3
เขากวาดสายตามองไปรอบๆ คล้ายพยายามหาบางสิ่ง และกลับมาหยุดจ้องฉันด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสับสน ปฏิกิริยาเมื่อครู่ทำให้ฉันรู้สึกประหลาดใจ จึงลองหยิกแขนตัวเองอีกหนึ่งทีเพื่อยืนยันสิ่งที่เกิดขึ้น
“โอ๊ย!”
อีกครั้งที่หลิวหยางร้องเสียงหลง พลางถกแขนเสื้อขึ้นดูท่อนแขนของตัวเอง ผิวเนื้อขาวกระจ่างปรากฏรอยแดงขนาดเล็ก ขณะที่ฉันกลับไม่มีความรู้สึกใดๆ
“ปีศาจตัวใดทำร้ายข้า!? ปรากฏกายขึ้นมาบัดเดี๋ยวนี้!!”
ราวกับคนเสียสติที่สบัดแขนกวาดไปทั่วอย่างสะเปะสะปะ หลิวหยางทั้งดูตื่นตระหนกและหวาดกลัว ความน่ายำเกรงในมาดของตัวร้ายแทบไม่มีหลงเหลือ
ถ้าไม่ได้เกิดจากการโหมแต่งนิยายอย่างหนักเจ็ดวันติด เพราะต้องการปิดต้นฉบับส่งลูกค้าให้ทันก่อนเดดไลน์ จนเผลอหลับและเก็บเอามาฝันเป็นตุเป็นตะ
อย่าบอกนะว่า... ฉันทะลุมิติเข้ามาในนิยายของตัวเอง
แล้วเพราะเหตุใดความเจ็บปวดที่ฉันควรจะได้รับ ถึงตกไปอยู่ที่ผู้ชายคนนี้ ไม่มีสิ่งใดพิสูจน์หรือยืนยันได้ว่าสิ่งที่กำลังประสบอยู่เป็นความฝันหรือเรื่องจริง ทางเดียวคือต้องรอให้ฉันตื่นขึ้นเองเท่านั้น
แต่... เมื่อไหร่ล่ะ?
“หรือจะเป็นเจ้า! เจียวเหมย เจ้าใช้อาคมอันใดกับข้ากันแน่?”
หลิวหยางหันมายกนิ้วชี้หน้าใส่ฉัน ใช้ดวงตาคมดุมองจ้องราวกับกำลังคาดโทษ ความไม่พอใจแผ่ให้เห็นในแววตาอย่างชัดเจน
“พูดเพ้อเจ้ออะไร ฉันยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองโผล่มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง จะเอาอะไรไปทำร้ายนายได้ ถามเทพเซียนบนสวรรค์โน้น”
“การที่เจ้าตายแล้วฟื้นมันเป็นเครื่องยืนยันว่าเจ้าไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นปีศาจ!!”
เจียวเหมยเป็นตัวละครที่ฉันรักและเอ็นดู ซึ่งผิดกับหลิวหยางลิบลับ เขาเป็นตัวละครที่ฉันหมั่นขี้หน้ามากที่สุดในเรื่อง เพราะนอกจากความหล่อแล้วที่เหลือก็ไม่มีอะไรดีสักอย่าง หาประโยชน์อะไรแทบไม่ได้ ควรเป็นคนที่ตายตั้งแต่ต้นเรื่องเสียด้วยซ้ำ แต่ติดตรงที่ว่าเขาเป็นตัวเอกทางฝ่ายร้าย ซึ่งต้องดำเนินเรื่องชั่วๆ ไปให้ถึงตอนจบ ถึงจะได้พบกับจุดจบอันน่าสมเพช สมแล้วกับความเลวที่ตัวเองก่อขึ้น
ท่าทางหวาดหวั่นที่หลิวหยางแสดงออกมา มันทำให้ฉันนึกอะไรสนุกๆ ขึ้นมาได้ เขาไม่ควรมีชีวิตอยู่อย่างสุขสบาย ขณะที่เจียวเหมยต้องตายอย่างน่าสงสารในวัยเพียงแค่ยี่สิบสองปีเท่านั้น
“แฮ่!!”
ฉันส่งเสียงพร้อมยกมือทั้งสองข้างทำท่าคล้ายหลอกผี กระโดดเข้าไปใกล้จนร่างสูงถอยกรูดหนีไปหลายก้าวด้วยความตื่นกลัว
“เฮ้ยๆๆ เจ้าอย่าเข้ามาใกล้ข้านะ!! นางปีศาจชั่วร้าย”
“ความชั่วร้ายของจอมปีศาจ ยังสู้ความเลวทรามต่ำช้าของนายไม่ได้เลยหลิวหยาง”
เป็นคนสร้างเขาขึ้นมาเองกับมือแท้ๆ แต่กลับเกลียดตัวละครตัวนี้เสียดาย ฉันจะอินกับนิยายของตัวเองเกินไปหน่อยไหมเนี่ย
“นี่เจ้า!”
นิ้วเรียวยาวยกขึ้นชี้หน้าฉันคล้ายกำลังโกรธจัด แต่อย่างว่านะ เขาคงกลัวเกินกว่าจะเข้ามาประทุษร้ายฉันได้ ถ้าเป็นปกติบุรุษผู้นี้ไม่เคยไว้หน้าใคร หากผู้ใดกล้าล่วงเกินเขาแม้เพียงปลายเล็บ เป็นต้องถูกดาบคมกริบสะบั้นคอจนขาดในคราเดียว ไม่ก็ถูกแทงทะลุหัวใจเหมือนอย่างที่เจียวเหมยเพิ่งโดนกระทำไป
ฉันก้มลงมองดาบสั้นที่ยังคงปักคาอก ความรู้สึกผิดแล่นวาบไปทั่วทั้งหัวใจ ความจริงแล้วไม่ใช่หลิวหยางหรอกที่ฆ่านาง เป็นฉันต่างหากที่กำหนดให้เขาทำเช่นนั้น
แกร๊ง!
เสียงโลหะกระทบพื้นหลังฉันดึงดาบออกจากอกและโยนมันทิ้ง ไม่มีความรู้สึกเจ็บปวดสักนิด อีกทั้งโลหิตที่ควรไหลหลากกลับแห้งสนิท มีเพียงคราบเลือดเดิมเปรอะเปื้อนเพียงเท่านั้น
รอยแผลที่ปริแยกค่อยๆ ปิดสนิทและหายไป เหลือเพียงความขาวเนียนของผิวเนื้อและรอยขาดวิ่นของเสื้อผ้า ราวกับว่าก่อนหน้าร่างกายนี้ไม่เคยได้รับบาดเจ็บ
“อ๊ะ!”
แต่กลายเป็นว่าร่างของหลิวหยางกลับทรุดลงกับพื้น เขานั่งคุกเข่าใช้มือข้างหนึ่งกุมทรวงอก พร้อมกับเลือดที่ซึมไหลออกมาจากรอยแยกของนิ้วมือ
