5
“สวัสดีหนูแฟน ไปกับพวกเขาด้วยเหรอ” ถามต่อด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแกมแปลกใจ รู้สึกกระชุ่มกระชวยหัวใจขึ้นมาทันที ที่ได้เจอหน้าเธอก่อนเข้าบริษัท หน้าที่ทำให้เขาคิดถึงอยู่ตลอดเวลาหลายปีที่ได้ร่วมงานกัน
“ค่ะคุณเป้” ธิมาดาส่งยิ้มบาง ๆ ให้เขาด้วยความรู้สึกกริ่งเกรง แม้จะทำงานกับเขามานานหลายปี แต่ก็ไม่สนิทชิดเชื้อกันสักเท่าไหร่ เพราะเดือน ๆ หนึ่งจะเจอหน้ากันไม่ถึงสิบวันด้วยซ้ำ
“ฉันกลับก่อนดีกว่า พรุ่งนี้เจอกันที่บริษัทนะ” ฐวรรษบอกเพื่อนแล้วหันมารับไหว้จากสองสาว
“พี่ต้นคะ” ธิมาดาเดินตามเขาไปใกล้ ๆ ขณะที่เขากำลังจะเปิดประตูรถ “น้องปลายฝากบอกสวีตดรีมค่ะ ขับรถดี ๆ นะคะ” เธอกระซิบบอกเบา ๆ แล้วโบกมือลาพร้อมส่งยิ้มให้
ฐวรรษพยักหน้ารับพร้อมรอยยิ้มกว้างจนเกือบถึงใบหู แต่ไม่กล้าส่งสายตาไปทางหญิงสาว เพราะกริ่งเกรงต่อสายตาของพี่ชายเธอ รีบเปิดประตูขึ้นรถแล้วแอบมองเธอผ่านกระจกรถ
ยุทิตย์เห็นท่าทางสนิทสนมของเพื่อนรักกับรุ่นพี่ของน้องสาว แล้วรู้สึกหงุดหงิดหัวใจยิ่งนัก เธอสนิทสนมกับเพื่อนของเขาได้ แล้วทำไมถึงไม่ให้ความรู้สึกแบบนั้นกับเขาบ้าง
ทั้งที่เมื่อก่อนตอนที่ยังไม่ได้ทำงานร่วมกัน ตอนที่เธอยังเป็นแค่รุ่นพี่ในมหาวิทยาลัยของน้องสาวเขา แม้จะไม่ได้สนิทกัน แต่เธอก็เรียกเขาว่าพี่เป้ทุกครั้งเวลาที่เจอกัน แล้วเดี๋ยวนี้เธอเป็นอะไร ทำไมเขาถึงกลายเป็นคุณเป้ไปได้ ทำไมถึงทำตัวห่างเหินกับเขานัก
ยุทิตย์มองหน้าน้องสาวเหมือนจะขอความเห็น แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไปนอกจากส่งยิ้มให้
“เข้าบ้านเถอะน้องปลาย หนูแฟน ดึกแล้ว พักผ่อนได้แล้ว พรุ่งนี้ต้องทำงานอีก” เขาดันหลังน้องสาวให้เดินนำเข้าไปพร้อมกับหญิงสาวอีกคน แล้วตัวเองเดินปิดท้าย มองด้านหลังได้สัดส่วนของเธอ แล้วอยากจะดึงเข้ามากอดให้หายคิดถึง แล้วถามว่าเมื่อกี้พูดอะไรกับเพื่อนเขา ทำไมต้องส่งยิ้มหวานให้กันขนาดนั้น รู้มั้ยว่ามันทำให้เขาหึง แต่ก็ทำได้แค่คิดเท่านั้น
………………
“ปลาย พี่ขอนอนกับปลายนะ” ธิมาดารีบบอกเจ้าของบ้าน เมื่อเดินขึ้นบันไดด้วยกันสองคน
ทิตยาหัวเราะอย่างรู้ทัน เธอรู้ว่ารุ่นพี่คนนี้กลัวผีจนขึ้นสมอง “บ้านปลายไม่มีผีหรอกค่ะพี่แฟน”
“ไม่รู้แหละ ไม่งั้นก็หาหนังสือสวดมนต์มาให้พี่ก่อน พี่ถึงยอมนอนคนเดียว” บ้านหลังอย่างกับวังแต่อยู่กันแค่สองคนพี่น้อง ห้องนอนก็กว้างจนวังเวง แค่มองซ้ายมองขวาก็ขนลุกซู่แล้ว เธอจะไม่นอนคนเดียวเด็ดขาด
“ค่ะ ๆ ๆ นอนด้วยกันก็ได้ แค่ล้อเล่นหน่อยเดียวทำไมต้องทำหน้าตื่นด้วยล่ะ” ทิตยาหัวเราะกับท่าทางขี้ขลาดของอีกฝ่าย เปิดประตูห้องนอนแล้วผายมือให้เธอเข้าไปก่อน
..................
ทิตยาเดินออกจากห้องน้ำและเห็นรุ่นพี่ยังไม่หลับ จึงขึ้นไปนั่งลงบนเตียงใกล้ ๆ กับเธอ
“พี่แฟน”
“หือ”
เธอมองหน้าธิมาดาอย่างชั่งใจ.. “พี่คุยอะไรกับพี่ต้นเหรอคะ ปลายเห็นเขายิ้มหน้าบานเชียว” สุดท้ายความอยากรู้ก็ชนะใจเธอ
“อ๋อ พี่ขอยืมโทรศัพท์หน่อยสิ ของพี่แบตหมดเกลี้ยงเลย ลืมเอาที่ชาร์ตมาด้วย” ธิมาดาไม่ยอมตอบคำถามอยากรู้ของรุ่นน้องคนสวย แต่กลับวางแผนบางอย่างไว้ในใจ
“เอาสายชาร์ตของปลายไปใช้ก่อนมั้ย”
“ใช้ไม่ได้หรอก มันคนละรุ่นกัน เครื่องพี่เป็นรุ่นเก่า หัวชาร์ตมันจะเล็กกว่า”
“พี่แฟนก็ใช้เครื่องของบริษัทสิ ทำไมต้องใช้ของตัวเองด้วย”
“พี่ดันลืมไว้ที่บริษัทน่ะสิ เพราะปลายนั่นแหละที่เร่งพี่ พี่เลยลืมหมดเลย”เธอพยายามหาข้ออ้าง ทั้งที่จริงแล้วโทรศัพท์ทุกเครื่องนอนอยู่ในกระเป๋า และแบตยังไม่หมด
“นี่ค่ะ ๆ” ทิตยายื่นโทรศัพท์ให้เมื่อถูกโยง
ธิมาดาหัวเราะชอบใจ รับโทรศัพท์ที่รุ่นน้องส่งให้แล้วทำทีเป็นกดเบอร์“ทำไมไม่รับสายนะ ส่งข้อความดีกว่า”
“สมัยนี้ยังมีคนส่งข้อความหากันอีกเหรอคะ”
“ก็มันสุดวิสัยนี่” เธอไม่ได้ส่งข้อความ แต่กำลังพิมพ์ไลน์ต่างหาก ส่งไปยิ้มไปก่อนจะลบข้อความทิ้งเพื่อลบร่องรอย “เรียบร้อย ขอบใจมากจ้ะปลาย” แล้วส่งโทรศัพท์คืนให้เธอ
…………….
คอนโดของฐวรรษ
ฐวรรษกำลังนั่งจิบบรั่นดีอยู่ที่หน้าบาร์เล็กๆ ภายในห้องชุดสุดหรู ที่เพื่อนรักมอบให้เป็นห้องประจำตำแหน่งพร้อมกับรถยนต์อีกหนึ่งคัน เขาหยิบโทรศัพท์มาดูเมื่อมีเสียงไลน์ดังเตือน
‘ฝันดีนะคะ พี่ต้นของน้องปลาย’
ชายหนุ่มยิ้มกว้างกับข้อความไลน์ แล้วตบหน้าตัวเองแรง ๆ เพื่อเรียกสติว่าไม่ได้ฝันหรือเริ่มเมาจนเลอะเลือนไป
“พี่มีสิทธิ์ที่จะรักน้องปลายใช่ไหมครับ” เขาพูดฝากไปกับอากาศในยามค่ำคืนอย่างสุขใจ น้ำสีอำพันที่ดื่มเมื่อครู่หมดความหมายในทันที.. เขาพิมพ์ข้อความกลับไปให้เธอ แล้วลุกจากหน้ามินิบาร์ไปที่ห้องนอน อาบน้ำนอน เตรียมพร้อมสำหรับวันพรุ่งนี้ วันที่จะได้เห็นหน้าเธอ
……………….
ห้องนอนของทิตยา
เสียงเตือนข้อความเข้าทำให้ทิตยาเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ส่งให้ธิมาดา เพราะคิดว่าน่าจะเป็นเพื่อนของเธอ
“ของปลายนั่นแหละ พี่ต้นน่ะ” ธิมาดาพูดยิ้ม ๆ หลังจากอ่านข้อความไปแล้ว
ทิตยารับโทรศัพท์มาเปิดอ่านแบบงง ๆ ก็ร้อยวันพันปีเขาไม่เคยที่จะส่งข้อความมาหาเธอเลย แม้แต่โทรหาก็แทบจะนับครั้งได้
‘นอนหลับฝันดีนะครับน้องปลายของพี่ต้น’
