พบเจอครั้งแรก
“ทำอะไรอยู่เหรอคะพี่ชัช นั่งหน้าเครียดเชียว” เสียงหวานขอแพรวากล่าวขึ้น ก่อนก้าวเท้าเล็กไปนั่งข้างชัชชัย ซึ่งมองโทรศัพท์ด้วยสีหน้าไม่ค่อยสู้ดี
แพรวาอาศัยอยู่กับชัชชัยเพียงสองคนเท่านั้น เนื่องจากบุพการีเสียชีวิตตั้งแต่แพรวาอายุเพียงเจ็ดขวบ และชัชชัยอายุสิบห้าปี ชีวิตของหญิงสาวมีเพียงชัชชัยคนเดียวที่ดูแลเธอ เธอจึงรักและเคารพชัชชัยเป็นอย่างมาก หากมีเรื่องอะไรที่ทำให้พี่ชายไม่สบายใจก็พร้อมยินดีจะช่วยเหลือเสมอ
“ก็นิดนะสิ พี่โทรไปหลายสายก็ไม่รับ ไม่รู้โกรธอะไรพี่อีกหรือเปล่า” ชายหนุ่มพูดด้วยสีหน้าเป็นกังวล
ปกติคนรักของเขาไม่เคยหายไปนานแบบนี้ แต่นี่เกือบเดือนแล้วที่ติดต่อหญิงสาวไม่ได้ จึงรู้สึกไม่สบายใจ กลัวจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น
“แพรว่าพี่นิดอาจจะงานยุ่งก็ได้ พี่ชัชอย่าเพิ่งเครียดนะคะ” มือเรียววางบนไหล่กว้างของชัชชัย พร้อมส่งยิ้มหวานหวังให้คลายกังวล เธอไม่อยากให้พี่ชายคิดมากจนล้มป่วย
“แต่นี่เกือบเดือนแล้วนะแพร นิดไม่ติดต่อมาหาพี่เลย พี่รู้สึกใจคอไม่ดีเลย”
“เอาอย่างนี้นะคะ ไว้แพรจะช่วยติดต่อให้อีกแรง”
เธอรู้จักกรรณิการ์เป็นอย่างดี เพราะกรรณิการ์มักจะมาหาพี่ชายบ่อยครั้ง แม้ทั้งสองจะชอบมีปากเสียงกัน แต่ชัชชัยและกรรณิการ์ก็รักกันดีเสมอ
กรรณิการ์เป็นคนจิตใจดี อาจมีหึงหวงไปบ้าง แต่ก็ดูแลแพรวาอย่างดีเสมือนคนในครอบครัวคนหนึ่ง ทุกครั้งมีปัญหา แพรวาชอบปรึกษากรรณิการ์บ่อยครั้ง
แพรวาไม่ค่อยมีเพื่อนสนิทสักคนด้วยความหน้าตาสะสวย กอปรกับจิตใจดี เลยทำให้โดนแกล้งเป็นประจำ เพราะเหตุนี้เธอจะไม่ชอบอยู่กับคนอื่น ไม่ชอบเข้าไปวุ่นวายที่มีคนเยอะ ๆ เมื่อได้เจอกรรณิการ์ เธอจึงรู้สึกถูกชะตาเป็นอย่างมาก และกรรณิการ์มีอายุมากกว่าแพรวาสามปี
“ตอนนี้พี่ชัชไปทานข้าวก่อนนะคะ” ไม่พูดเปล่า รีบเด้งตัวลุกพร้อมคว้าข้อมือใหญ่ไปยังโต๊ะอาหาร
ระหว่างรับประทานอาหารกัน แพรวาคอยชวนชัชชัยพูดคุยเรื่องทั่วไปตามประสาพี่น้อง
“เป็นไงบ้างคะพี่ชัช กับข้าวฝีมือแพรอร่อยไหม” แพรวาพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส
“อร่อยมากครับ ใครที่ได้น้องพี่ไปเป็นภรรยาคงโชคดีน่าดู” ชัชชัยกล่าวด้วยความเอ็นดูน้องสาวคนนี้เป็นอย่างมาก เธอเป็นคนจิตใจดีไม่เคยทำร้ายใครก่อน แต่บ่อยครั้งมักถูกรังแกจากคนรอบข้าง
“พี่ชัชก็พูดเกินไป ใครจะมาสนใจแพร”
“แล้วถ้าพี่แต่งงานล่ะครับ” ชัชชัยแกล้งหยอกล้อน้องสาว
“เชอะ”
ชัชชัยอมยิ้มกับท่าทีของคนตรงหน้า ทั้งที่โตเรียนจบและทำงานแล้ว ไม่วายทำตัวน่ารัก น่าเอ็นดูอีก
“น้องแพรครับ” ชัชชัยเอ่ยเรียกคนตัวเล็กด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง
“ว่าไงคะ” คิ้วโก่งสวยเลิกขึ้นสูง จู่ ๆ คนตรงหน้าขรึมขึ้นมาทันใด ไร้รอยยิ้มบนใบหน้าหล่อ
“น้องแพรได้งานใหม่ยังครับ สนใจมาทำงานบริษัทเดียวกับพี่ไหม” ลอบมองท่าทีของคนตัวเล็ก
แพรวาตกงานเกือบสองสัปดาห์ หญิงสาวยังหางานใหม่ไม่ได้ เพราะเธอมีปัญหากับภรรยาของเจ้านายเก่า สาเหตุสืบเนื่องมาจากความหึงหวง
ย้อนเหตุการณ์ณ์ไปวันนั้น ...
“อีแพร อีนางแพศยา มึงนี้มันร่านจริง ๆ อ่อยผัวชาวบ้านไปทั่ว” คุณหญิงประภาศรี ภรรยาประธานบริษัทกำลังด่าแพรวาด้วยวาจาหยาบคาย พร้อมลากร่างอรชรประจานหน้าบริษัท
เหตุเกิดเพราะช่วงที่เธอกำลังเสิร์ฟกาแฟ ประธานจงใจทำให้มันหกใส่เสื้อผ้าของตนเอง หญิงสาวจึงจำใจต้องเช็ดตามคำสั่ง ทว่าจู่ ๆ คุณหญิงประภาศรีไม่รู้โผล่มาจากไหนเข้ามาลากเธอออกมายังหน้าบริษัท พร้อมทั้งขับไล่
สร้างความอับอายที่สุดแก่แพรวา เธอไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับสามีของใครทั้งนั้น แต่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ทำให้เธอถึงกับขวัญเสียทีเดียว
กลับมาปัจจุบัน...
“ไม่เป็นไรดีกว่าค่ะ” เสียงหวานเอ่ยปฏิเสธ เธอไม่อยากให้ใครมาต่อว่าเป็นเด็กเส้น เข้าทำงานบริษัทใหญ่ได้เพราะมีพี่ชายเป็นผู้จัดการ
“เอาอย่างนี้ไหมพี่ว่าน้องแพรไปพักผ่อนให้สบายใจก่อนเถอะ แล้วค่อยกลับมาหางานทำดีกว่า ส่วนเรื่องเงินเดี๋ยวพี่โอนให้ไม่ต้องห่วงน้องสาวคนเดียวพี่ดูแลได้” เขาทราบดีว่าแพรวายังเสียขวัญกับเหตุการณ์ในครั้งนั้น จึงอยากให้น้องสาวไปพักผ่อนหย่อนใจ
“แต่ว่า…”
“ไม่มีแต่ครับ” จ้องเขม็งแพรวาหมายว่าห้ามเถียงเด็ดขาด
หญิงสาวเงียบนิ่งกับคำพูดของพี่ชาย ไม่กล้าโต้เถียงคนตรงหน้าที่นับถือเยี่ยงบิดา จำเป็นต้องยอมรับข้อเสนอของชัชชัย
วันที่เดินทางแพรวาตัดสินใจไปเที่ยวเกาะฟาร์มไข่มุก เธอเคยได้ยินที่นั่นสวยงาม น้ำทะเลใส บรรยากาศดีเหมาะแก่การพักผ่อนที่สุด จึงเลือกสถานที่นั่นเป็นอันดับแรกในการพักผ่อน
“น้องแพร ดูแลตัวเองด้วยนะครับ” ชัชชัยเอ่ยกับน้องสาว ไม่ทันได้ส่งแพรวาขึ้นเครื่อง เขาดันติดประชุมช่วงเช้า จึงส่งแพรวาหน้าประตูทางเข้าสนามบินเท่านั้น
“ไว้แพรจะโทรหานะคะ” กล่าวจบ ร่างอรชรก็หมุนตัว ย่างกรายไปยังจุดเช็คอิน
ระหว่างแพรวากำลังรอขึ้นเครื่อง ทันใดนั้นดวงตาคู่สวยหันไปเห็นชายหนุ่มคนหนึ่ง หน้าตาหล่อ คิ้วหนา เข้ม ดำ จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากหยักได้รูป
หญิงสาวมองเขาราวกับตกอยู่ในมนต์สะกดชวนให้หลงใหล เธอไม่เคยเจอใครหล่อเหลาขนาดนี้มาก่อน ข้างกายเขามีสาวสวยคนหนึ่งยืนเคียงข้าง
“ผู้ชายก็หล่อผู้หญิงสวย เหมาะสมกันดีจัง” แพรวาเอ่ยอย่างชื่นชม
เชอรินกวาดสายตามองรอบกาย เห็นทุกสายตาของผู้หญิงในสนามบินกำลังจ้องร่างอานนท์สายตาเป็นมัน ก่อนจะสอดแขนเรียวคล้องแขนกำยำของอานนท์ เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ
“นนท์คะ ขอบคุณนะคะที่อุตส่าห์มารับเชอริน”
นางแบบสาวเดินกอดแขนกำยำ พยายามเอาหน้าอกเบียดเข้ากับแขนของชายหนุ่ม เชอรินแต่งกายด้วยเดรสรัดรูปสีแดงเผยให้เห็นหน้าอกอวบอิ่มภายใต้เดรสสีแดง เธอจงใจใส่มายั่วอานนท์โดยเฉพาะ
“วันนี้ผมมาทำธุระแถวนี้พอดี” พูดไปโดยไม่สนคนข้างกายสักเท่าไร เขามองเธอแค่คู่นอนแก้เหงา สำหรับเขาไม่เคยคิดที่จะรักใครจริง ๆ เพราะเขาไม่เชื่อเรื่องความรัก
อานนท์ยอมให้เชอรินตามไปยังเกาะฟาร์มไข่มุก เพราะในบรรดาคู่นอนมีเพียงเธอคนเดียวเท่านั้นไม่ก้าวก่ายชีวิตส่วนตัว เธอจึงไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่น ๆ ที่ผ่านมา
“จะเหตุผลอะไรก็ช่างเถอะค่ะ ถึงยังไงคุณก็มารับเชอริน” พูดจบก็ยื่นหน้าจุมพิตแก้มสากเบา ๆ ไม่สนใจว่าใครจะมองหรือเปล่า
แพรวาเดินทางมาถึงเกาะฟาร์มไข่มุก นัยน์ตาคู่สวยกวาดมองไปรอบ ๆ ทุกอย่างบนเกาะสวยงาม น้ำทะเลใส บรรยากาศเงียบสงบเหมาะแก่การพักผ่อนเหลือเกิน หญิงสาวยกกระเป๋าไปยังจุดเช็คอินของที่พัก
“สวัสดีค่ะ ได้จองห้องไว้ไหมคะ” พนักงานสาวกล่าวกับแพรวา เมื่อหญิงสาวเดินมาถึงหน้าเคาน์เตอร์
“แพรวา พิพงพัฒน์”
“รอสักครู่นะคะ” พนักงานสาวคนเดิมกล่าวกับแพรวา ก่อนตรวจสอบข้อมูล กระทั่งเสร็จเรียบร้อยจึงยื่นกุญแจห้องแก่คนตรงหน้า
“ขอบคุณนะคะ” ส่งยิ้มหวาน เธอรับกุญแจแล้วเดินตรงไปยังห้องพักริมทะเล
มือเล็กไขกุญแจ แล้วย่างกรายเข้าข้างในห้องพักสไตล์วิลล่ากลางทะเล ตกแต่งเน้นโทนฟ้าขาวเป็นห้องที่มีบานกระจกใส ทำให้มองเห็นวิวทะเลได้จากบนเตียง และยังมีอ่างจากุชชี่สำหรับแช่ตัวมองดูบรรยากาศ
ร่างเพรียววางกระเป๋าลงก่อนก้าวขึ้นเตียง พร้อมเอนกายล้มลงด้วยความอ่อนเพลียจากการเดินทาง ไม่ลืมตั้งนาฬิกาปลุกไว้ เนื่องจากวันนี้ที่เกาะมีกิจกรรมต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกคน จึงอยากเก็บแรงไว้สำหรับคืนนี้ ดวงตากลมโตค่อย ๆ ปิดลงอย่างเชื่องช้า ก่อนเข้าสู่ห้วงนิทรา
สายตาคมกริบมองดูเบื้องหน้า คือสถานที่จัดงานเลี้ยงต้อนรับนักท่องเที่ยว เกาะฟาร์มไข่มุกมักจะจัดกิจกรรมแบบนี้บ่อยครั้ง เพื่อเป็นการกระตุ้นให้ผู้คนสนใจมาเที่ยวมากขึ้น
เกาะแห่งนี้เป็นที่ยอมรับในหมู่นักท่องเที่ยวเป็นอย่างมากและยังขึ้นชื่อเรื่องไข่มุกที่สวยงามเป็นประกาย
“ทุกอย่างเรียบร้อยดีไหม” เสียงทุ้มเอ่ยถามลูกน้องคนสนิทข้างกาย
“เรียบร้อยดีครับ นายหัว”
“แล้วเรื่องที่ให้สืบ ไปถึงไหนแล้ว”
“ผมกำลังดำเนินการให้ครับนายหัว คาดว่าอีกไม่นานคงได้ประวัติคนที่ทำร้ายคุณหนูมา”
