บทที่2
“อย่าเรื่องมากนักจะได้ไหม รีบๆ ขึ้นมา! ผมต้องรีบกลับมาอ่านหนังสือสอบ ไม่มีเวลามาทะเลาะด้วย!” เมื่ออีกฝ่ายว่ามาแบบนั้น เธอจึงไม่มีทางเลือก จำต้องพาตัวเองขึ้นมานั่งซ้อนท้ายจักรยานคันเก่าของเขาอย่างช่วยไม่ได้ ซึ่งกล้าตะวันก็ไม่ได้พูดอะไร นอกจากทำหน้าที่ปั่นจักรยานไปส่งคุณหนูของแม่ตามคำสั่งเด็ดขาดของท่าน
“ขับช้าๆ หน่อยสิ ถ้าฉันตกไปจะว่าไง!” แต่ไม่นานเสียงตวาดของคนเอาแต่ใจก็ดังขึ้น เมื่อรู้สึกว่าแรงของรถนั้นเริ่มจะเร็วขึ้นเรื่อยๆ
“นายคงมีความสุขมากกว่านี้ ถ้าคนที่นั่งซ้อนท้ายเป็นยัยแหวน แทนที่จะเป็นฉันสินะใช่ไหม!” ความเงียบที่อีกคนมอบให้กันนั้น สร้างความไม่พอใจแก่อินทุอรเป็นอย่างมาก เธอถึงได้ตวาดถามขึ้น พร้อมๆ กับทุบฝ่ามือลงไปที่หลังของกล้าตะวันเข้าอย่างเต็มแรง
“ก็แล้วแต่คุณจะคิดอย่างน้อยเป็นคุณแหวนก็ดีกว่าคุณ!”
“เป็นฉันแล้วมันทำไม! พูดมาเดี๋ยวนี้นะไอ้กล้า เป็นอย่างฉันแล้วมันทำไม!” หนนี้ไม่พูดเปล่า มือบอบบางจัดการระดุมทุบเข้าไปในแผ่นหลังของอีกคนอย่างแรง ส่งผลให้เสียงเข้มต้องตวาดขึ้นสู้
“โอ้ยนี่คุณ อย่าดิ้นสิเดี๋ยวรถล้ม!” พูดไม่ทันคาดคำ จักรยานคันเก่าที่โซเซไปมาอย่างน่าหวาดเสียว ก่อนจะก้มลงข้างทางอย่างแรง ท่ามกลางเสียงร้องแสบแก้วหูที่ดังขึ้นตามติดทันทีที่ตั้งสติได้
“ไอ้กล้า นี่แกแกล้งฉันเหรอ!” จะเรียกว่าแกล้งก็คงไม่ถูกนักเพราะครั้งนี้เขาเองก็เจ็บตัวไม่น้อย แต่ถึงจะรู้แก่ใจแบบนั้น กล้าตะวันก็ยังเลือกที่จะเงียบก่อนที่เขาจะพาตัวเองเดินตรงเข้าไปหา
“ไหนเจ็บตรงไหน ขอผมดูหน่อย...”
“ไม่ต้องมายุ่งเลย! ฉันจะเป็นจะตายเกี่ยวอะไรกับนาย แล้วก็อย่าคิดจะเอามือสกปรกมาโดนตัวฉัน!” และก็เป็นอีกครั้งที่คำพูดอวดดีของคนตรงหน้าหยุดเขาเอาไว้ ไหนจะสายตาจงเกลียดจงชังที่จ้องมองมานั่นอีก ทั้งหมดที่เกิดขึ้นจากคนตรงหน้า มันยิ่งจะทำให้เขารู้สึกต่ำต้อยด้อยค่ามากกว่าที่เป็นอยู่ และคนเพียงคนเดียวที่ทำให้เขารู้สึกแบบนี้ได้นั้นก็เห็นจะมีแต่อินทุอรเพียงคนเดียวเท่านั้น
“คิดว่าผมอยากถูกตัวคุณนักรึไง! อวดเก่งนักก็หาทางกลับบ้านเอาเองก็แล้วกัน!” หนนี้ไม่พูดเปล่า แต่ร่างสูงกลับเลือกที่จะหมุนตัวเดินหนี เดือดร้อนคนที่กำลังจะ ‘ถูกทิ้ง’ ต้องรีบร้องโวยวาย
“กรี๊ดดด ไอ้กล้าตะวันบ้า นี่อย่าไปนะ กลับมาเดี๋ยวนี้ แกกล้าดียังไงทิ้งฉันไว้ที่นี่ห๊ะ ฉันบอกให้กลับมาไง…โอ้ย!” หากไม่เป็นเพราะเสียงร้องที่ดังขึ้นตบท้าย กล้าตะวันคงบอกตัวเองให้เดินต่อไปไม่ต้องสนใจแล้ว เด็กหนุ่มได้แต่ลอบถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับมาหาคุณหนูจอมงี่เง่าอีกครั้ง
“ขึ้นมา!”
หนนี้เขาเลือกที่จะหันหลังนั่งยองๆ ให้อีกคนขึ้นขี่หลัง และหากหนนี้เธอยังดื้อไม่เลิกอีกเขาจะไม่ใจดีกับเธออีกต่อไป พอกันที!
อินทุอรแน่นิ่งไปนาน ก่อนจะยอมตวัดมือไปโอบรอบคอแกร่งเมื่ออีกคนทำท่าจะลุกหนีกันไปอีกรอบ เขารอจนแน่ใจว่าเธอจะไม่ก่อเรื่องอะไรอีก ถึงได้ค่อยๆ ลุกขึ้น ความใกล้ชิดที่มากกว่าครั้งไหนๆ ส่งผลให้ใจดวงน้อยเต้นรัวแรงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
“นี่ เดินเบาๆ หน่อยสิ!”
“เรื่องมากจริง!” ถึงปากจะเอ่ยบ่น แต่ฝีเท้าที่ก้าวเดินไปเบื้องหน้าก็ยอมชะลอลงอย่างช้าๆ นั่นเลยทำให้อินทุอรถึงกับลอบยิ้ม เมื่อในที่สุดยกนี้เธอก็สามารถเอาชนะเขาอีกจนได้!
ใช้เวลาร่วมสิบนาทีเห็นจะได้ ก่อนคนทั้งคู่จะมาถึงจุดหมาย กล้าตะวันค่อยๆ วางร่างเล็กที่แบกมาไกลหลายกิโลลงพื้น ก่อนจะเฝ้ามองจนแน่ใจแล้วว่าอีกฝ่ายเดินหายเข้าไปในบ้านแล้ว ถึงได้หมุนตัวเดินกลับไปยังบ้านพักของตนเองกับมารดา โดยไม่รู้เลยว่าทุกย่างก้าวของตนเองนั้น ถูกจ้องมองจากสายตาสองคู่ตลอดเวลา
“กลับมาแล้วเหรอจ๊ะน้องเรย์” กระทั่งหนึ่งในนั้นเห็นร่างของน้องสาวนอกสายเลือดเดินเข้ามาในบ้านถึงได้เอ่ยทักทายขึ้น ต่างจากคนถูกเรียก ที่ได้แต่จ้องมองคนตรงหน้ากลับไปด้วยความชิงชัง หากเทียบกันแล้ว คนตรงหน้าก็ไม่ต่างอะไรจากเครื่องทดสอบความอดทนอดกลั้นของเธอเลยสักนิด
