บทที่2
หญิงสาวยังคงใช้ชีวิตต่อไปโดยพยายามอย่างยิ่งที่จะหลบหน้า ’เขาคนนั้น’ แต่เพราะหน้าที่ทำให้เธอไม่อาจเลี่ยงที่จะพบเขาไปได้ สุดท้ายก็ต้องเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พยายามก้มหน้าก้มตาเก็บใบชาไปพร้อมกับคนงานคนอื่นๆ กระทั่งเสียงเข้มของบางคนดังขึ้น
“เหนื่อยไหมครับไหม ดื่มน้ำเย็นๆ ก่อนจะได้ชื่นใจ” วัชระเอ่ยขึ้นและไม่รีรอที่จะยื่นน้ำไปให้สาวในดวงใจที่ทำให้เขารู้สึกหลงรักตั้งแต่ครั้งแรกที่พบ แต่ไม่ว่าเขาจะพยายามแค่ไหนก็เหมือนอีกคนจะยิ่งพยายามตีตัวออกห่างมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเขาไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร
“คุณวัชร มาหาคุณท่านเหรอคะ” หากจะให้บอกตามจริงคือเขามาที่นี่ด้วยเหตุผลเดียวคืออยากเจอหน้าเธอ แต่เพราะไม่รู้ว่าหากพูดออกไปแล้ว เธอจะยังยอมคุยด้วยรึเปล่าจึงได้แต่เก็บมันไว้ในใจ
“พอดีคุณแม่ของผมท่านเพิ่งกลับจากยุโรปเลยวานให้ผมเอาของฝากมาให้คุณป้า ส่วนนี่ของคุณไหมครับ คุณแม่ท่านฝากมาให้ ตอบแทนที่คุณไหมไปช่วยสอนพิเศษยัยน้องให้ที่บ้านเมื่อคราวก่อน”
ถุงใบหนึ่งถูกยื่นส่งมาให้ทันทีที่เขาพูดจบ หากแต่อีกคนกลับไม่กล้าแม้แต่จะยื่นมือไปรับ เพราะกลัวว่าเรื่องนี้จะหลุดไปถึงหูของใครบางคนเข้า และหากมันเป็นเช่นนั้นคนที่จะเดือดร้อนก็คงเป็นเธอ ซึ่งเธอไม่อยากหาเรื่องในตัวในตอนนี้ เพราะเท่าที่เป็นอยู่มันก็มากพอแล้ว
“พี่วัชร! มาหากิ่งเหรอคะ!”
เสียงของใครอีกคนที่ดังขึ้นไม่เพียงแต่ทำให้ม่านไหมตกใจจนต้องถอยหนี แม้แต่วัชระเองก็เช่นกัน
“สวัสดีครับน้องกิ่ง” วัชระเอ่ยขึ้นทักว่าคู่หมั้นคู่หมายของตัวเอง อย่างเสียไม่ได้ แม้ใจจะรู้ดีว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเธอไม่ได้เกิดขึ้นเพราะความรัก แต่เป็นการพูดตกลงของพวกผู้ใหญ่ที่อยากให้สองครอบครัวเกี่ยวดองกันซึ่งมันเป็นเรื่องที่ฝืนใจเขาที่สุด
ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าชีวิตคู่ระหว่างเขากับเธอจะไปกันรอด เพราะไม่ว่าจะมองมุมไหน เขาก็ไม่เห็นหนทางออกสำหรับเรื่องนี้ สำหรับเขาแล้วผู้หญิงที่เขาอยากให้มาเป็นภรรยามีแค่คนเดียวเท่านั้น ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากผู้หญิงธรรมดาที่ชื่อม่านไหม
“กิ่งกำลังว่าจะไปหาพี่วัชรที่บ้านอยู่พอดีเลยค่ะ แล้วนั่นอะไรคะ ใช่ของฝากจากยุโรปของกิ่งรึเปล่า” หญิงสาวถามเสียงใสก่อนจะหันไปจ้องเขม็ง บุคคลที่สามที่จนป่านนี้ก็ยังไม่ยอมไสหัวไปให้พ้นๆ
“แล้วนี่แกมายืนเซ่ออะไรอยู่แถวนี้อีไหม!งานการไม่มีทำรึไง!” น้ำเสียงที่ใส่เรียกกันนั้นจิกกัดเสียยิ่งกว่าอะไร แต่ถึงอย่างนั้นเจ้าตัวก็หาได้ต้องแคร์ใครไม่ เธอก็เป็นของเธอแบบนี้มาโดยตลอดตั้งแต่เกิด ถ้าชอบใครก็จะดีด้วย แต่หากไม่ชอบก็จะเป็นแบบนี้
“ไม่พูดแบบนั้นสิครับน้องกิ่ง ที่จริงแล้วพี่เป็นคนเรียกไหมเอาไว้เอง มันไม่ใช่ความผิดของเขาหรอกนะครับ พอดีว่าคุณแม่พี่ท่านฝากของมาให้ไหมครับ ตอบแทนคำขอบคุณที่เขาไปสอนพิเศษให้ยัยน้องที่บ้านครั้งก่อน” แม้เหตุผลของว่าที่คู่หมั้นจะน่าฟังสักแค่ไหน แต่กิ่งกมลก็รู้สึกไม่พอใจอยู่ดีที่แม่ของเขามีของฝากมาให้นังม่านไหม ในขณะที่เธอไม่เคยแม้แต่จะได้อะไรจากท่านเลยสักครั้ง
“มันไปสอนพิเศษยัยน้อง ก็ได้เงินเป็นการตอบแทนไปแล้วไม่ใช่เหรอคะ ไม่เห็นมีความจำเป็นอะไรที่พี่วัชรกับคุณป้าจะต้องเอาของฝากจากยุโรปมาให้มันถึงที่เลย!” กิ่งกมลให้เหตุผลอย่างสมน้ำสมเนื้อ ใช่ว่าจะไม่รู้ ว่าคู่หมายของตัวเองรู้สึกอย่างไรกับอีขี้ข้าตรงหน้า เพราะรู้เธอถึงได้เกลียดมันจนอยากจะไล่มันออกไปให้พ้นๆ
“อย่าคิดแบบนั้นสิครับ พี่กับคุณแม่แค่เห็นว่าผลการเรียนของยัยน้องดีขึ้นมากจากเทอมก่อน เราสองคนเลยอยากขอบคุณไหมเขาก็เท่านั้น ว่าแต่แล้วนี่คุณป้าล่ะครับอยู่ไหน น้องกิ่งพาพี่ไปหาท่านหน่อยได้ไหมครับ” เพราะกลัวว่าจะเกิดเรื่องขึ้นวัชระจึงจำต้องรีบเปลี่ยนเรื่องก่อนจะเดินตามแรงฉุดของคู่หมายเข้าไปในบ้าน แต่ก็ไม่ลืมหันมามองอีกคนอย่างรู้สึกผิด ที่เกือบทำให้เธอเดือดร้อนเพราะการกระทำสิ้นคิดของตัวเอง โดยภาพทั้งหมดตกอยู่ในสายตาของธีรเดชตลอดเวลา เขาเฝ้ารอจนร่างบอบบางเดินเข้ามาใกล้ถึงได้เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ
