หรือเจ้าหาบุรุษที่จะแต่งใหม่ได้แล้ว
เกือบฟ้าสางซูเซวียนก็จำต้องกลับจวนของเขาไปอย่างอาลัยอาวรณ์ “ข้าไม่ได้ตั้งใจหลอกเจ้า แต่เป็นเจ้าที่เสียใจกับงานแต่งงานครั้งนี้” ก่อนที่เขาจะออกไป ยังกระซิบข้างหูของซุนเหยา
ซุนเหยานางคิดว่านางฝันไป เมื่อตื่นขึ้นมาแล้วคำพูดของซูเซวียนยังก้องในหูของนาง
“ประสาท จะไปนึกถึงบุรุษเช่นนั้นเพื่ออันใด” ซุนเหยาสลัดเรื่องของซูเซวียนทิ้ง แล้วนางก็จัดการตัวเองเพื่อไปที่เหลาอาหาร
เมื่อหลงจู๊หมานเห็นนางเข้ามาทางประตูหลัง ก็รีบเดินเข้ามาหานางอย่างรวดเร็ว
“นายหญิงท่านมาเสียที ท่านแม่ทัพมารอท่านตั้งแต่เมื่อวาน วันนี้ก็มาขอรับ” หลงจู๊ไม่กล้าเอ่ยปากไล่ ห้องรับรองยังมีลูกค้าที่จองไว้ต้องการใช้
ซุนเหยานางกุมขมับอย่างปวดหัว เขาจะมาก่อกวนนางเรื่องอันใดอีก
“พาเขามาพบข้าที่ห้องทำงาน” แต่นางต้องจัดการห้องรับรอง เพื่อให้ลูกค้าที่จองไว้เสียก่อน ไม่เช่นนั้นคงได้เกิดเรื่องอีก
ซูเซวียนยกยิ้มอย่างพอใจ เมื่อรู้ว่าซุนเหยานางยอมพบเขาแล้ว
ด้านในห้องทำงานของซุนเหยา นางรู้แล้วว่าเขาเดินเข้ามาภายในห้อง แต่นางไม่คิดอยากจะเงยหน้าขึ้นมามองเขา
“ท่านมีสิ่งใดก็พูดมาเถิด”
“ซุนเหยา ข้ามารับเจ้ากลับไปที่จวนตระกูลซู”
“เหอะ หากท่านจะมาด้วยเรื่องนี้ก็กลับไปเสีย” ซุนเหยาแทบอยากจะปาถ่านที่นางให้บ่าวฝนจนเป็นแท่งในมือใส่ซูเซวียน
“ท่านแม่ล้มป่วย ยามนี้นางยังไม่อาจลุกจากเตียงได้เลย” ซุนเหยาเม้มปากแน่น เมื่อซูเซวียนอ้างเรื่องมารดาของเขา
ซูเซวียนดวงตาเป็นประกาย เมื่อสิ่งที่เขาเดิมพันได้ผล “นางเอาแต่เพ้อถึงเจ้า ข้าไม่รู้จะช่วยเหลือท่านแม่เช่นใดแล้ว”
แต่ก่อนที่ซุนเหยานางจะตอบอันใดกับซูเซวียนเสียงโวยวายอยู่หน้าห้องทำงานของนางก็ดังขึ้น ประตูถูกเปิดออกอย่างแรง ก็พบว่าหลิงเฮ่อที่เดินเข้ามาอย่างไม่พอใจ
“เจ้ามาด้วยเรื่องอันใดอีก”
“ท่านพี่ภรรยา ข้ามารับซุนเหยานางกลับจวนขอรับ” สองพี่น้องดวงตาเบิกกว้างกับความหน้าหนาของซูเซวียนที่เขากล่าวออกมาได้อย่างหน้าตาเฉย
“ไร้เหตุผลสิ้นดี เจ้ากับอาเหยาหย่ากันแล้ว จะมาพูดเช่นนี้ให้นางเสียหายได้อย่างไร”
“ยังมิได้หย่าขาดจากกันอย่างสมบูรณ์ นางจึงยังเป็นภรรยาของข้าอยู่ขอรับ”
หลิงเฮ่อตัวแข็งค้างไป เขาลืมไปได้อย่างไรว่า หลังสือหย่าขาดต้องไปจัดการที่ที่ว่าการให้แล้วเสร็จเสียก่อน
ซูเซวียนยกยิ้มที่มุมปาก คุณชายในเมืองหลวง มีโทสะถึงขีดสุดแต่กลับพ่นคำด่าได้เพียง ‘ไร้เหตุผลสิ้นดี’ หากเป็นในค่ายทหารของเขา ไม่รู้ว่าจะด่าหยาบคายออกมามากเพียงใด
ซุนเหยาขมวดคิ้วคิด นางจะไปรู้เรื่องกฎหมายของแคว้นฉีอย่างละเอียดได้อย่างไร คิดแค่เพียงว่า เมื่อส่งหนังสือหย่าให้เขาไปแล้ว ก็นับว่าสิ้นสุดความเป็นสามีภรรยากันแล้ว
แต่ก่อนที่ทั้งสามคนจะถกเถียงกันอีกครั้ง หงอี้ก็เข้ามาด้านใน แล้วลากคอของหลิงเฮ่อออกไป
“ท่านยุ่งเรื่องอันใดของสามีภรรยาเล่า ออกไปกับข้าดีกว่า”
หลิงเฮ่อถูกหงอี้ลากออกไปอย่างง่ายดาย ซุนเหยานางคิดจะเข้าไปห้ามก็ถูกซูเซวียนขวางเอาไว้เสียก่อน
“หลีกไป ข้าจะไปดูพี่ชาย” ซุนเหยานางผลักซูเซวียนออก
“หงอี้ไม่ทำอันใดพี่ชายเจ้าหรอก เจ้ามาคุยกับข้าให้รู้เรื่องก่อน”
“เหอะ จะให้ข้าคุยอันใดอีก ทุกอย่างที่ท่านทำ ยังมีหน้ามาขอให้ข้ากลับไปอีกหรือ”
“ซุนเหยา เป็นเจ้ามิใช่หรือที่มิอยากแต่งเข้าตระกูลซู จึงได้โทษเป็นถึงความผิดของสวรรค์”
ซุนเหยาขมวดคิ้วอย่างสงสัย ว่าซูเซวียนพูดเรื่องอะไรนางไม่เห็นจะเข้าใจ ถึงแม้นางไม่ได้อยากจะแต่งเข้าจริง แต่ในเมื่อทะลุมิติมาบนเกี้ยวเจ้าสาว แล้วตัวนางจะทำสิ่งใดได้อีก
มิใช่เขาหรอกหรือ ที่ไม่แม้แต่จะเปิดผ้าคลุมหน้าของนางออก ทั้งยังออกเดินทางไปชายแดนแล้วทิ้งหนังสือหย่าไว้ให้นาง
“หึ ท่านพูดเรื่องอันใด เป็นท่านที่ทิ้งหนังสือหย่าไว้ ไม่กล่าวให้กระจ่าง ทั้งหนีกลับไปชายแดนทันที ที่เป็นคืนแต่งงาน ท่านกลับมายังพาแม่นางฟู่มาหลอกข้าว่าเป็นอนุของท่าน เรื่องทั้งหมดเป็นข้าหรือที่ผิด”
ซุนเหยาตวาดออกมาสุดเสียง นางทนเขามามากพอแล้ว ไม่รู้ว่าเรื่องทั้งหมดเป็นความผิดของตนเองเลยสักนิด
ซูเซวียนกำมือแน่น ที่นางพูดมาไม่ผิดสักนิด เป็นเขาที่ทำเช่นนั้นจริง
“ท่านกลับไปได้แล้ว แล้วอย่าได้กลับมาให้ข้าเห็นหน้าอีก”
“หึ หรือเจ้าหาบุรุษที่จะแต่งใหม่ได้แล้ว”
ซุนเหยาหันไปมองซูเซวียนอย่างไม่อยากเชื่อหู นางเคยออกไปพบหน้าผู้ใดในเหลาอาหารหรือก็ไม่ เขาไปเอาความคิดเช่นนี้มาจากที่ใด
นางยกยิ้มที่มุมปากเมื่อเห็นใบหน้าของซูเซวียนที่เขียวคล้ำจนพอใจ
“ถ้าใช่แล้วท่านจะทำสิ่งใดได้” นางกอดอกถามอย่างยียวน
“โอ๊ยยย” ซูเซวียนดึงแขนของซุนเหยาอย่างแรง จนนางเซล้มไปที่อกแกร่งของเขา
“เจ้ากล้ารึ” เสียงลอดไรฟันของซูเซวียนทำให้ซุนเหยาสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว แต่นางก็ไม่แสดงออกมาให้เขาเห็น
“หย่ากับท่านข้ายังกล้า หาสามีใหม่เหตุใดข้าจะไม่กล้า”
