เรือนหอไร้รัก
กรรวีนั่งรอคอยชายหนุ่มออกจากห้องน้ำ เธอต้องการจะถามเขาให้แน่ชัด เพราะอะไรเขาถึงทำตัวเย็นชากับตนเองขนาดนี้ หากไม่อยากแต่งงานกัน เธอยินดีจะหย่าให้
ผ่านไปครู่หนึ่งประมาณสามสิบนาที อคินก็เดินออกมาจากห้องน้ำในสภาพที่แต่งกายด้วยชุดนอนเรียบร้อย เดินมายังเตียงเพื่อจะล้มตัวลงนอน โดยไม่สนใจคนตัวเล็ก
“พี่คินลุกขึ้นมาคุยกับเกรซก่อน” ไร้เสียงตอบกลับ เขายังคงเงียบ กระทั่งหญิงสาวเดินไปใกล้ชายหนุ่มและเอื้อมมือบางไปจับเขย่าร่างกำยำ
“พี่คินลุกขึ้นมาก่อน เกรซมีเรื่องจะคุย” กรรวีเรียกเขาหลายครั้ง จนชายหนุ่มหมดความอดทนก็ผลักร่างเล็กล้มลงบนพื้นอย่างแรง
“โธ่เว้ย!! น่ารำคาญ” อคินลุกขึ้นจ้องตาแข็งใส่คนตัวเล็ก บัดนี้ใบหน้างามค่อย ๆ หลั่งน้ำตาไหลข้างแก้มนวล แม้เขาจะรู้สึกผิดแต่ก็ต้องทำใจแข็งไว้ ต้องนึกถึงหน้าภรรยาและลูก
“พี่คินเป็นอะไรคะ ทำไมถึงไม่พูดกับเกรซ” กรรวีลุกขึ้นยืนประจันหน้าคนตัวโต มือเรียวเอื้อมมาเช็ดน้ำตาบนใบหน้าหวาน
“รำคาญ!! พอใจไหม” เขาตะคอกเสียงแข็ง
“เกรซทำอะไรให้พี่คินไม่พอใจหรือเปล่า บอกได้ไหมคะ” เสียงสั่นเครือพยายามบังคับให้เป็นปกติ
“ฉันเกลียดเธอไง!!” สรรพนามที่เรียกขานกันห่างเหิน จนกรรวีรู้สึกน้อยใจป่นด้วยความเจ็บปวด
“พี่คิน” เสียงหวานเอ่ยแผ่วเบา
อคินคว้าแขนเรียวมาบีบอย่างแรงจนแทบแหลกคามือหนา เปล่งเสียงเย็นชากว่าเดิม
“จำใส่สมองไว้!! ต่อไปนี้อย่ามาเรียกฉันว่าพี่คินอีก ให้เรียกว่าคุณคิน ส่วนอยู่ต่อหน้าพ่อแม่ให้ทำเหมือนว่าเรารักกัน จำไว้อย่าคิดลองดี ถ้าไม่อยากเจ็บตัว” เขาปล่อยแขนเรียวเป็นอิสระและผลักร่างบอบบางให้ล้มลงอีกครั้ง
กรรวีเสียใจเป็นอย่างมาก ไม่เข้าใจในการกระทำของชายหนุ่มและรีบลุกขึ้นวิ่งเข้าไปในห้องน้ำ
ร่างอรชรทิ้งตัวลงกับพื้นห้องน้ำที่เย็นเฉียบ ปล่อยให้น้ำตาไหลอย่างอดกลั้นไม่ไหวอีกต่อไป ไม่มีอีกแล้วพี่ชายที่แสนดีมีเพียงซาตานร้ายเท่านั้น
“ฮือ ๆ เพราะอะไรพี่คินถึงเปลี่ยนไป” กรรวีร้องไห้ตัวสั่นในห้องน้ำ
กว่ากรรวีจะพาตนเองออกมาจากห้องน้ำก็ปาไปเกือบสี่ทุ่ม หญิงสาวใช้เวลาสงบสติอารมณ์ในห้องน้ำนานถึงสองชั่วโมงจึงออกมา เท้าสวยก้าวไปยังเตียงนอนหลังจากแต่งกายเรียบร้อย
ชายหนุ่มรับรู้ถึงเตียงนอนที่ยุบลง เขาลุกขึ้นหันไปจ้องมองคนตัวเล็กนอนหันหลังให้ตนเอง
“นี่เธอ!!” เสียงทุ้มตะคอกใส่อย่างแรง แต่กรรวีไม่สนใจ เธอข่มตาหลับสนิท
“คิดจะลองดีใช่ไหม” มือกำยำคว้าแขนเรียวให้ลุกขึ้น จนร่างเล็กแทบจะปลิวเพราะแรงดึงมหาศาล
“คุณจะเอายังไงกับฉันกันแน่!!” สรรพนามที่หญิงสาวเอ่ย ทำชายหนุ่มแอบเจ็บจี๊ด แต่เขาก็ยังคงกดอารมณ์ได้ดี
“อวดดี!! ฉันก็อยากจะรู้นักว่าผู้หญิงอย่างเธอจะอวดดีสักแค่ไหน” ชายหนุ่มก้าวเท้าลงจากเตียงพร้อมกระชากร่างกรรวีให้เดินตามสุดแรง ไม่สนใจหญิงสาวจะเจ็บหรือไม่
“โอ๊ย!! เจ็บนะทำบ้าอะไรเนี้ย” เธอก่นด่าเขาแล้วมองการกระทำของชายหนุ่ม ซึ่งเขาเดินกลับไปยังเตียงนอน นำหมอนมาโยนใส่ร่างเธอ
“ผู้หญิงอย่างเธออย่าได้คิดที่จะนอนร่วมเตียงกับฉัน”
“พี่คินมันจะมากไปแล้วนะ”
“หึ! ฉันบอกแล้วไงอย่ามาทำตัวสนิทสนม อีกอย่างสำหรับเธอแค่นี้มันยังน้อยไป”
“งั้นคุณก็บอกมาสิ ทำไมถึงต้องทำรุนแรงกับฉันแบบนี้”
“มันยังไม่ถึงเวลา”
“เวลาอะไรของคุณ!!” เขาไม่ได้สนใจเสียงทักท้วงคนตัวเล็ก ยังคงก้าวเท้าไปยังเตียงนอน
“นี่คุณ! อย่าเดินหนีฉันอย่างนี้” มือเล็กเอื้อมไปจับแขนกำยำ แต่ถูกคนตัวโตสลัดจนล้มลงกับพื้น
“อย่ามาแตะตัวฉัน!!!” กรรวียังคงไม่ยอมแพ้ เธอลุกขึ้นเดินไปหาเขาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ชายหนุ่มหันมาจ้องตาแข็งส่งสายตาดุดันใส่คนตัวเล็ก หญิงสาวพยายามข่มอารมณ์กลัวทำใจดีสู้เสือไว้
“ฉันจะนอนบนเตียง คุณไม่มีสิทธิ์มาไล่ฉันแบบนี้ ถ้าคุณไม่อยากนอนร่วมเตียงกับฉันก็เชิญไปนอนพื้นเอง”
“หึ!!”เขาแค่นยิ้มร้ายมุมปาก เดินไปล้มตัวลงนอนบนเตียง
กรรวีมองการกระทำของอคิน เมื่อเขาไม่ตอบเธอจึงเดินไปล้มตัวลงนอนเช่นกัน จู่ ๆ ชายหนุ่มลุกขึ้นกระชากแขนเรียว เหวี่ยงร่างบอบบางกระแทกกับกำแพง กระทั่งกรรวีรับรู้ถึงของเหลวไหลลง มือนุ่มนิ่มเอื้อมไปแตะบริเวณศีรษะเห็นว่าเป็นสิ่งใด
“เลือด!!” เสียงหวานเอ่ยแผ่วเบา
“จำไว้อย่าได้คิดมาลองดีกับฉัน!!”
กรรวีเจ็บปวดไปทั้งกายและจิตใจ เธอเหนื่อยเหลือเกิน ไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียงกับเขาอีกแล้ว จึงจำใจนอนลงกับพื้นห้องที่เย็นบวกกับความเย็นของเครื่องปรับอากาศ
หญิงสาวค่อย ๆ ข่มตานอนหลับ น้ำตาใสไหลลงข้างแก้มนวล
“แค่นี้มันยังน้อยไปกรรวี!! กับสิ่งที่ฉันต้องสูญเสียมันเทียบกันไม่ได้” เสียงทุ้มเอ่ยแผ่วเบาพร้อมข่มตาให้นอนหลับ
เช้าวันใหม่แสนสดใส อคินลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวเพื่อต้องการออกจากห้อง เพราะไม่อยากทนเห็นหน้ากรรวี ระหว่างเขากำลังจะออกไป จู่ ๆ ก็มีบางอย่างทำให้เขาต้องเหลียวหลังกลับไปมองคนตัวเล็ก
“นี่เธอ!!ตื่นได้แล้ว” ไร้เสียงตอบกลับของคนตัวเล็ก ชายหนุ่มเริ่มเอะใจ มือใหญ่เอื้อมไปสัมผัสกับไหล่มน จู่ ๆ เขาต้องรีบชักมือกลับเนื่องจากตัวหญิงสาวร้อนมาก
ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูหน้าห้องดังขึ้น ทำให้ชายหนุ่มรีบอุ้มคนตัวเล็กวางลงบนเตียง ก่อนจะเดินไปเปิดประตู
“อ้าวไอ้ดล ว่าไง”
“เปล่าหรอก กูแค่จะมาตามมึงกับยายเกรซไปรับประทานอาหารด้วยกัน ทุกคนกำลังรออยู่”
“กูคงไปไม่ได้แล้วว่ะ”
“ทำไมวะ!!” ภูวดลทำหน้าสงสัย
“เอ่อ คือว่า...”
“มึงอย่าบอกนะ ว่าเมื่อคืนมึงกับยายเกรซ...”
“เออนั่นแหละ ยายเกรซก็เลยเพลีย”
“มึงนี่เบา ๆ หน่อยก็ได้ เออ ๆ เดี๋ยวกูบอกทุกคนให้ ยังไงมึงก็พายายเกรซกลับไปได้เลย”
“ขอบใจมึงมาก”
“อืม กูไปล่ะ”
อคินพากรรวีกลับเรือนหอซึ่งเป็นสถานที่ที่เขาเตรียมไว้สำหรับแอนนี่โดยเฉพาะ แต่เธอดันจากไปเสียก่อนจะได้เข้ามาอยู่ แม้จะไม่อยากให้กรรวีเข้าไปย่างก้าวพื้นที่ส่วนตัวของตนเองกับอดีตภรรยา แต่ก็ต้องจำใจอดทนไว้เพราะเขานี่แหละจะเป็นคนให้บทลงโทษแก่เธอเอง
ชายหนุ่มโยนร่างไร้สติของกรรวีลงบนเตียงอย่างแรง สายตาดุร้ายมองด้วยแววตาที่เหยียดหยาม เดินออกจากห้องไม่สนใจคนตัวเล็กสักนิดเดียว
“โอ๊ย!! ปวดหัวจังเลย” ร่างน่องน้อยที่ไร้สติบัดนี้ค่อย ๆ ลืมตาขึ้น เอื้อมมือทั้งสองข้างกุมขมับ เธอพยายามพยุงกายตนเองให้ลุกขึ้น และหันมองรอบๆ ซึ่งมันเป็นสถานที่ไม่คุ้นเคย
แอ๊ด เสียงเปิดประตูดังขึ้น เผยให้เห็นร่างกำยำ
“ตื่นสักที นึกว่าจะตายซะแล้ว”
“ฉันคงไม่ได้ตายง่าย ๆ หรอก!!” เสียงหวานโต้กลับ
“หึ!!อวดดี” เขาผลักร่างเพรียวให้ล้มลงบนเตียงพร้อมขึ้นคร่อมแล้วบีบต้นคอระหงอย่างแรง
“ปล่อยนะ” กรรวีพยายามขัดขืนคนตัวโต ทั้งทุบ ทั้งตีหวังให้เขาปล่อยตนเองเป็นอิสระ
มือแกร่งยิ่งเพิ่มแรงบีบมากขึ้น กระทั่งหญิงสาวสู้แรงเขาไม่ไหว เธอจึงหยุดการขัดขืนพร้อมหลับตาลงปล่อยให้เขากระทำตามอำเภอใจ
“ฉันไม่มีทางปล่อยเธอให้ตายง่าย ๆ หรอก” อคินยอมปล่อยกรรวีให้เป็นอิสระ แต่ยังคงคร่อมตัวหญิงสาว
แค่ก แค่ก มือนิ่มเอื้อมมาลูบต้นคอขาวเนียนตนเอง
“ฉันเกลียดคุณ!!”
“อย่าคิดว่าเธอเกลียดฉันคนเดียว เพราะฉันก็เกลียดเธอเหมือนกันกรรวี!!!” พูดจบไม่มีเสียงใดเปล่งออกมา ชายหนุ่มจับแขนเรียวทั้งสองข้างตรึงไว้กับเตียงนอนพร้อมซุกไซร้ต้นคอขาวเนียน...
