03 ความประทับใจใจแรก
08:00 น.
(วันสัมภาษณ์งาน)
รถหรูสีดำขับเข้ามาจอดตรงหน้าประตูทางเข้าของบริษัท คนขับรถรีบวิ่งลงมาเปิดประตูให้เจ้านายของเขาจากนั้นก็มีพนักงานชายคนนึงของบริษัทรีบวิ่งออกมารับกระเป๋าและเอกสารของท่านประธานทันที
"สวัสดีครับท่านประธาน" ชัชพูด ชัชหรือชัชวาลคนสนิทที่คอยทำงานทุกอย่างตามที่ได้รับมอบหมายอย่างเต็มที่
"งานสัมภาษณ์วันนี้เตรียมกล้องสำหรับส่งสัญญาณไปที่ห้องผมหรือยัง" ทศราชถาม ทศหรือทศราชประธานบริษัท KTK ผู้ชายที่เกิดมาเพอร์เฟคที่สุดหน้าตาหล่อเหลา การศึกษาดีอีกทั้งพ่อและแม่ของเขาเป็นถึงลูกหลานของครอบครัวนักธุรกิจใหญ่ทั้งคู่
"ผมเตรียมไว้หมดแล้วครับแต่ว่าท่านประธานครับ ทำไมท่านประธานไม่เข้าไปนั่งฟังสัมภาษณ์เองเลยละครับจะได้เห็นหน้าคาตาของคนที่จะมาทำงานด้วยกันจริงๆ ไปเลยมีอะไรสงสัยจะได้ถามเขาตรงนั้นเลย" ชัชถาม ทศราชหยุดฝีเท้าแล้วหันมามองหน้าชัชด้วยสายตานิ่งๆ ดูแล้วทำเอาชัชเสียวสันหลังวาบเลย
"นายคิดว่าฉันว่างขนาดนั้นเลยหรอ...การที่ฉันจะทำงานกับใครฉันไม่สนว่าเขาจะหน้าตายังไงหรอกนะ และถ้าสมมุติว่าวันนี้ฉันไปนั่งดูการสัมภาษณ์ด้วยตัวเอง พวกเอกสารที่กองอยู่บนโต๊ะฉันมันจะเซ็นต์เองได้ไหมหรือว่านายจะไปนั่งเซ็นต์แทนฉัน" ทศราชถาม
"ขอโทษครับท่านประทาน" ชัชรีบกล่าวขอโทษทันทีเพราะเขารู้สึกได้ว่าวันนี้ท่านแประธานของเขาดูอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เขาทำงานที่นี่มาระยะนึงแล้วแต่พึ่งจะได้มาทำงานกับทศราชแค่สองเดือนกว่าๆ ถึงแม้จะเป็นระยะเวลาสั้นๆ แต่เขารู้จักผู้ชายคนนี้ดี
"เชิญครับ" ชัชผายมือบอกให้ทศราชเดินเข้าไปในลิฟท์ ลิฟท์ตัวนี้เป็นลิฟท์ส่วนตัวซึ่งจะแยกออกมาจากอีกฝั่งและจะใช้กันแค่เฉพาะกลุ่มผู้บริหาร หุ้นส่วนระดับสูงและแขกพิเศษเท่านั้นถ้าระดับพนักงานธรรมดาจะมีแค่ชัชกับป้าแม่บ้านสายใจเท่านั้นที่ใช้ได้ บริษัทนี้เน้นเรื่องระดับขั้นและความอาวุโสของอายุงานเป็นหลักไม่ว่าคุณจะอายุเยอะหรืออายุน้อยขอแค่คุณเป็นคนเก่งในที่นี้คุณจะได้รับการยกย่องอย่างแน่นอน ถ้าอยากรู้ว่าใครมีตำแหน่งใหญ่กว่าใครให้ดูที่บัตรพนักงานเพราะแต่ละตำแหน่งจะใช้สีบัตรต่างกัน ฟังดูเหมือนเป็นการแบ่งชนชั้นแต่นี่คือกฎที่มีมานานแล้วตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท
ห้องทำงานทศราช
ทศราช Part
ผมกำลังเปิดแฟ้มอ่านรายละเอียดเอกสารต่างๆ พร้อมกับเปิดจอนั่งฟังการสัมภาษณ์ที่มาสัมภาษณ์งานในวันนี้ทีละคน
"คำตอบมีแต่ปลอมๆ" ทศราชพูดออกมาลอยๆ เพราะกำลังนั่งฟังคนที่ 1 สัมภาษณ์อยู่
"เล่นหูเล่นตาเกินไปแต่งตัวก็โป๊ไม่ให้เกียรติสถานที่เลย" ทศราชพูดหลังจากเห็นคนที่ 2 เดินเข้ามานั่งในห้องสัมภาษณ์
"ไม่มีความมั่นใจแบบนี้เนี่ยนะจะมาเป็นเลขาฉัน" ทศราชพูดหลังจากคนที่ 3 ตอบคำถามตะกุกตะกัก คนที่ 4 คนที่ 5 คนที่ 6 ผ่านไป ผ่านไปเป็น 10 คนแล้วก็ยังไม่เจอคนที่ถูกใจสักทีและดูเหมือนยิ่งฟังเขาก็ยิ่งหงุดหงิดเข้าไปใหญ่เพราะคิ้วของเขาแทบจะมัดติดกันอยู่แล้ว
2 ชั่วโมงผ่านไป"
เห้อ" ผมถอนหายใจออกมาอย่างหงุดหงิดทั้งเอกสารทั้งคนที่มาสัมภาษณ์ทำเอาผมปวดหัวไปหมด ผมวางปากกาลงยกกาแฟขึ้นมาดื่มพร้อมกับนั่งอ่านเอกสารไปเรื่อยๆ ดูท่าสอบสัมภาษณ์วันนี้คงไม่มีที่ถูกใจแล้วละ ค่อยไปหวังเอากับคนที่นัดให้มาสัมภาษณ์พรุ่งนี้ดีกว่า
"สวัสดีค่ะดิฉันชื่อดวงดาว ขจรวิทย์ค่ะ" หลังจากได้ยินเสียงของใครคนนึงพูดขึ้นมามันทำเอาผมถึงกัยเงยหน้าขึ้นมามองมาที่จอทันทีเพราะรู้สึกคุ้นๆ กับนามสกุลนี้มาก
"นามสกุลขจรวิทย์หรอ" ผมพูดเบาๆ
"ถ้านามสุกลขจรวิทย์ทำไมถึงมาสมัครเป็นเลขาละเรา" ผมพูดแล้วจ้องไปที่หน้าจอ ผู้หญิงคนนี้ผมไม่คุ้นหน้าเลยเธอเป็นใครทำไมนามสกุลเดียวกับคุณอนุวัฒน์ผมคิดไม่ตกเลยถ้าเธอนามสกุลขจรวิทย์แสดงว่าเธอก็มีฐานะที่ร่ำรวยมากจะว่ามาทำงานเป็นเลขาผมเพื่ออะไรหรือว่าเพื่อสืบข้อมูลบริษัทผมหรอแต่ก็คงไม่ใช่เพราะผมกับคุณอนุวัฒน์เราไม่ได้เดินทางสายเดียวกันบริษัทของผมเทำเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์เกี่ยวกับที่ดิน การสร้างตึก อาคาร รวมถึงโครงการหมู่บ้านต่างๆ แต่บริษัทของคุณอนุวัฒน์คือทำเกี่ยวกับจิลเวอร์รี่พวกเครื่องประดับเพชรพลอยอะไรประมาณนั้นผมจ้องไปที่หน้าจออีกครั้งอย่างและตั้งใจฟังกรรมการสัมภาษณ์นี้ของเธอมากๆ
"ค่ะ สวัสดีค่ะคุณดวงดาวจบสาขาอะไรมาคะ" กรรมการถาม
"ดาวจบจากคณะบริหารธุรกิจสาขาภาษาอังกฤษด้านการสื่อสารธุรกิจมหาวิทยาลัย xxx ค่ะ" เธอตอบ โอเคเลยน้ำเสียงหนักแน่นมีความมั่นใจสายตาไม่ล่อกแล่ก
"แล้วเคยทำงานอะไรมาบ้างครับ" กรรมการถาม
"ดาวทำงานครั้งแรกตอนอายุ 18 ค่ะงานที่ทำส่วนใหญ่เป็นงานบริการในผับและร้านอาหาร" เธอตอบ ผมถึงกับตาโตขึ้นมาทันทีระดับคุณหนูของบ้้านขจรวิทย์ไปทำงานแบบนั้นได้ไงว่ะ
"...เอ่อ!...ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะดาวหมายถึงงานเด็กเสิร์ฟ งานต้อนรับ งานปั๊ม งานแม่บ้านอะไรประมาณนี้อะค่ะ" เธอตอบ พอได้ฟังเธออธิบายก็เลยพอโล่งอกไปบ้างแต่ก็งงอยู่ดีว่าคุณอนุวัฒน์ยอมให้ลูกสาวไปทำงานในที่อโคจรจริงๆ ได้ไงหรือว่าเธอกำลังปลอมโปรไฟล์อยู่กันแน่ ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาห้องสัมภาษณ์งานทันที
"ค่ะห้องสัมภาษณ์ค่ะ" พนักงานพูด
"ผมทศราชนะ คุณช่วยเอาโทรศัพท์ไปให้กรรมการคนไหนก็ได้ที" ผมพูด
"ได้ค่ะท่านประธาน" เธอตอบ
"สวัสดีครับ" กรรมการถามพูด
"ผมทศราชนะ คุณช่วยถามเธอหน่อยว่าทำไมเธอถึงอยากมาทำงานกับผมและพยายามถามอะไรก็ได้ที่ดูเธอน่าจะลำบากใจที่จะตอบหน่อย" ผมพูด
"ครับได้ครับ" พูดจบผมหน้าวางสายไป ในตอนที่คุยโทรศัพท์สายตาผมก็จ้องไปที่เธอตลอดเวลา ไม่รู้ทำไมแต่ผมสนใจเธอคนนี้เป็นพิเศษอาจจะเพราะด้วยฐานะที่ไม่ธรรมาดาของเธอก็ได้ ผมอยากรู้จริงๆ จุดประสงค์หลักของเธอคืออะไรกันแน่
"คุณดวงดาวครับ" กรรมการพูด
"ค่ะ" เธอรีบตอบ
"ทำไมถึงมาสมัครในตำแหน่งนี้ละครับ" กรรมการถามเธอนิ่งไปพักนึงเหมือนกำลังคิดคำตอบ
เงินค่ะ" เธอตอบ จากที่ผมนั่งทิ้งหลังกับหัวไว้บนเก้าอี้ ผมก็ดีดตัวขึ้นมานั่งไขว้ห้างเอาแขนเท้าบนโต๊ะทันที
"เฮอะ! นี่เธอตอบอะไรของเธอเนี่ย...ลูกคุณหนูอย่างเธอยังต้องการเงินจากฉัรไปทำไมอีก แค่นี้ก็รู้แล้วว่าน่าจะโกหก" ผมพูดเบาแล้วส่ายหัว
"อะไรนะครับ" กรรมการถามเหมือนไม่อยากจะเชื่อในคำตอบ แน่สิผมเองยังไม่เชื่อเลย
"ดาวเห็นจากประกาศว่ามีงานตำแหน่งนี้ว่างและให้เงินเดือนค่อนข้างสูงที่บ้านดาวต้องการใช้เงินจำนวนมากดาวเลยต้องมาสมัครงานในตำแหน่งนี้ค่ะ ดาวมั่นใจว่าความสามารถของดาวว่ามันคู่ควรกับเงินเดือนของที่นี่ ดาวไม่เคยทำงานในตำแหน่งสูงๆ แบบนี้มาก่อนแต่ดาวพร้อมที่จะเรียนรู้และฝึกฝนทุกอย่่างที่เลขาที่ดีควรจะทำค่ะ" เธอตอบ
"คุณดวงดาวไม่คิดว่าคำตอบของคุณดวงดาวจะทำให้คุณไม่ผ่านหรอครับ การที่บอกว่าอยากได้งานนี้เพราะเงินมันเป็นอะไรที่เสี่ยงกับการถูกคัดออกมากนะครับ" กรรมการถาม
"กลัวค่ะ ดาวกลัวแต่ดาวคิดว่าดาวอยากพูดความจริงมากกว่า ดาวไม่อยากมานั่งคิดคำพูดที่ดูสวยหรูเพราะดาวทำได้ไม่เก่งอย่างน้อยถ้าจะได้ร่วมงานกันดาวก็อย่างทำงานกับคนที่จริงใจกับดาวและดาวเองก็อยากจริงใจกับเพื่อนร่วมงานดังนั้นดาวเลยอยากพูดความจริงถึงแม้จะต้องถูกคัดออกก็พร้อมยอมรับมันค่ะ" เธอตอบออกมาอย่างจริงจังสายตาก็ดูน่าเชื่อถือ
"งั้นคุณดวงดาวคิดว่าในบรรดาผู้สมัครทั้งหมด ทำไมบริษัทของเราถึงต้องเลือกคุณดวงดาวค่ะ คุณดวงดาวมีคุณสมบัติอะไรที่พิเศษกว่าคนอื่นหรอคะ" กรรมการคนที่ 1 ถาม
"คุณไม่จำเป็นต้องเลือกดาวก็ได้ค่ะแต่ถ้าคุณให้โอกาสดาว ดาวสัญญาว่าดาวจะตั้งใจทำงานของดาวให้เกินกับเงินเดือนที่พวกคุณจ้างดาวแน่นอน ดาวเป็นคนหัวไวเข้ากับคนอื่นได้ง่ายดาวพร้อมที่จะทำงานและเรียนรู้งานทุกอย่างด้วยความตั้งใจ ดาวรู้ว่าทุกอย่างไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ แต่ดาวจะสู้เพื่อให้ได้มันมาและดาวจะเต็มที่กับมันเพื่อให้ตำแหน่งนี้อยู่กับดาวให้นานที่สุดค่ะ ถ้าถามถึงเรื่องคุณสมบัติพิเศษดาวเองก็ตอบได้ยาก ต้นทุนดาวต่ำกว่าหลายๆ คนมากแต่เรื่องสู้งานหรือความตั้งใจจริงดาวคิดว่าดาวก็ไม่แพ้ทุกคนเหมือนกัน" เธอตอบ
ไม่รู้ว่าไปชอบใจอะไรกับคำตอบของเธอเพราะรู้ตัวอีกทีคือผมกำลังนั่งยิ้มและฟังเธอตอบกรรมการอย่างเพลินมาก เอาจริงคำตองของเธอไม่ได้ต่างจากคำตอบของคนก่อนๆ แต่ด้วยน้ำเสียงท่าทางและแววตามันดูจริงใจกว่าทุกคน มันเลยทำให้ผมประทับใจมากๆ อย่างน้อยผมก็จะเก็บเธอมาพิจารณาแน่นอนผมกดโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะ
"คุณชัช เข้ามาผมหน่อย" ผมพูดแล้ววางสายทันทีจากนั้นก็นั่งรอประมาณ 10 วินาที ที่มาเร็วเพราะโต๊ะทำงานของชัชอยู่หน้าประตูห้องทำงานของผมเอง
ก๊อกๆๆ
"เข้ามา" ผมพูด
"ครับ ท่านประธานมีอะไรให้ผมทำเหรอครับ" ชัชถาม
"ดวงดาว ขจรวิทย์...ช่วยไปหาข้อมูลมาให้ผมหน่อย" ผมมอบหมายงานสำคัญชิ้นใหม่ให้ชัชแม้ว่าเขาจะทำหน้างงแต่ก็ตอบรับคำสั่งผมด้วยการพยักหน้าทันที
"เอาข้อมูลแบบไหนครับเดี๋ยวผมจะได้ลงไปขอกับทีมสัมภาษณ์มาให้" ชัชถาม
"เอาข้อมูลทุกอย่างที่คุณหามาได้และต้องเป็นข้อมูลที่ไม่เกี่ยวข้องกับใบสมัคร ไอ้ของพวกนั้นผมไม่อยากรู้" ผมตอบ
"ได้ครับท่านประธาน" ชัชตอบ
"คุณออกไปได้แล้วผมจะทำงาน" ผมพูดแล้วก้มหน้ามองเอกสารบนโต๊ะต่อ
"งั้นผมขอตัวนะครับ" ชัชตอบแล้วเดินออกไป
ผมเงยหน้าขึ้นมาแล้วมองไปที่วิวด้านด้านหลัง เผยรอยยิ้มที่มุมปาก 1 ที
"ผมต้องรู้ให้ได้ว่าจุดประสงค์หลักที่คุณมาที่นี่มันคืออะไร"
