02 สัมภาษณ์งาน
"คุณดวงดาว ขจรวิทย์ค่ะ...คุณดวงดาว...คุณดวงดาวอยู่ไหมคะ" ฉันสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงคนถามหาฉันเมื่อกี้ฉันดันมัวแต่คิดถึงเรื่องราวในอดีตในตอนนั้นที่ฉันแค่อายุ 17 ปี
"มาแล้วค่ะ มาแล้วค่ะ" ฉันรีบตอบและวิ่งไปหาพนักงานคนที่ประกาศเรียกฉันทันทีเพราะวันนี้ฉันมาสัมภาษณ์งานในตำแหน่งเลขาของผู้บริหาร
"เชิญข้างในค่ะ" พนักงานพูด ฉันเดินเข้าไปข้างในห้องนั้นก็เห็นมีคณะกรรมการนั่งอยู่ 3 คน ผช. 2 คน ผญ. 1 คน อายุราว 40 กว่าและในห้องนั้นยังมีกล้องตัวใหญ่ๆ อีก 2 ตัวด้วยสงสัยคงไว้อัดคลิปสัมภาษณ์งานของผู้สมัครแหละมั้ง
"สวัสดีค่ะดิฉันชื่อดวงดาว ขจรวิทย์ค่ะ" ฉันรีบแนะนำตัวทันทีด้วยน้ำเสียงความมั่นใจ
"ค่ะ สวัสดีค่ะคุณดวงดาวจบสาขาอะไรมาคะ" กรรมการคนที่ 1 ถามฉัน
"ดาวจบจากคณะบริหารธุรกิจสาขาภาษาอังกฤษด้านการสื่อสารธุรกิจมหาวิทยาลัย xxx ค่ะ" ฉันตอบ
"แล้วเคยทำงานอะไรมาบ้างครับ" กรรมการคนที่ 2
"ดาวทำงานครั้งแรกตอนอายุ 18 ค่ะงานที่ทำส่วนใหญ่เป็นงานบริการในผับและร้านอาหาร" ฉันตอบ กรรมการทั้ง 3 คนหันหน้ามองหน้า
"เอ่อ...ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ ดาวหมายถึงงานเด็กเสิร์ฟ งานต้อนรับ งานปั๊ม งานแม่บ้านอะไรประมาณนี้อะค่ะ" ฉันรีบแก้ต่างให้ตัวเองทันทีจนกรรมการพยักหน้าให้ฉัน จู่ ๆ พนักงานที่ยืนอยู่ข้างหลังคนนั้น คนที่เปิดประตูให้ฉัน เธอก็เดินถือโทรศัพท์มาให้กรรมการคนที่ 3 ทำให้การสัมภาษณ์หยุดลงชั่วคราว พอเขารับโทรศัพท์ก็พูดคุยพึมพัมอะไรไม่รู้กับปลายสาย
"ครับ ได้ครับ ครับ" พอเห็นเขาคุยโทรศัพท์ฉันเองก็อึดอัดจนนั่งเกร็งทำอะไรไม่ถูกเลย
"คุณดวงดาวครับ" กรรมการคนที่ 3 พูด
"ค่ะ" ฉับรีบตอบ
"ทำไมถึงมาสมัครในตำแหน่งนี้ละครับ" ฉันนิ่งไป แล้วได้แต่คิดในใจว่าควรจะตอบความจริงดีไหมหรือจะใช้้คำตอบที่สวยหรูให้ดูมีวุฒิภาวะเพื่อทำให้กรรมการพอใจดี...แต่เอาว่ะ! แม่สอนว่าห้ามโกหกเราต้องจริงใจ
"เพราะเงินค่ะ" ฉันตอบ
"อะไรนะครับ" กรรมการคนที่ 3 ถามย้ำ้ำำทั้งทีฉันเดาว่าเขาก็คงได้ยินชัดเจนแต่เขาคงไม่คิดว่าฉันจะตอบแบบนี้มั้ง
"ดาวมาสมัครงานที่นี่ตำแหน่งนี้เพราะเงินค่ะ" ฉันตอบ กรรมการคนที่ 1 ยิ้มออกมาและมองฉันด้วยหางตาเหมือนกำลังเหยียดฉันอยู่เลย
"ดาวเห็นจากประกาศว่ามีงานตำแหน่งนี้ว่างและให้เงินเดือนค่อนข้างสูงที่บ้านดาวต้องการใช้เงินจำนวนมากดาวเลยต้องมาสมัครงานในตำแหน่งนี้ค่ะ ดาวมั่นใจว่าความสามารถของดาวคู่ควรกับเงินเดือนของที่นี่ ดาวไม่เคยทำงานในตำแหน่งสูงๆ แบบนี้มาก่อนแต่ดาวพร้อมที่จะเรียนรู้และฝึกฝนทุกอย่างที่เลขาที่ดีควรจะทำ" ฉันตอบ
"คุณดวงดาวไม่คิดว่าคำตอบของคุณดวงดาวมันจะทำให้คุณไม่ผ่านการคัดเลือกหน่อยเหรอครับ การที่คุณบอกว่าอยากได้งานนี้เพราะเงินเดือนมันสูงมันเป็นอะไรที่เสี่ยงกับการถูกคัดออกมากนะครับ" กรรมการคนที่ 2 พูด
"กลัวค่ะ ดาวกลัวแต่ดาวคิดว่าดาวอยากพูดความจริงมากกว่า ดาวไม่อยากมานั่งคิดคำพูดที่ดูสวยหรูเพราะดาวทำได้ไม่เก่งอย่างน้อยถ้าจะได้ร่วมงานกันดาวก็อย่างทำงานกับคนที่จริงใจกับดาวและดาวเองก็อยากจริงใจกับเพื่อนร่วมงานดังนั้นดาวเลยตอบออกไปตามความรู้สึกจริงๆ ถึงแม้จะต้องถูกคัดออกดาวก็พร้อมจะยอมรับมันค่ะ" ฉันตอบออกไปอย่างจริงจัง
"งั้นคุณดวงดาวคิดว่าในบรรดาผู้สมัครทั้งหมด ทำไมบริษัทของเราถึงต้องเลือกคุณดวงดาวค่ะ คุณดวงดาวมีคุณสมบัติอะไรที่พิเศษกว่าคนอื่นหรอคะ" กรรมการคนที่ 1 ถาม
"คุณไม่จำเป็นต้องเลือกดาวก็ได้ค่ะแต่ถ้าคุณให้โอกาสดาว ดาวสัญญาว่าดาวจะตั้งใจทำงานของดาวให้เกินกับเงินเดือนที่พวกคุณจ้างดาวแน่นอน ดาวเป็นคนหัวไวเข้ากับคนอื่นได้ง่ายดาวพร้อมที่จะทำงานและเรียนรู้งานทุกอย่างด้วยความตั้งใจ ดาวรู้ว่าทุกอย่างไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ แต่ดาวจะสู้เพื่อให้ได้มันมาและดาวจะเต็มที่กับมันเพื่อให้ตำแหน่งนี้อยู่กับดาวให้นานที่สุดค่ะ ถ้าถามถึงเรื่องคุณสมบัติพิเศษดาวเองก็ตอบได้ยาก ต้นทุนดาวต่ำกว่าหลายๆ คนมากแต่เรื่องสู้งานหรือความตั้งใจจริงดาวคิดว่าดาวก็ไม่แพ้ทุกคนเหมือนกัน" ฉันตอบทุกอย่างที่ฉันคิดและตั้งใจจะทำให้ได้กับคณะกรรมการแล้ว กรรมการมองหน้ากันและพยักหน้า เหมือนบอกว่าโอเคแล้วสำหรับการสัมภาษณ์
"ครับคุณดวงดาววันนี้การสัมภาษณ์ของคุณเสร็จแล้วครับ ขอบคุณที่มานะครับเราจะแจ้งผลการสัมภาษณ์ทางอีเมลนะครับ" กรรมการคนที่ 3 พูดฉันลุกขึ้นโค้งคำนับ
"ค่ะ ขอบคุณมากนะคะยังไงฝากพิจารณาด้วยนะคะ" ฉันพูดจบแล้วก็เดินออกมา
5 วันต่อมา
ยังไม่มีอะไรตอบกลับมาเลยสักอย่าง ตอนนี้ฉันนั่งเหมอด้วยใจที่สิ้นหวังสุดๆ อยู่หน้าเตาไฟ
"ดาวดูขนมให้แม่หน่อยลูก" แม่พูดพร้อมกับนั่งพับใบตองห่อขนมอยู่บนแคร่ ฉันกรอกตามาหาแม่แล้วถอนหายใจออกมา
"ยังไม่สุกหรอกแม่" ฉันตอบแล้วหันหน้ากลับทำหน้าเศร้าเหมือนเดิมฉันรู้สึกไม่มีชีวิตชีวาเอาซะเลย ฉันหวังกับงานนี้มากเพราะฉันไม่อยากให้แม่ต้องลำบากเลยตั้งใจไปสัมภาษณ์งานที่นั่นเพราะเงินเดือนมันดูน่าจะสร้างอนาคตให้ฉันกับครอบครัวได้
"เอ่อ~เดี๋ยวน้อยดูเองดีกว่าค่ะคุณวันเพ็ญ" ป้าน้อยพูดลุกขึ้นไปเปิดหม้อนึงขนมดูแทนฉัน
"ดาว" แม่เรียก ฉันหันหน้าไปหาแม่
"เป็นอะไรลูก" แม่ถาม ฉันเงยหน้ามองออกไปบนท้องฟ้า
"ดาวจะทำยังไงดีอ่ะแม่" ฉันตอบแล้วหันกลับมาทางเดิม
"ถ้าดาวสัมภาษณ์งานไม่ผ่านเราจะทำยังไงดีอ่ะแม่เงิน เก็บที่มีมันก็ใกล้จะหมดลงทุกทีแล้ว ไหนค่าเช่าบ้าน ค่ารักษาให้แม่ ค่าลงทุน ค่าแผง ค่าจิปาถะต่างๆอีกแถมเงินจากการขายของทุกวันมันก็ไม่ได้มากมายขนาดนั้น ถ้าดาวไม่มีงานทำพวกเราจะทำยังไงดีอะแม่" ฉันพูดไปทำหน้าบูดไป
"ไม่เห็นเป็นไรเลยลูกเงินเราใช้ทุกวันยังไงมันก็ต้องหมดอยู่แล้วลูกไม่ต้องเครียดไปหรอก นี่ไงแม่ก็ออกไปขายขนมกับป้าน้อยทุกวันยังไงซะพวกเราก็ได้เงินเข้าบ้านทุกวันอยู่แล้ว" แม่ตอบ
"ไม่ใช่สิแม่ ถ้าเราขายขนมในตลอดอย่างเดียวมันก็แค่ได้พอใช้กินไปวันๆ ดาวอ่ะอยากทำงานมีเงินเก็บเยอะๆ แม่จะได้พักผ่อนไม่ต้องออกไปขายของตากแดดร้อนๆ แบบนี้อีกแม่ยิ่งไม่ค่อยแข็งแรงอยู่แล้วด้วย ถ้าดาวมีเงินเยอะๆ ดาวจะพาแม่กับป้าน้อยออกไปอยู่ที่ดี ๆ เวลาแม่กับป้าน้อยป่วยก็จะได้พาไปรักษาได้ง่ายๆ ไม่ต้องมาคอยห่วงว่าจะมันแพงไหม เดือนนี้เงินจะพอใช้หรือเปล่า ดาวแค่ไม่อยากให้แม่กับป้าน้อยไม่ต้องลำบากอีกแล้ว ไหนๆ ตอนนี้ดาวก็เรียนจบแล้วดาวก็อยากจะดูแลแม่กับป้าน้อยเอง" ฉันพูด แม่มองฉันด้วยรอยยิ้ม
"คุณดาวเนี่ยน่ารักจริงๆ เลยนะคะ" ป้าน้อยพูด
"ไม่ต้องเลยป้าน้อยดาวบอกป้าน้อยแล้วใช่ไหมค่ะว่าไม่ให้ป้าน้อยลาออกจากบ้านของคุณพ่อเห็นไหมมาอยู่กับพวกเราต้องลำบากขนาดไหน เงินเดือนดาวก็ไม่มีตังจ่ายให้ป้าน้อยอีกแถมมาอยู่กับเราป้าน้อยก็ยังต้องมาคอยดูแลดาวกับแม่ ถ้าป้าน้อยอยู่ที่บ้านของคุณพ่อป่านนี้คงมีเงินเก็บเยอะแยะกินอิ่มนอนหลับได้อย่างสบายใจไม่ต้องมาทุกข์ทนอยู่ในบ้านเช่าหลังเล็กๆ ท้ายตลาดแบบนี้หรอก" ฉันพูด ป้าน้อยมองฉันแล้วก็ยิ้ม
"ขอโทษนะคะป้าน้อยที่ทำให้ป้าน้อยต้องลำบากแล้วก็ขอบคุณนะคะที่รักและดูแลเรานานขนาดนี้" ป้าน้อยจับมือฉันด้วยความอ่อนโยน
"ไม่เป็นไรเลยค่ะคุณดาว ป้าน่ะมันคนบ้านนอกลูกหลานก็ไม่มี ผัวก็ไม่มี ป้าไม่มีภาระอะไรให้ต้องห่วงหน้าผวังค์หลังอีกแล้ว ตอนนั้นที่ป้าเข้าไปอยู่บ้านหลังนั้นใหม่ๆ มันก็เป็นเพราะคุณอนุวัฒน์เขาให้ป้าไปดูแลคุณวันเพ็ญตอนที่เธอกำลังตั้งท้องคุณดาวอยู่ ทุกคนในบ้านไม่มีใครเคยเห็นหัวป้าเลยเพียงเพราะป้ามาจากบ้านนอก ทุกคนปฏิบัติกับป้าเหมือนคนต่ำต้อยไร้ค่ามีแต่คุณวันเพ็ญเนี่ยแหละที่รักและให้เกียรติป้าเหมือนผู้หลักผู้ใหญ่คนนึง ไม่เคยเห็นป้าเป็นคนรับใช้เลยแถมยังช่วยเหลือป้าในทุกๆ เรื่องแล้วในวันที่พวกคุณลำบากจะให้ป้าทิ้งพวกคุณ ป้าทำไม่ได้หรอกนะคะถึงแม้ป้าจะไม่มีอะไรติดตัวเลยป้าก็ยังอยากอยู่ดูแลพวกคุณต่อไป ป้าไม่หวังเงินเดือนหวังแค่ว่าบั้นปลายของชีวิตป้าจะไม่ต้องตายอย่างโดดเดี่ยวไม่มีคนเผาศพแค่นั้นก็พอ" ป้าน้อยพูดไปน้ำตาคลอไปแต่ก็ยังคงมีรอยยิ้มส่งมาให้ฉันอยู่ดี มันอบอุ่นมากจริงๆ
"พูดอะไรแบบนั้นละพี่น้อย เป็นเพราะเงินเก็บก้อนนั้นของพี่น้อยเลยนะพวกเราเลยพอมีเงินทุนไปซื้อของมาขายทำำขนมขายจนมีเงินพอหมุนใช้แบบนี้" แม่ตอบ
นั่นสิค่ะ ป้าน้อยห้ามคิดว่าตัวเองมาเป็นภาระพวกเราเด็ดขาดเลยรู้ไหม พวกเราติดค้างป้าน้อยตั้งหลายอย่างต่อไปก็อยู่กันแบบนี้ไปตลอดห้ามพูดเรื่องตายอีกรู้ไหมคะ!" ฉันพูด
"ค่ะ คนดีของป้า" ป้าน้อยตอบ
ติ้ง! (เสียงเเจ้งเตือน)
ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูก็พบว่ามันคืออีเมลจากบริษัท KTK บริษัทที่ฉันไปสัมภาษณ์งานเมื่อหลายวันก่อน
"มาแล้วๆ" ฉันพูดแล้วเปิดอ่านด้วยความตื่นเต้น
(เรียน คุณดวงดาว ขจรวิทย์ ทางบริษัทของเราขอแจ้งให้ทราบว่าคุณผ่านการสัมภาษณ์งานในตำแหน่งเลขาผู้บริหารของบริษัท KTK ขอแสดงความยินดีด้วย คุณสามารถเขามาเริ่มงานได้ในสัปดาห์หน้า ขอบคุณค่ะ)
ฉันตกใจตาเบิกโพร่งหลังจากความตกใจหายไปแล้วรอยยิ้มก็ค่อยๆ ปรากฏออกมาจากใบหน้าของฉัน
"เย้ เย้ ฮู้ๆๆๆ เย้" ฉันตะโกนออกมาเสียงดังแถมยังกระโดดกระเต้นด้วยความดีใจ
"ดาวเป็นไรลูก เสียงดังเกรงใจข้างบ้านเขา" แม่พูด ฉันรีบนั่งลงแล้วหันไปหาแม่
"แม่! ดาวได้งานแล้วแม่...เขารับดาวแล้วอะแม่ อร๊ายยย!" ฉันพูดแล้วพุ่งเข้าไปกอดแม่ด้วยความดีใจ
"โอ๊ย~จ้ะๆ ดีใจด้วยนะลูก" แม่พูดพร้อมยกมือขึ้นมาลูบหลังฉันเบาๆ ฉันหันมาหาป้าน้อยแล้วก็เข้ากอดป้าน้อยเหมือนกัน
"ป้าน้อยดาวได้งานแล้วต่อไปนี้พวกเราจะสบายกันแล้วนะป้าน้อย" ฉันพูด ป้าน้อยยิ้มแล้วกอดตอบฉัน
"ป้าดีใจด้วยนะคะคุณดาว คุณดาวของป้าเก่งที่สุดในโลกเลย" ป้าน้อยตอบ
