ตอนที่ 5
“ฮะ! นี่เรื่องจริงหรือหลอกฉันเล่นเนี่ยหนูพุก” เสียงห้าวเข้มที่พยายามทำให้แหลมเล็กของดวงฤทธิ์ร้องถามหนูพุกทันทีที่หญิงสาวได้เล่าเรื่องที่เธอกับณกุลคุยกันในร้านหนังสือแล้วอาจารย์ธีรัชต์มาได้ยินเข้าพอดิบพอดี
“ล้อเล่นกับผีน่ะสิ นี่แกต้องเห็นพุกหน้าซีดตอนนั้น...” ณกุลว่าแล้วก็หันไปสบตากับหนูพุก อดไม่ได้ที่จะนึกถึงเหตุการณ์วันนั้นขึ้นมา อันที่จริง เขาก็ไม่ใช่ว่าจะอยู่ในเหตุการณ์เสียสักทีเดียว เพียงแต่พอเลือกหนังสือการ์ตูนที่อยากอ่านได้ จึงเดินกลับมาหาหนูพุก แล้วเห็นหญิงสาวกำลังพยุงตัวเองลุกขึ้นจากพื้น ดวงหน้าสวยซึ้งนั้นซีดเผือดจนน่าตกใจจนเขาต้องร้องถามด้วยความเป็นห่วง และคำตอบที่ได้ก็ทำเอาช็อกไปไม่น้อยเหมือนกัน
“เฮ้ย มันคงไม่มีอะไรหรอกมั้งพวกแก อาจารย์เขาก็ไม่ถือสาไม่ใช่หรือ” โศภิตาพยายามปลอบขวัญเพื่อนขณะพากันเดินจากโรงอาหารเตรียมจะขึ้นไปเรียนวิชาของอาจารย์ธีรัชต์ แถมวันนี้ยังเป็นวันที่ดวงฤทธิ์กับมุทิตาต้องรายงานหน้าชั้นอีกต่างหาก เธอจึงไม่อยากให้เพื่อนๆ กังวลเรื่องอื่นด้วยคิดว่าอาจารย์ธีรัชต์ดูจะไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำที่จะเอาผิดกับเด็กที่นินทาตัวเองถึงขั้นเอาไปลงกับการตัดเกรดหรอก
“แต่ตอนนั้นไอ้ณกุลมันเอ่ยชื่อฉันไปด้วยนี่สิ แล้ววันนี้ฉันต้องพรีเซนต์หน้าชั้น โอ๊ย...แล้วฉันจะมองหน้าอาจารย์ติดได้ยังไงกันเนี่ย” ดวงฤทธิ์โอดครวญด้วยความกังวลเพราะลำพังแค่เกรดเฉลี่ยที่เสี่ยงต่อการไม่ได้ไปต่อในเทอมต่อไปแล้ว ยังต้องมากังวลกับความคิดของอาจารย์อีก และคงเพราะเห็นเพื่อนกังวลจริงๆ กระมังจึงทำให้หนูพุกเอ่ยปลอบ
“ไม่เป็นไรหรอกด้วง อาจารย์ธีรัชต์ใจดีจะตาย จะบอกให้นะว่าเขาเป็นห่วงเรื่องเกรดของแกกับยัยมุกมาก ยังบอกให้ฉันพยายามช่วยพวกแกเลย”
“จริงหรือ” มุทิตาถามย้ำขณะเดินเข้าไปในลิฟต์พร้อมเพื่อนๆ แต่คนตอบกลับเป็นณกุล
“ก็ที่อาจารย์เขาไล่จี้พวกแกให้ตอบคำถามเขา ก็เพราะพวกแกจะได้จำสิ่งที่เขาสอนแล้วเอาไปตอบในข้อสอบได้ยังไงล่ะ แต่ฉันว่า อาจารย์แกก็เป็นคนแปลกๆ นะ...”
“ก็เห็นปกตินี่ณกุล ไม่เห็นแปลกตรงไหน ใจดีจะตายยังช่วยแนะนำหนังสือให้เราเลย” หนูพุกแก้ด้วยรอยยิ้มที่บอกชัดว่าชักจะเริ่มปลื้มในตัวของอาจารย์ธีรัชต์ขึ้นมาตงิดๆ แต่ณกุลกลับไม่ได้สนใจกับรอยยิ้มและแววตาคู่นั้นของหญิงสาวมากไปกว่าความคิดเห็นของตัวเอง
“แปลกสิ เพราะเป็นอาจารย์ที่เราดูไม่ออกจริงๆ นะว่าแกกำลังคิดอะไรอยู่ บางทีก็เดาอารมณ์แกอยาก ท่าทางแกจะเป็นคนเก็บความรู้สึกเก่งด้วย”
“ใครจะไปใจร้อนเดาอารมณ์ง่ายเหมือนแกล่ะณกุล” ดวงฤทธิ์ได้ทีก็จิกกัดเบาๆ ด้วยลึกๆ ก็ยังนึกเคืองชายหนุ่มที่ดันเอาข้อสงสัยของตนไปพูดในที่สาธารณะจนอาจารย์สุดหล่อมาได้ยินเข้า
การนำเสนอหน้าชั้นเรียนผ่านพ้นไปได้ด้วยดีและอาจารย์ธีรัชต์เองก็วางตัวเป็นปกติราวกับว่าไม่เคยได้ยินเรื่องที่เด็กๆ ซุบซิบนินทากันมาก่อน แม้จะมีบ้างที่ดวงฤทธิ์กับมุทิตาจะถูกคอมเมนต์เรื่องรายละเอียดของงานที่ยังไม่เรียบร้อยดีนัก แต่อาจารย์หนุ่มก็เสนอให้ไปแก้ตัวในเปเปอร์ตอนปลายภาคแทน
“อาทิตย์หน้า ที่ต้องรายงานมีเรื่องสงครามโลกครั้งที่สองของหนูพุก สันนิบาติแห่งชาติของโศภิตาแล้วก็องค์การสหประชาชาติของณกุล ผมขอให้พวกคุณรายงานให้กระชับแล้วก็รวบรัดนิดหนึ่งนะครับ เพราะจบแล้วผมจะเลคเชอร์ต่อ เหลืออีกประมาณหนึ่งเดือนเราก็จะต้องสอบไฟนอลกันแล้วนะครับ ผมขอให้พวกคุณเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการสอบครั้งนี้ด้วยนะครับ”
“ค่ะ/ครับ” นิสิตตอบรับอย่างพร้อมเพรียง ซึ่งถ้าธีรัชต์สังเกตไม่ผิด รู้สึกว่าวันนี้ เด็กๆ จะตั้งใจเรียนกันเป็นพิเศษ ซึ่งมันก็คงเป็นเพราะมีชนักติดหลังอยู่เป็นแน่...แต่เป็นอย่างนี้ก็ดีเหมือนกัน เวลาเขาถามอะไรทุกคนจะได้กระตือรือร้นที่จะตอบกันหน่อย ไม่ใช่เงียบกริบมองหน้ากันไปมาให้เสียบรรยากาศการเรียนเปล่าๆ
“วันนี้ก็พอแค่นี้ครับ อาทิตย์หน้าเจอกัน” ด็อกเตอร์หนุ่มกล่าวเป็นการส่งท้ายก่อนจะหันมาสนใจกับกองเอกสารของตัวเอง
“ณกุล แกจะรีบไปไหนเนี่ย” มุทิตาร้องถามเมื่อเห็นณกุลแทบจะวิ่งพุ่งออกจากห้องทันทีที่อาจารย์บอกเลิกคลาส และเสียงที่ตอบกลับมาก็ทำให้ธีรัชต์ที่สาละวนอยู่กับเอกสารของตนต้องกลั้นขำ
“ปวดฉี่โว้ย”
“ดูมัน พูดซะเสียงดังไม่มีความเกรงใจอาจารย์เลย” โศภิตากระซิบกับหนูพุกที่ได้แต่ส่ายหน้าระอากับนิสัยใจร้อนของเพื่อนสนิท ทว่า ก่อนที่หญิงสาวจะเดินออกจากห้องเสียงของอาจารย์หนุ่มก็เอ่ยเรียกชื่อของเธอเสียก่อน
“คุณหนูพุกครับ”
“คะ...” สาวเจ้าหันไปตามเสียง จึงเห็นธีรัชต์เดินถือหนังสือเล่มหนึ่งเข้ามาหาและยื่นมันมาตรงหน้าเธอ
“ผมเห็นคุณสนใจเรื่องการเมืองระหว่างประเทศของญี่ปุ่น ก็เลยเอาเล่มนี้มาให้คุณลองอ่าน แล้วผมก็จดพวกเว็บไซต์ที่พอจะเข้าถึงข้อมูลของทางญี่ปุ่นไว้ให้ด้วย ถ้าคุณพอจะได้ภาษาญี่ปุ่นอยู่บ้างผมคิดว่าคุณน่าจะได้ข้อมูลหลายๆ อย่างเลยทีเดียว”
“ขอบคุณนะคะอาจารย์” ลำพังแค่คำขอบคุณน่ะไม่กระไรหรอก แต่ที่ทำให้ธีรัชต์ยิ้มกว้างออกมาโดยไม่รู้ตัวก็คงเป็นนัยน์ตาเรียวหวานที่ฉายความตื่นเต้นเป็นประกายให้เขาได้เห็นนั่นกระมัง
“โห...นี่มันขุมทรัพย์ชัดๆ เลยยัยพุก” แม้แต่โศภิตาที่เหลือบมองหนังสือที่หนูพุกคลี่เปิดผ่านๆ ยังอดอุทานอย่างตื่นเต้นเสียไม่ได้ พลางคิดว่า...ท่าทางยัยหนูพุกคงจะรั้งตำแหน่งศิษย์รักของอาจารย์ธีรัชต์แล้วเป็นแน่ อย่างว่าแหละนะ ยัยหนูพุกเพื่อนรักของเธอเองก็สนใจเกี่ยวกับญี่ปุ่นอยู่เป็นทุนเดิม อาจารย์เองก็ถือว่าเชี่ยวชาญด้านนี้ ไม่แปลกที่เขาจะส่งเสริมหนูพุกอย่างนี้
“หวังว่ามันคงจะเป็นประโยชน์กับคุณนะครับ” พูดจบ ชายหนุ่มก็เดินเลี่ยงออกจากห้อง เขาหยุดแวะรับคำทักทายจากนิสิต ป.ตรีที่เพิ่งจะเลิกเรียนจากอีกห้องหนึ่งเล็กน้อยก่อนจะเดินไปที่ลิฟต์ ส่วนหนูพุกก็ยังคงมองหนังสือเล่มหนาในมือสลับกับมองตามร่างสูงนั้นไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลายปนเปกัน
“วันนี้ยัยลูกหนูของแม่ดูจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษเลยนะ อ่านหนังสือไปฮัมเพลงไปอย่างนี้” สุจิราทักลูกสาวหลังจากที่นางสังเกตอาการของหนูพุกมาได้พักใหญ่ตั้งแต่ตอนนั่งทานข้าวเย็นด้วยกันจนกระทั่งตอนนี้ ดูเหมือน ‘ยัยลูกหนู’ ของนางจะไม่หยุดยิ้มเลยทีเดียว
“ก็วันนี้ ลูกหนูของแม่มีความสุขนี่คะ” คนเป็นลูกตอบกลับแล้วก็ก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือที่อาจารย์ธีรัชต์อุตส่าห์นำมาให้ แถมภายในหนังสือเล่มนี้ยังสอดไส้ด้วยกระดาษโน้ตแผ่นเล็กๆ ที่เดาว่าคงเป็นลายมือของอาจารย์เขียนย่อเนื้อหาสำคัญๆ เอาไว้ รวมทั้งมีกระดาษแผ่นน้อยเขียนด้วยลายมือบรรจงของอาจารย์เกี่ยวกับแหล่งความรู้เพื่อให้เธอไปค้นคว้าต่อยอดแทรกมากับหนังสือเล่มนี้ด้วย “แม่เห็นนี่มั้ยคะ”
พอได้ทีก็นึกอยากจะอวดผู้เป็นแม่ขึ้นมา จึงชูหนังสือเล่มหนาให้สุจิราเห็นชัดถนัดตา
“ก็หนังสือไงลูก ประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศญี่ปุ่น”
“ใช่ค่ะ...อาจารย์ที่สอนให้มาค่ะแม่ พุกว่าต้องเป็นหนังสือของอาจารย์เองแน่ๆ เพราะมีโน้ตเขียนด้วยลายมืออาจารย์แทบทุกหน้าเลย” แถมลายมือยังสวยซะด้วย...หญิงสาวนึกชื่นชมในใจ ไหนเขาเคยบอกว่า ลายมือของเขาก็ไม่ต่างจากเธอสักเท่าไหร่อย่างไรเล่า นี่อะไร ลายมือออกจะสวยราวกับเคยประกวดคัดไทยมาอย่างนั้น ในขณะที่เธอ ‘ไก่เขี่ย’ ยังถือว่าสวยกว่าด้วยซ้ำ “อาจารย์คงเห็นว่าพุกสนใจเกี่ยวกับญี่ปุ่น ก็เลยเอามาให้พุกยืมอ่าน”
“ไม่ใช่ว่าเราไปรบเร้าขอยืมหรอกหรือยัยลูกหนู” เวลาอยากจะกระเซ้าเย้าแหย่ลูก สุจิรามักจะเรียกหนูพุกว่า ‘ยัยลูกหนู’ เสมอ ด้วยตอนเกิดใหม่ๆ ยัยหนูพุกลูกสาวของนางนั้นตัวกลมๆ ป้อมๆ แดงๆ เหมือนลูกหนูไม่มีผิด นางกับสามีจึงตั้งชื่อว่าหนูพุก และเพราะอยากให้ลูกมีทั้งชื่อจริงและชื่อเล่นเหมือนกัน ก็เลยใช้ชื่อหนูพุกเป็นชื่อจริงให้ลูกสาวเสียเลย แม้ว่าหลายคนอาจจะมองว่าแปลก แต่นางกับสามีกลับมองว่ามันไม่ซ้ำใครดี
“ใครจะกล้าล่ะคะแม่ก็...อาจารย์ใจดีให้ยืมเองต่างหาก จริงสิคะ แม่ทำงานเกี่ยวกับประเทศในภูมิภาคเอเชีย แม่ไม่เคยได้ยินชื่ออาจารย์ธีรัชต์บ้างเลยหรือคะ”
“ธีรัชต์หรือ” สุจิราทำท่าคิดเล็กน้อย เพราะถึงแม้นางจะทำงานเป็นอาจารย์สอนเกี่ยวกับประเทศในภูมิภาคเอเชีย แต่ก็เน้นในเรื่องของภาษาและวัฒนธรรม ส่วนเรื่องการเมืองการปกครองนี่แทบจะไม่ได้แตะเลยแม้แต่น้อย จึงทำให้นางไม่ค่อยคุ้นชื่อนี้สักเท่าไหร่นัก
“ค่ะ...ธีรัชต์ สุทธิกรกุล”
