล้วนั่น
“พี่มีนก็รู้ว่าพี่หลบผมไม่ได้ตลอด”
“เมาแล้วพูดเยอะ ปล่อยเลยฉันจะไปนอน”
ฉันกระตุกแขนชักมือกลับ แต่มันก็ไม่ขยับเลย เรี่ยวแรงของคนเมาทำไมมันเยอะจังเลยนะ
“จะไปไหนล่ะ ที่นอนพี่อยู่นี่”
เลย์พูดจบก็กระชากแขนฉันจนเซล้มลงจนหน้าแทบติดกับเขา
“เลย์ นายเมามากแล้วนะ”
ฉันพยายามถลึงตาพูดใส่เรียกสติ แต่เขากลับจับข้อมือทั้งสองข้างของฉันให้ดิ้นไม่หลุด
“พี่สาวนอนกับน้องชายจะเป็นอะไรไป”
เขาพูดออกมาอย่างไม่คิดอะไร ผิดกันกับฉันที่ได้แต่กลืนน้ำลายลงคอด้วยความอึดอัด
ถ้าเป็นน้องชายแท้ๆฉันคงไม่อึดอัดใจขนาดนี้หรอก แต่นี่เขาเป็นลูกติดพ่อเลี้ยงฉันแม้จะถูกเลี้ยงมาด้วยกันตั้งแต่ฉันอายุ20ส่วนเขาอายุ10ขวบก็เถอะ
“เพราะเรื่องนั้นเมื่อ4ปีก่อน พี่เลยเกลียดผมเหรอ”
สงสัยเพราะฤทธิ์น้ำเมาเลยทำให้เขากล้าคุยกับฉัน เพราะเวลาปกติแม้แต่ในช่องทางโซเชียลต่างๆ เรายังไม่เคยคิดจะคุยกันเลยด้วยซ้ำ
“อืม รู้แล้วก็ปล่อยสิ”
ฉันพูดออกไปตรงๆอย่างที่ใจคิด หากใครเจอเหตุการณ์แบบนั้นอย่างฉันแล้วจะทำเป็นเฉย ๆ ไม่รู้ร้อนรู้หนาวได้บ้างกันล่ะ
จากที่คิดว่าพูดกับเขาแรง ๆแล้วเขาจะปล่อยแต่มันไม่ใช่เลย เลย์ค่อยๆ ยื่นใบหน้าเข้ามาใกล้ฉันมากขึ้นจนปากเราเริ่มจะชนกัน
“ละ..เลย์..นายเมามากแล้วนะ”
ฉันเอ่ยปรามเพราะหายใจเริ่มไม่ทั่วท้องแล้วในตอนนี้
“ผมยอมห่างพี่...ตามที่พี่ขอมาตั้ง4ปีเลยนะ”
“.......”
“พี่ไม่สงสารผมบ้างเลยเหรอ”
“สงสารอะไร นายพูดอะไรของนาย”
เรื่องของฉันกับนายมันเกิดจากความผิดพลาด แล้วอยู่ ๆทำไมไอ้เด็กบ้านี่ถึงพูดอะไรแบบนี้ออกมากันล่ะ
“ต่อจากนี้ผมจะไม่ยอมห่างจากพี่อีกแล้ว”
สิ้นเสียงประโยคนี้ฉันก็รู้สึกได้ถึงแรงกดจากริมฝีปากนุ่มของเขาแนบเข้ามาที่ปากฉันอย่างจัง ถึงแม้ฉันจะถอยหนีแต่มันก็ทำได้เพียงแค่หลังติดกำแพงและเขาก็ยิ่งเขยิบเข้ามามากขึ้นเท่านั้น
