ตอนที่10. ฐานะปลอมๆ
“ข้าเตรียมเสื้อผ้าและเครื่องใช้ส่วนตัวมาให้แม่นางฟางแล้ว” แม่นมพูดขึ้นแล้วหยิบเสื้อผ้าชุดหนึ่งมาวางบนตักของจางฟางซิน “หวังว่าแม่นางจะชอบ”
“รบกวนท่านมากแล้ว ท่านเรียกข้าว่าฟางซินก็ได้เจ้าค่ะ” นางยิ้มพลางคลี่เสื้อผ้าออกดู เดิมทีนางเพียงคิดว่าจะดูว่าชุดนี้พอดีกับรูปร่างของนางหรือไม่ ทว่าเมื่อคลี่ชุดกระโปรงสีขาวไข่มุกปักลายผีเสื้อโบยบินล้อมดอกเบญจมาศ แม้ว่าพ่อบุญธรรมเลี้ยงดูนางกับน้องชายอย่างดีแต่นางเป็นคนสมถะแต่งกายเรียบง่าย ในขณะที่น้องชายมักชอบทำตัวเป็นคุณชายเจ้าสำอาง นางจึงไม่ค่อยมีเสื้อผ้าเครื่องประดับหรูหรา หากนางต้องเสียเงินจริง นางยอมเก็บเงินทุกอีแปะไว้เพื่อซื้อตำราที่อยากได้มากกว่า
“ไม่ถูกใจหรือ? เช่นนั้นลองดูชุดนี้เป็นไร” แม่นมเอื้อมมือไปหยิบชุดสีชมพูหวานปักลายดอกไม้เล็กๆ สีขาว ยื่นให้จางฟางซิน
“ไม่ใช่ว่าข้าไม่พอใจ” นางรีบพูดขึ้น “เพียงแต่มันสวยงามมาก ขอสารภาพว่าปกติข้าสวมเสื้อผ้าบุรุษมากกว่าสตรี จึงรู้สึกว่าตนเองไม่คู่ควรกับเสื้อผ้าที่แม่นมนำมาให้”
ได้ฟังเหตุผลของจางฟางซินแล้ว แม่นมเหมยกุ้ยพลันหัวเราะเบาๆ
“เสื้อผ้าเหล่านี้ข้าเลือกให้ เพราะเห็นว่าเจ้าต้องเป็นคนที่ฮูหยินส่งมาปรนนิบัติดูแลท่านแม่ทัพ แม่นางจางก็ฝืนใจแต่งกายให้งดงามสักนิดเถิด เพื่อที่ผู้อื่นจะได้ไม่เข้าใจว่าท่านแม่ทัพนิยมบุรุษด้วยกันเอง”
“แค่กๆ “ หลัวหลิวหยางสำลักน้ำลายตัวเอง ดูจากข้าวของที่แม่นมตระเตรียมมาให้นั้น แม่นมคงจริงจังกับสถานะกำมะลอของจากฟางซิน
“เป็นข้าที่คิดน้อยเกินไป ต้องขอบคุณแม่นมเหมยกุ้ยที่เป็นธุระจัดการให้”
นางลืมไปเสียสนิท ฐานะปลอมๆ ที่นางเสนอเขาไปซึ่งท่านแม่ทัพก็เห็นดีให้เป็นเช่นนั้น เขาเป็นแม่ทัพองอาจห้าวหาญ สตรีที่จะเคียงข้างแม้ในฐานะหญิงอุ่นเตียงก็ควรจะหน้าตาดีสักหน่อย ไม่เช่นนั้นผู้อื่นคงมองว่าเขาเป็นบุรุษกินไม่เลือก คว้าอะไรก็เอามาอุ่นเตียงได้หมด
“ข้าเตรียมเด็กรับใช้ให้แม่นางจางด้วย ชื่อเสี่ยวจิ้ง หากแม่นางจางต้องการสิ่งใดสามารถสั่งเสี่ยวจิ้งได้ทันที”
“ขอบคุณมาก”
“อีกประเดี๋ยวจะได้เวลากินมื้อเที่ยง ไม่ทราบว่าท่านแม่ทัพจะรับมื้อเที่ยงที่ไหนเจ้าคะ”
“จัดมาที่นี่ก็ได้ ข้ามีเรื่องต้องคุยกับนาง”
“เช่นนั้นข้าจัดของแม่นางจางมาพร้อมท่านแม่ทัพเลยนะเจ้าคะ”
หลัวหลิวหยางพยักหน้ารับ แม่นมเหมยกุ้ยยิ้มให้แล้วเดินออกไป ทั้งสองเผลอถอนหายใจออกมาพร้อมกัน เสียงถอนหายใจนั้นทำให้นางเงยหน้ามองเขาแล้วทั้งสองก็หัวเราะออกมา
“อย่าถือสานางเลย แม่นมเหมยกุ้ยดูแลข้ามาตั้งแต่เด็ก เดิมทีครอบครัวเป็นแค่ครอบครัวชาวนาก็จริง แต่แม่นมเหมยกุ้ยเป็นญาติห่างๆ ของมารดาข้า คราวนั้นสามีของนางตายจาก ทางบ้านของสามีก็ไม่ใคร่อยากให้นางอยู่ร่วมชายคาจึงเดินทางบากหน้ามาขออาศัยกับมารดาของข้า ซึ่งตอนนั้นข้าเกิดพอดี ท่านแม่เลยให้ช่วยเลี้ยงข้า ข้าเลยกลายเป็นเด็กที่มีแม่นม”
“มารดาข้าตายจากตั้งแต่ข้ายังเด็ก แต่ก็มีมารดาของฟางหรงดูแลจนกระทั้งเราเหลือกันเพียงสองคนพี่น้อง บิดาของข้าฝากฝังข้ากับน้องชายให้ท่านอาจารย์หยางอี้เสียงดูแล ท่านเอ็นดูเราสองคนพี่น้องมาก รับเราทั้งสองเป็นบุตรบุญธรรม ข้าจึงได้เรียนเขียนอ่านจากพ่อบุญธรรม”
“ท่านอาจารย์จิตใจประเสริฐนัก” เขาเผลอยิ้มเมื่อนึกถึงวัยเด็กของตน “หากไม่ใช่เพราะความเมตตาของท่าน ข้าคงไม่มีวันนี้”
“เป็นเพราะท่านมีความเพียรพยายามด้วย” นางยิ้มให้เขา “พ่อบุญธรรมชอบเล่าเรื่องของท่านให้ฟังอยู่บ่อยๆ”
เขาเลิกคิ้วเล็กน้อย พิศมองใบหน้าที่ยังมีร่องรอยบอบช้ำ เขาพบเห็นสตรีงดงามมามาก แน่นอนว่านางมิได้ครอบครองความงามพิลาศล้ำ แต่มีบางอย่างที่ทำให้คนอยู่ใกล้แล้วรู้สึกผ่อนคลาย อาจเป็นท่วงท่าที่ดูสบายๆ ของนางเอง ทำให้เขารู้สึกสนทนากับสหายมิใช่บุรุษกับสตรีที่ต้องคอยรักษาระยะห่าง
“ข้าเองก็ไม่แปลกใจที่เจ้าเป็นเช่นนี้”
“ข้าเป็นเช่นนี้? ท่านแม่ทัพหมายความว่าอย่างไร”
“เป็นสตรีที่แต่งกายเป็นบุรุษแล้วเดินทางตามลำพังมาเพื่อแจ้งเตือนข้าเรื่องอนุชาแห่งแคว้นเหยี่ยนหรือ?”
นางพยักหน้ารับ “องค์รัชทายาทกำชับมาว่า ท่านจะประมาทไม่ได้เด็ดขาด ในเมืองหลวงเวลานี้ ภายนอกมองว่าสงบสุข แต่มีผู้ที่ต้องการกำจัดพระองค์โดยร่วมมือกับแคว้นเหยี่ยน”
“ท่านแม่ทัพคิดว่า โจรป่าที่ปราบไม่สำเร็จนี้จะเกี่ยวกับเรื่องระหว่างแคว้นหรือไม่”
