บทที่ 10: ภาพในสตอรี่...กับความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้
หลายวันต่อมา กลายเป็นตารางชีวิตของสายลมที่ต้องคอยรับฟังอัปเดตเรื่องราวของปลายฟ้ากับ ‘พี่วิน’ อยู่เป็นระยะ น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสุขและความตื่นเต้นของเพื่อนสนิทที่ส่งผ่านมาทางคลิปเสียง ควรจะทำให้เขายินดี... แต่ในความเป็นจริง มันกลับเหมือนเข็มเล็กๆ ที่คอยทิ่มแทงหัวใจของเขาอยู่ตลอดเวลา
“วันนี้พี่วินเอาหนังสือที่เราเคยบอกว่าอยากอ่านมาให้ด้วยแหละ เขาน่ารักเนอะ”
“เมื่อวานซ้อมดนตรีกันจนดึกเลย พี่วินสอนเราเล่นคอร์ดง่ายๆ ด้วยนะ สนุกมากๆ”
ทุกเรื่องราวที่ได้ฟัง ยิ่งตอกย้ำความจริงที่ว่าโลกของปลายฟ้ากำลังมีใครอีกคนเข้ามามีบทบาทสำคัญ... บทบาทที่เขาไม่สามารถทำได้จากระยะทางเจ็ดร้อยกิโลเมตรนี้
“มึงจะนั่งซึมเป็นพระเอกเอ็มวีอกหักอีกนานไหมวะ?” หมอกที่นอนเล่นเกมอยู่บนเตียงเอ่ยขึ้น หลังจากเห็นสายลมนั่งเหม่อลอย ไม่ยอมจับกีตาร์มาสองวันเต็มๆ “กูบอกแล้วไง ให้มึงลองคุยกับคนอื่นดูบ้าง โรงเรียนเรามีคนน่ารักๆ อีกเป็นร้อยเป็นพัน”
ครั้งนี้สายลมไม่เถียง เขากำลังรู้สึกเหนื่อยล้ากับการต้องเสแสร้งทำเป็นยินดี และเหนื่อยหน่ายกับความรู้สึกหน่วงในใจของตัวเอง บางที... การลองหันไปสนใจสิ่งอื่น อาจจะเป็นการพักใจที่ดีที่สุดก็ได้
ความคิดนั้นถูกตอกย้ำในบ่ายวันต่อมา ขณะที่เขานั่งอยู่ในห้องเรียน สายตาก็เผลอหันไปมอง ‘พริ้ม’ เพื่อนร่วมห้องสาวสวยสุดป๊อปที่นั่งอยู่เยื้องไปสองแถว เธอกำลังหัวเราะกับกลุ่มเพื่อนอย่างสนุกสนาน รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความมั่นใจและพลังงานที่สดใสของเธอช่างดูแตกต่างจากโลกสีเทาๆ ของเขาในตอนนี้เหลือเกิน
ราวกับมีแรงดึงดูดบางอย่าง หลังเลิกเรียน ขณะที่สายลมกำลังเก็บของอยู่ พริ้มก็เป็นฝ่ายเดินเข้ามาหาเขาที่โต๊ะ
“หวัดดีสายลม” เธอยิ้มทักทายอย่างเป็นกันเอง “เราเห็นรูปที่นายถ่ายในไอจีบ่อยๆ น่ะ สวยมากเลยนะ เราชอบมุมมองของนายมาก”
“อ๋อ... ขอบใจนะ” สายลมตอบกลับไป เขารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่เธอติดตามผลงานของเขาด้วย
“คือ... เราว่าจะชวนไปเดินเล่นที่ตลาดนัดกลางคืนวันเสาร์นี้น่ะ ที่นั่นมีมุมถ่ายรูปฮิปๆ เยอะเลยนะ เผื่อนายจะได้รูปไปลงไอจีเพิ่มไง สนใจไหม?”
คำชวนที่ตรงไปตรงมาและไม่มีอะไรซับซ้อนทำให้สายลมตอบตกลงไปโดยแทบไม่ต้องคิด “เออ... ไปดิ น่าสนุกดี” เขาตอบไปอย่างนั้น... ตอบไปเพื่อที่จะดึงตัวเองออกจากความรู้สึกฟุ้งซ่านที่มีอยู่เต็มหัวใจ
เย็นวันเสาร์ที่ตลาดนัดกลางคืนจึงเต็มไปด้วยบรรยากาศที่แปลกใหม่สำหรับสายลม แสงไฟนีออนหลากสีที่สาดส่องไปทั่วบริเวณ เสียงเพลงป๊อปจังหวะเร้าใจที่ดังกระหึ่มออกมาจากลำโพงของแต่ละร้าน และผู้คนมากมายที่เดินเบียดเสียดกันจนแทบไม่มีที่ว่าง ทั้งหมดนี้คือโลกของพริ้ม... โลกที่เต็มไปด้วยสีสันและความสนุกสนาน
“ร้านนั้นอร่อยมากเลยนะสายลม ไปลองกัน!” พริ้มคว้าข้อมือของเขาแล้วลากไปยังร้านเครปเจ้าดังอย่างกระตือรือร้น
สายลมพยายามทำตัวให้สนุกไปกับบรรยากาศตรงหน้า เขาถ่ายรูปให้พริ้มที่โพสท่าอย่างเป็นธรรมชาติ เขาชิมเครปไส้ทะลักที่เธอสั่งมาเผื่อ และหัวเราะไปกับเรื่องตลกของเธอ... แต่ลึกๆ แล้ว เขากลับรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นแค่ผู้ชมที่กำลังดูการแสดงฉากหนึ่งเท่านั้น
เสียงเพลงที่ดังหนวกหู ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นเหมือนเสียงกีตาร์ที่เขาเล่นให้ปลายฟ้าฟัง
รสชาติของเครปที่หวานเลี่ยน ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกอุ่นใจเหมือนคุกกี้ไหม้ๆ ที่เขาเห็นแค่ในรูปถ่าย
บทสนทนาที่สนุกสนานของพริ้มที่วนเวียนอยู่แต่เรื่องเพื่อน ดารา และแฟชั่น มันไม่ได้ทำให้เขารู้สึกสบายใจเหมือนการนั่งคุยเรื่องไร้สาระกับปลายฟ้าเลย
เขากำลังฝืน... ฝืนยิ้ม ฝืนหัวเราะ และฝืนทำเป็นสนุก ทั้งที่ในใจกลับโหยหาความเงียบสงบและความเรียบง่ายที่เขาคุ้นเคย
ที่เชียงใหม่ ในเวลาเดียวกัน ปลายฟ้ากำลังนอนเล่นโทรศัพท์อย่างสบายอารมณ์บนเตียงนอน เธอไล่ดู Instagram Stories ของเพื่อนๆ ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมาหยุดที่สตอรี่ของแอคเคานต์หนึ่งที่เธอคุ้นตา... @primmyproud
ภาพแรกในสตอรี่คือบูมเมอแรงที่แก้วนมปั่นสองใบชนกันเบาๆ โดยมีฉากหลังเป็นแสงไฟของตลาดนัด แต่สิ่งที่ทำให้หัวใจของปลายฟ้ากระตุกวูบ คือชื่อแอคเคานต์ที่ถูกแท็กไว้อย่างชัดเจน... @sailom.t
เธอกดดูสตอรี่ถัดไปอย่างรวดเร็ว... คราวนี้เป็นภาพนิ่ง พริ้มถ่ายรูปสายลมในมุมเผลอตอนที่เขากำลังยกกล้องขึ้นมาถ่ายรูปพอดี แสงไฟนีออนสีชมพูที่สาดกระทบลงบนใบหน้าด้านข้างของเขาทำให้ดูหล่อเหลาและมีเสน่ห์อย่างร้ายกาจ
ความรู้สึกจุกแน่นแล่นขึ้นมาในอกอย่างรวดเร็ว มันไม่ใช่ความโกรธ ไม่ใช่ความเสียใจ แต่มันเป็นความรู้สึกโหวงๆ เหมือนพื้นที่พิเศษในใจที่เคยเป็นของเธอคนเดียวกำลังถูกใครอีกคนรุกล้ำเข้ามา เธอรีบปิดแอปพลิเคชันลงทันที แต่ภาพของสายลมที่อยู่ในสตอรี่ของพริ้มกลับยังคงติดตาตรึงใจ
ไม่นานนัก โทรศัพท์ของเธอก็สว่างวาบขึ้น พร้อมกับชื่อของ ‘Sailom Tanapon’ ที่ปรากฏบนหน้าจอวิดีโอคอล
ปลายฟ้าสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามปรับสีหน้าและน้ำเสียงให้เป็นปกติที่สุดก่อนจะกดรับสาย
“ว่าไงสายลม” เธอทักทายด้วยรอยยิ้มที่ฝืนเล็กน้อย
“ทำไรอยู่?”
“เพิ่งทำการบ้านเสร็จน่ะ แล้วนายล่ะ... ดูเหนื่อยๆ นะ ไปไหนมาเหรอ?” เธอตัดสินใจถามออกไป ลองหยั่งเชิงดู
สายลมดูอึกอักไปเล็กน้อย “อ๋อ... พอดี... วันนี้ฉันไปเที่ยวกับพริ้มมาน่ะ”
ในที่สุดเขาก็ยอมรับออกมา ปลายฟ้ารู้สึกโล่งใจอย่างประหลาดที่เขาเลือกที่จะบอกเธอตรงๆ
“เหรอ! เป็นไงบ้าง สนุกไหม?” เธอแกล้งทำเสียงตื่นเต้น
“ก็... ก็ดีนะ” สายลมตอบ พยายามหาคำพูดที่เหมาะสม “พริ้มเขาน่ารักดี เป็นคนคุยสนุก... แต่ว่านะ...”
เขาเงียบไป ปลายฟ้าที่อยู่ปลายสายก็เงียบตามไปด้วยเหมือนรอฟังอย่างตั้งใจ
“มัน... ไม่ค่อยเหมือนคุยกับแกเท่าไหร่”
คำพูดนั้นทำให้กำแพงในใจของปลายฟ้าพังทลายลง ความรู้สึกจุกแน่นเมื่อครู่ถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกอุ่นวาบที่อธิบายไม่ถูก
“พริ้มเขาก็น่ารักดีออกนะสายลม ลองคุยกันไปเรื่อยๆ สิ” เธอพูดให้กำลังใจเพื่อน ทั้งที่ในใจกลับรู้สึกดีใจกับคำตอบของเขา
“อืม...”
หลังจากวางสาย ปลายฟ้านอนนิ่งอยู่บนเตียง เธอทบทวนความรู้สึกของตัวเองอีกครั้ง... ความรู้สึกโหวงๆ ตอนที่เห็นภาพในสตอรี่ มันคืออะไรกันนะ?
เธอควรจะดีใจไม่ใช่เหรอที่เพื่อนสนิทของเธอกำลังจะได้เริ่มต้นความสัมพันธ์ดีๆ กับใครสักคน?
แต่ทำไม... เธอถึงกลับรู้สึกโล่งใจที่ได้ยินเขาบอกว่า... การคุยกับคนอื่นมันไม่เหมือนคุยกับเธอกันนะ?
คำถามนั้นยังคงไร้คำตอบ แต่คืนนั้น... ปลายฟ้าก็ได้เรียนรู้ความจริงเกี่ยวกับหัวใจตัวเองอีกหนึ่งอย่าง... คือเธอไม่ได้อยากให้ใครมาแทนที่เธอในพื้นที่พิเศษของสายลมเลยแม้แต่น้อย