ตอนที่ 1
“นายแน่ใจนะว่า ไม่มีอะไรผิดพลาด”
จักรภัทร กรฤทธิ์ ถามเสียงเข้ม
พิธิวัตมองหน้าคนเป็นเพื่อนและนาย เขารู้สึกไม่สบายใจเมื่อเห็นคิ้วเข้มมุ่นเข้าหากัน
จักรภัทรเป็นนักธุรกิจโดยสายเลือด เพราะเขาดำเนินกิจการต่างๆ ต่อมาจากบิดาและปู่ที่หาชีวิตไม่แล้วทั้งคู่
ความเฉียบคมและมองการณ์ไกลของเขา ทำให้อาณาจักรธุรกิจที่ตกทอดมาถึงมือขยายกว้างไกลออกไป ซึ่งรวมถึงได้บริษัทเงินทุน ที่ยังดำรงอยู่ได้ แทบจะไม่ได้รับความกระเทือนในช่วงสภาวะเศรษฐกิจโลกตกต่ำในปีที่ผ่านมา
“ฉันเช็คละเอียดแล้ว เป็นไปไม่ได้เลยที่เงินหายจากบัญชีอย่างไร้ร่องรอย โดยที่คนดูแลเรื่องนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง”
“ใคร”
คำถามนั้นสั้นและห้วน
“ภัทราภา ธนทัต”
“นามสกุลคุ้นๆ ธนทัต”
เสียงห้าวมีกังวานพึมพำในลักษณะคิด ซึ่งพิธิวัตแน่ใจว่าใช้เวลาไม่นาน คนที่มีความจำแม่นราวกับเครื่องคอมพิวเตอร์จะต้องคิดออก แล้วก็... นั่นยังไง
“เป็นอะไรกับคุณโอฬาร”
พิธิวัตถอนใจ แต่ก็ตอบโดยดี
“ลูกสาว”
ดวงตาคมใหญ่สีสนิมเหล็กกล้าล้อมกรอบด้วยขนตายาวดกหนาเหยียดตรง แทนที่จะงอน เบิกกว้างแล้วกลับหรี่ลง
ธนทัตเป็นตระกูลนักธุรกิจที่เคยโด่งดังมาช้านานในแวดวงการค้า แต่ปัจจุบันไม่เหมือนอดีต เมื่อบริษัทในเครือธนทัตถูกขึ้นบัญชีดำ
การที่บุตรสาวของโอฬารเข้ามาทำงานในบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ของเขา จึงน่าคิด โดยเฉพาะเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน คือมีเงินจำนวนนับล้านล่องหนหายไปจากบัญชี และรายการที่หายไปก็ถูกกลบเกลื่อนอย่างชาญฉลาดของมืออาชีพ ถ้าหากเขาไม่ได้นักการบัญชีมากฝีมืออย่างพิธิวัตช่วยดู ก็คงหาไม่เจอ
“จะมีการตรวจสอบบัญชีอีกเมื่อไหร่”
“ต้นเดือนหน้า”
“งั้นก็รอดูไปก่อน” เขาตอบอย่างใจเย็น“ว่าแต่ลูกสาวคุณโอฬารคนนี้เป็นคนยังไง เท่าที่นายรู้จัก”
พิธิวัตหลบตาเพื่อน
“เป็นคนดีทีเดียว ลูกน้อง เพื่อนร่วมงานรักทุกคน”
“คนดีหรือ ถ้าดีจริงก็ไม่น่าทำอะไรอย่างนี้”
“นายไม่คิดหรอกหรือว่าอาจจะเป็นฝีมือของคนอื่น”พิธิวัตถามคล้ายจะถ่วงเวลา
“นายอย่าบอกล่ะว่าคิดว่าเป็นคุณสมาน ที่ทำงานกับเรามานาน ตั้งแต่สมัยคุณพ่อของเรายังอยู่”
พิธิวัตอึ้ง เพราะเขารู้จักสมานมานานเช่นกัน เชื่อว่าสมานไม่มีส่วนกับเงินที่หายไปจากไปบัญชีแน่ๆ
เมื่อไม่ใช่สมานก็เหลืออยู่คนเดียว คือคนที่มีอำนาจรองลงมา ถึงสามารถทำได้อย่างแนบเนียนจนเขาเองก็เกือบจะหาไม่พบ แต่ด้วยความเป็นคนละเอียดถี่ถ้วนทำให้สะดุด ถึงอย่างนั้นเขาก็ต้องเสียเวลาอยู่หลายวันกว่าจะตรวจพบ
“ผู้หญิงคนนี้เข้ามาทำงานกับบริษัทเรานานแค่ไหนแล้ว”จักรภัทรซัก
“ก็ร่วมปี”พิธิวัตตอบ
“แปลว่าไม่ถึงปี แต่ก็สามารถเชิดเงินบริษัทไปเป็นล้าน!”
“เอ้อ... เราว่าอย่าเพิ่งไปปรักปรำจนกว่าจะหาหลักฐานได้แน่ชัด”
“นายพูดเหมือนไม่อยากเชื่อว่าผู้หญิงคนนั้นทำการทุจริตได้”
จักรภัทรหรี่ตามองเพื่อน ถามเสียงเข้ม
“อย่าบอกนะว่า นายติดใจผู้หญิงคนนี้”
“ไม่ใช่อย่างที่นายคิดหรอกน่า” พิธิวัตพูดเร็ว
“มันน่าสงสัย แต่ไหนแต่ไรมาฉันก็ไม่เคยเห็นนายลังเลอย่างนี้มาก่อนเวลาจับได้ว่าใครทุจริต”
จักรภัทรพยายามมองผู้เป็นเพื่อนและผู้ช่วยอย่างสำรวจ แต่ก็ไม่เห็นอะไรมากไปกว่าท่าทีขรึมเฉยเป็นปกติ จึงพูดต่อ
“พรุ่งนี้มีประชุมผู้ถือหุ้น ฉันอยากให้นายเข้าประชุมด้วย”
“แล้วเรื่อง...”
“เงียบไว้ก่อน ทำเป็นว่าเรายังไม่รู้ ฉันมีวิธีจับคนฉ้อฉล รับรองว่าจะให้ปฏิเสธไม่ออกเลยทีเดียว!”
“วิธีอะไรของนาย?”
พิธิวัตถามอย่างไม่สบายใจ เขารู้จักจักรภัทรดีกว่าใครๆ
“นายจะรู้เมื่อถึงเวลา ใจเย็นๆ ไว้ไอ้เพื่อนยาก”
เห็นรอยยิ้มมาดหมาย พิธิวัตก็ยิ่งปริวิตกแทนหญิงสาวที่กำลังจะถูกตั้งข้อหาอุฉกรรจ์
เขารู้ ถ้าภัทราภาเป็นคนเอาเงินบริษัทไปจริง ซึ่งก็เท่ากับเป็นการยักยอก นอกจากจะถูกเอาผิดได้ในทางกฎหมาย หล่อนยังจะต้องเจอศึกหนัก เพราะจักรภัทรเป็นประเภทฆ่าได้หยามไม่ได้
