21
หลังอาหารเช้า คุณนุชนารถนั่งคุยกับใบหม่อนในห้องนั่งเล่น วันนี้หล่อนตั้งใจจะจัดการเรื่องของลูกสะใภ้ให้เรียบร้อย จึงยังไม่เข้าไปทำงานที่โรงแรมเหมือนเคย เมื่อวานหล่อนโทรคุยกับเดชา บิดาของใบหม่อนอีกรอบหลังจากลูกชายพาใบหม่อนออกไปหาซื้อของ จึงได้รู้ปัญหาของลูกสะใภ้ ไม่แค่นั้นยังต่อว่านายเดชาเสียหลายคำ ที่ปล่อยให้ปัญหาบานปลายใหญ่โต ทั้งที่มีเวลาทำความเข้าใจกับลูกตั้งหลายปี ก็ไม่ทำรอให้เรื่องร้าย ๆ เกิดขึ้นพร้อมกัน เด็กสาวที่ถูกเลี้ยงมาอย่างทะนุถนอมไหนเลยจะทนรับได้
“ใบหม่อนเป็นอะไรหรือเปล่าลูก” คุณนุชนารถถามเมื่อเห็นสีหน้ายุ่ง ๆ ของลูกสะใภ้
“เปล่าค่ะ คุณแม่” หญิงสาวตอบอ้อมแอ้ม
“น้อยใจพี่ตะวันเขาหรือเปล่าลูก ที่พี่เขารีบกลับ” คุณนุชนารถเดาจากประสบการณ์
“เอ่อ...คือ” ใบหม่อนอึกอัก ไม่คิดว่าสายตาผู้ใหญ่จะมองได้ทะลุปรุโปร่งขนาดนี้
“ทำไมหนูไม่ถามพี่เขาล่ะ มัวน้อยใจอยู่ทำไม”
“พี่ตะวันคงไม่สะดวกบอกเหตุผลหรอกค่ะคุณแม่”
“อะไรทำให้หนูคิดอย่างนั้นล่ะจ๊ะ” คุณนุชนารถเอ่ยถามอย่างผู้มีเมตตาเต็มเปี่ยม
“คือ...บางที พี่ตะวันอาจจะมีคนอื่นอยู่แล้วก็ได้ค่ะ” ใบหม่อนตัดสินใจพูดออกไป ตามความคิดของตัวเอง
“แสดงว่าหนูแค่สงสัย ไม่แน่ใจ.. แม่ว่า เรื่องแค่นี้ เอาไว้ถามพี่เค้าสิจ๊ะ อย่าคิดเอาเอง สรุปเอาเอง แล้วมันก็กัดกร่อนจิตใจตัวเองนะลูก” คุณนุชนารถถือโอกาสค่อย ๆ สอน เพราะลูกสะใภ้ของนางยังเด็กเหลือเกิน คงต้องช่วยประคับประคองกันไป
“ค่ะ คุณแม่ ถ้าพี่ตะวันมาคราวนี้หนูจะถามให้หายสงสัยเลยค่ะ” ใบหม่อนยิ้มสดใส
“ดีแล้วลูก ชีวิตคนเรามันสั้นนัก อะไรที่มีความสุขก็ทำเถอะ อย่ามัวถือทิฐิ จนพลาดโอกาสดี ๆ ในชีวิตนะลูก ถ้างอนกันก็รีบง้อซะ เขาไม่ง้อเราง้อเองก็ได้ ทำให้งงไปเลย” คุณนุชนารถพูดขำ ๆ
“พี่ตะวันจะรำคาญหนูไหมคะ บางทีหนูก็คิดว่าตัวเองไร้สาระอยู่บ่อย ๆ” ใบหม่อนกล้าที่จะปรึกษาแม่สามีมากขึ้น เมื่อสัมผัสได้ถึงความจริงใจของอีกฝ่าย
“คงไม่หรอกลูก หนูก็ทำตัวให้มีสาระสิคะ พี่เขาทำงานเหนื่อยแล้ว เราเป็นเมีย ต้องทำตัวเป็นน้ำเย็น คอยโลมลูบให้ความชุ่มชื่นใจ ไม่ใช่หาแต่เรื่องร้อนใจ แบบนั้นเหมือนยิ่งบีบให้เขาไปหาที่ชื่นใจนอกบ้านรู้ไหม” คุณนุชนารถค่อย ๆ สอนอย่างใจเย็น
“หนูรักคุณแม่จังค่ะ” ใบหม่อนกอดเอวคุณนุชนารถพลางซบศีรษะกับไหล่ของท่าน ยิ่งทำให้แม่สามีนึกเอ็นดูหล่อนเพิ่มขึ้นอีกร้อยเท่าเห็นจะได้ หล่อนหัวเราะเบา ๆ พลางกอดตอบลูกสะใภ้ ช่างเป็นภาพที่หาดูยากเหลือเกิน เพราะก่อนมา ใบหม่อนเกร็งแทบตาย กลัวจะเจอแบบในละคร
“ส่วนเรื่องเรียนของหนู แม่ให้เลขาของแม่จัดการให้นะจ๊ะ เดือนหน้าทางมหาวิทยาลัยจึงจะเปิดให้ลงทะเบียนเรียนภาคพิเศษ เรียนเฉพาะเสาร์-อาทิตย์ ค่อย ๆ คิดว่าอยากเรียนสาขาอะไร”
“ขอบคุณนะคะ คุณแม่” ใบหม่อนพนมมือไหว้อย่างซาบซึ้งในความปราณีของแม่สามี ที่ใส่ใจทุกอย่าง แม้แต่การวางรากฐานชีวิตที่สำคัญ
หลังจากนุชนารถคุยกับลูกสะใภ้จนพอใจ หล่อนจึงเข้ามาดูงานที่โรงแรม นี่แหละเหตุผลหลักที่หล่อนต้องการรั้งลูกสะใภ้ไว้ด้วยสักระยะ ก่อนจะปล่อยทั้งคู่ให้ไปอยู่กันตามลำพัง เพราะการใช้ชีวิตครอบครัวไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ แค่ความรักที่มีต่อกันยังไม่พอ แต่คู่นี้ ไม่ได้เริ่มต้นด้วยความรักด้วยซ้ำ
ใกล้เที่ยงแล้ว ใบหม่อนคิดถึงพี่ตะวัน ไม่ได้คุยกันเกือบครบยี่สิบสี่ชั่วโมงแล้ว มันน่าโมโหจริง....เฮ้อ........ไม่งอน....มีอะไรให้ถาม.....ท่องไว้ใบหม่อน หญิงสาวจึงเปลี่ยนจากรอเป็นโทรหาพี่ตะวัน แล้วก็แทบจะกลั้นใจรอ อยากฟังว่าเขาจะพูดว่าอะไร
“สวัสดีครับ คุณภรรยา มีอะไรให้รับใช้ไหมครับ” ตะวันตอบกลับมา อารมณ์ดี
“ไม่มีหรอกค่ะ แค่คิดถึง” หญิงสาวตอบกลับเสียงใส
“เอ่อ...ใบหม่อน เป็นอะไรหรือเปล่าครับ” ชายหนุ่มงุนงง
“เปล่านี่คะ ใบหม่อนรบกวนพี่เหรอคะ ขอโทษนะคะ”
“ไม่รบกวนเลยครับ แต่เดี๋ยวนะ ใบหม่อนไม่ได้เป็นอะไรแน่นะครับ” ตะวันแปลกใจ ไม่รู้ว่าหญิงสาวอยู่ในอารมณ์ไหนกันแน่
“พี่ตะวันน่ะ อยากให้ใบหม่อนงอนหรือไงคะ”
“เปล่าครับ พี่แค่แปลกใจ ชักอยากเห็นหน้าคนน่ารักแล้วสิ”
“อยากเห็นก็มาหาสิคะ” ใบหม่อนอ้อนเต็มที่
“เฮ้อ ! ใบหม่อนจะทำให้พี่เสียงานรู้ไหม”
“ถ้าอย่างนั้นก็ทำงานไปเถอะค่ะ แค่ใบหม่อนนอนที่เตียงของพี่ก็อุ่นใจเหมือนนอนกอดพี่ตะวันแล้วค่ะ” โอ๊ย ! ฉันพูดไปได้ยังไงนะ...อยากจะกรี๊ด.......ใบหม่อนลงมานอนชักดิ้นชักงอคนเดียวอยู่บนเตียง ....เขินแทบแย่....
หญิงสาววางสายไปแล้ว แต่ตะวันรู้สึกปั่นป่วนไปหมด ดูเอาเถอะ พอไม่งอนก็น่ารักซะขนาดนี้ ใครจะอดใจไหว ชายหนุ่มเร่งสะสางงาน สั่งงานในไร่ยังไม่มีโอกาสคุยกับหมวดรินด้วยซ้ำ ได้แต่เห็นห่าง ๆ แต่ก็สั่งให้ไอ้พู่คอยดูแลอย่างดี เพื่อที่จะมีเวลาว่างสักสองสามวัน ก่อนจะบึ่งรถไปเชียงใหม่ในเย็นนั้น อย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อย
แม่สามีกับลูกสะใภ้ นั่งทานอาหารเย็นด้วยกัน หญิงสาวแสดงฝีมือทำเต้าเจี้ยวหลน จัดผักสดอย่างสวยงาม มีต้มจืด กับปลาทอดขมิ้น อาหารทุกอย่างใบหม่อนแสดงฝีมือเองทั้งหมด หญิงสาวทำอย่างตั้งอกตั้งใจ คุณนุชนารถเอ่ยปากชม ไม่ขาดปาก หลังอาหารก็ยังย้ายไปนั่งคุยกันต่อในห้องนั่งเล่น น่าแปลกที่หญิงสาวไม่รู้สึกเบื่อหน่ายเลย กลับรู้สึกอบอุ่น เหมือนเมื่อครั้งที่มารดายังมีชีวิตอยู่ ทั้งคู่คุยกันอยู่นาน จนกระทั่งสามทุ่มกว่า จึงได้แยกย้ายเข้าห้องนอน
หญิงสาวอาบน้ำอย่างอ้อยอิ่ง วันนี้หล่อนรู้สึกปลอดโปร่งเบาสบายที่สุดในรอบปีก็ว่าได้ พอวางทุกอย่างลง ไม่ทำตัวเป็นศูนย์กลางของจักรวาล มันก็เบาอย่างนี้นี่เอง ใบหม่อนใช้ครีมขัดผิวอโรมา ที่หล่อนซื้อมาเมื่อวาน ค่อย ๆ ขัดผิวอย่างไม่เร่งรีบ ถ้ามีคนขัดให้ก็คงจะดี...หญิงสาวเผลอยิ้มให้กับความคิดซุกซนของตัวเอง...จะบ้าเหรอ ขืนให้พี่ตะวันขัดผิวให้ เนื้อหนังของหล่อนคงได้ถลอกหลุดลุ่ย แรงมากอย่างกับม้าหนุ่มขนาดนั้น
หลังจากปรนนิบัติผิวจนครบขั้นตอน ใบหม่อนก็นุ่งกระโจมอก เดินออกจากห้องน้ำอย่างสบายอารมณ์ .....โอ๊ะ.....หญิงสาวตกใจ เมื่อชนกับร่างสูงที่หน้าประตู หล่อนต้องกระเด็นแน่ ๆ ถ้าไม่มีอ้อมแขนแข็งแรงของชายหนุ่มรวบเอวบางไว้ได้ทัน
