บท
ตั้งค่า

chapter 2

“ไม่จำเป็นหรอกแพรว ผมไม่จำเป็นต้องพูดอะไรเลย เพราะอย่างคุณเป็นหนึ่งนะ ถ้าอยากรู้อะไร ก็สามารถรู้ได้เสมอแหละ เพียงแต่จะพูดหรือไม่พูดเท่านั้น ในเมื่อเราสองคนเคยมีความรู้สึกดี ๆ ให้แก่กัน ผมก็ขออวยพรให้แพรวได้ในสิ่งที่หวังละกัน”

ผมปล่อยมือจากแพรวและมองหญิงที่คิดว่าจะสร้างครอบครัวด้วยกันเดินจากไปด้วยความผิดหวังและเจ็บปวด แม้อยากจะไขว่คว้าให้เธอยังคงอยู่ข้างกาย แต่ผมก็รู้ เมื่อเขาหมดใจแล้ว ไม่ว่าจะรั้งยังไงสุดท้ายก็ต้องจากลากันอยู่ดี ถ้าผมยังไม่ยอมปล่อยวาง ก็เป็นตัวผมนั่นแหละที่จะเจ็บที่สุด

“ขอผมนั่งด้วยคนได้ไหมครับ”

ผมเหลือบมองคนที่มานั่งใกล้ ๆ อย่างไม่สนใจเพียงแค่แวบหนึ่ง ก่อนดวงตาจะจับจ้องมองแก้วที่มีน้ำสีอำพันอยู่ข้างใน

“ดูเหมือนว่าคุณคงจะเพิ่งอกหักมา ถึงได้มาดื่มคนเดียวแบบนี้ ให้ผมนั่งดื่มเป็นเพื่อนดีกว่านะครับ”

ก็แค่อยากดื่มคนเดียว เจอคนมากวนแบบนี้ ผมว่า...ผมกลับไปนอนดีกว่า พรุ่งนี้ต้องไปเป็นเบ้ให้เขาใช้งานอีก! แต่ผมกลับถูกเขาจับมือเอาไว้

“เดี๋ยวสิครับ จะรีบไปไหนละ คุยกันก่อนไหม ผมกำลังคิดว่ามีข้อเสนอดี ๆ ที่คุณน่าจะสนใจอยู่นะ”

“ปล่อย”

“อยากได้ความรักแท้ไหม”

“รักแท้!” ผมอยากจะหัวเราะให้แผ่นดินพลิกกลับ สมัยนี้มันจะมีเหรอ รักแท้นะ หรือถ้ามี...คิดว่ามันจะหาพบกันได้ง่าย ๆ หรือยังไง

“ถึงคุณจะไม่เชื่อ แต่ทำไมไม่ลองฟังที่ผมจะบอกกับคุณก่อนละ”

น้ำเสียงเหมือนจะท้าทายว่าคนอย่างผมที่ไม่มีอะไรดีสักอย่าง คงจะทำไม่ได้ ทำอะไรก็ไม่สำเร็จสักอย่าง ทำให้ผมซึ่งอยู่ในอาการมึนเมาหันมาสนใจ ทั้งที่ความจริงแล้วผมก็ไม่ได้ลังเลที่จะตอบออกไปหรอกนะ

ไม่ต้องรักแท้หรอก แค่มีใครสักคนอยู่กับผมในวันที่ผมท้อแท้สิ้นหวัง แม้ว่ามันจะเป็นเพียงแค่เรื่องหลอกลวงก็คงดีกว่าที่ผมจะกลับไปที่บ้านหลังนั้น...ที่ซึ่งผมเป็นเพียงแค่ส่วนเกินที่เขาไม่ต้องการ ที่ซึ่งไม่เคยมีความรักให้กับผมเลย

“ที่ไหน”

“ก่อนคุณจะตัดสินใจ ผมอยากจะบอกอย่างหนึ่ง ถ้าคุณตัดสินใจมากับผมแล้ว คุณจะหันหลังกลับไม่ได้”

ผมกลอกตาไปมา ทำไมต้องหันหลังกลับ ผมไม่มีอะไรจะต้องเสียอีกแล้วนี่...

“ถ้าไม่คิดจะพูดอะไรก็ปล่อยผม!”

“ฮึ! อย่างนี้สิน่าสนใจ”

ผู้ชายที่ผมเพ่งมองแล้วแต่เห็นหน้าไม่ชัดพูดอย่างถูกใจ

“ตามมาสิ”

ในแววตาคู่นั้นที่ผมมองสบด้วย บ่งบอกว่าที่ซึ่งคนผู้นี้จะพาไป...มันจะเป็นอะไรที่ผมไม่เคยพบเจอแน่นอน แต่...มันก็คงจะไม่แย่ไปกว่าที่นี่ซึ่งผมก็แทบจะไร้ความหมายอยู่แล้ว คนที่รักเพียงแค่หยิบมือ ที่หากผมหายไป คนพวกนั้นก็คงเสียใจไม่นาน หากคนที่เกลียดมากมายนัก ไม่ว่าทำอะไรก็ไม่ค่อยดีเลย เรียกได้ว่าถ้าทำดีก็เสมอตัว แต่ทำแย่เมื่อไหร่...โดนทับถมจนเละ ที่หากผมหายไปจริง ๆ พวกเขาคงจะต้องดีใจมากแน่นอน

มีคนให้โอกาสแล้ว ทำไมเขาถึงจะไม่คว้ามันไว้ล่ะ เผื่อที่แห่งนั้นมันดีกว่าที่นี่ ลองดูมันก็ไม่ได้เสียหายอะไรนี่น่า…!

“เอ้อร์เอ๋อร์”

“ขอรับท่านแม่” ผู้ที่ถูกเรียกขานรับเสียงหวานใส พลางหันไปส่งยิ้มให้กับมารดา

“วันนี้เจ้าไปตลาดหรือไม่”

“ไปขอรับ ท่านแม่จะให้ลูกซื้อสิ่งใดหรือขอรับ”

“ข้าวสารกับหมูนะ...แม่จะนำมาทำหมูตากแห้ง”

น้ำเสียงของคนที่กล่าวเต็มไปด้วยความเกรงอกเกรงใจจนเขาอ่อนใจ ทั้งที่คุยกันแล้ว หากมารดาก็ยังคงเกรงใจอยู่นั่นแหละ

“ท่านแม่ขอรับ” เขารีบล้างมือที่มีคราบดินเกาะอยู่แล้วลุกขึ้นเดินมาหามารดา จับมือเล็กและนุ่มพลางบีบเบา ๆ

“ข้าบอกแล้วใช่ไหมขอรับ เราอยู่ด้วยกัน มิควรเกรงใจกันเช่นนี้ หรือท่านมิเห็นว่าข้าเป็นบุตรชายของท่านใช่หรือไม่” เขามิอยากจะเน้นย้ำเช่นนี้ ด้วยรู้ดีว่ามันคือการตอกย้ำความเจ็บปวดให้กับ...เก้าเหลียนชิงฮูหยินที่ได้สูญเสียบุตรชายอย่างเก้าเทียนรุ่ยไปอย่างมิมีวันได้กลับคืนมา

“แต่...”

“นี่ก็ใกล้จะเข้าฤดูหนาวแล้ว ท่านแม่ไปตลาดกับข้าดีกว่า” เขารีบเอ่ยตัดบท “ไปหาซื้อผ้าเนื้อดีที่ทั้งสวย นุ่มและหนามาตัดชุดสำหรับตนเองและให้ข้าใส่ด้วย”

“เอ้อร์เอ๋อร์ว่าดี แม่ก็ว่าดี”

เขาผู้ที่มาอาศัยอยู่ในร่างเก้าเทียนรุ่ยได้แต่ส่ายศีรษะอย่างอ่อนอกอ่อนใจยิ่งนัก

“ดีมาก ๆ เลยขอรับ ข้าอยากให้ท่านแม่มีเสื้อผ้าอาภรณ์สวย ๆ ดี ๆ ทั้งหนาและนุ่มใส่หน้าหนาวนี้ ได้ข่าวว่าบ้านท่านลุงกับท่านป้าถังผินมีงานเลี้ยงอะไรสักอย่าง ยังจะเอ่ยปากชักชวนท่านแม่ให้ไปร่วมงานด้วยมิใช่หรือขอรับ ท่านจะได้มีอาภรณ์สวยใส่ไปร่วมงาน แต่...งานกำลังจะมีในอีกมิกี่วันนี่น่า ถ้าเช่นนั้นข้าคิดว่าท่านแม่ควรจะสั่งตัดเลยดีกว่า เงินเราก็มีพอ ท่านแม่จะได้ไม่เหนื่อยที่ต้องมานั่งตัดนั่งเย็บด้วยตนเอง แต่ถ้าไม่อยากอยู่ว่าง ๆ เราก็ค่อยมาคิดกันว่าจะทำอะไรดี”

“แม่ตัดเย็บเองดีกว่า”

“ท่านแม่ห้ามขัดข้านะขอรับ ให้ข้าได้ตอบแทนท่านแม่ที่ยินยอมให้ข้าได้อยู่ด้วย...ได้อยู่ในร่างนี้ ได้เป็นบุตรของท่านนะขอรับ”

เขามิอยากจะเอ่ยเช่นนี้เลย รู้ว่ามันเป็นการตอกย้ำถึงความเจ็บปวดที่ท่านแม่ได้รับจากการสูญเสียบุตรชายอย่างเก้าเทียนรุ่ยไปอย่างมิมีวันกลับ แต่หากมิกล่าวออกไปบ้าง ท่านแม่ก็จะเกรงอกเกรงใจจนมิกล้าทำสิ่งใดเลย

ความจริงแล้วครอบครัวของท่านแม่กับท่านพ่อเป็นสหายกัน ผู้ใหญ่กล่าวตกลงจะให้สองหนุ่มสาวได้แต่งงานกัน ซึ่งท่านพ่อก็ยินยอมแต่...ท่านพ่อขอแต่งแม่นางซิ่นซิงเยียนมาเป็นภรรยารองด้วย แม้จะอึดอัดใจและมิชอบใจเพียงใด หากท่านปู่และท่านตาก็จำต้องยอมรับ

สองเมียมิได้ปรองดองกันสักเท่าไหร่ เรียกได้ว่าซิ่นซิงเยียน...ซิงเยียนฮูหยินพยายามหาเรื่องหาราวมารดาอยู่เสมอ ทั้งที่ความจริงแล้วนางเป็นที่รักของบิดามากกว่าท่านแม่

เมื่อนางมีครรภ์ นางมั่นใจว่าจะได้บุตรชายที่จะเป็นบุตรชายคนโตมาสืบตระกูล หากผลที่เกิดขึ้นคือนางได้บุตรี ที่ในขณะที่ท่านแม่ก็มีครรภ์และมีเก้าเทียนรุ่ย...นั่นยิ่งเป็นการสร้างความโกรธแค้นให้กับซิงเยียนฮูหยินเป็นอย่างมาก นางคอยหาเรื่องท่านแม่และเก้าเทียนรุ่ยอยู่เสมอ หากทั้งสองคนก็มิเคยปริปากบอกให้ท่านพ่อและคนในเรือนรู้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel