บท
ตั้งค่า

4 เด็กดื้อ

“ทำไมฉันรู้สึกว่ายิ่งเรียนมันยิ่งยากและงานท่วมหัวมากทั้งๆ ที่เพิ่งจะเปิดเทอมไปได้ไม่นาน คนสวยเบื่อที่สุด เรียกว่าแทบจะกินนอนกับหนังสือเล่มหนาๆอยู่แล้วทุกวันนี้” กัสโอดครวญเสียงเศร้าสร้อย ทำหน้าตาห่อเหี่ยว พลางซบหน้าเกลี้ยงเกลาลงกับท่อนแขนตัวเองให้เพื่อนรักฟัง

“ชินได้แล้วมั้งเพราะคงต้องเจอแบบนี้ไปเรื่อยๆจนกว่าจะจบนั่นแหละแม่คนสวย” จัสมินพูดแล้วจับมือกัสบีบคล้ายให้กำลังใจคนขี้บ่นยิ้มๆ บ่นกันได้ทุกวันเรื่องนี้แต่บ่นไปก็ต้องก้มหน้าทำตามคำสั่งของอาจารย์ทุกคนอยู่ดี

“อุ๊ยๆ คนนั้นๆอาจารย์อนาวินสุดหล่อนี่นา พาสาวสวยแต่น้อยกว่าฉันมากินข้าวสองต่อสองด้วย เขานั่งอยู่โต๊ะข้างหลังเยื้องๆ กับโต๊ะพวกเรานี่เอง แฟนมะหรือว่าไม่ใช่วะนั่น มาก่อนหรือมาหลังเราก็ไม่รู้ด้วยเพิ่งจะเห็น ไม่ต้องเดินเข้าไปทักทายหรอกเนอะ” กัสพูดเสียงเบาอย่างเกรงๆเพราะกลัวคนที่กำลังกล่าวถึงได้ยิน ช่างเปลี่ยนอารมณ์ได้เร็วจนเพื่อนพากันส่ายหน้า

“อือๆ เราไม่ต้องเสนอหน้าเข้าไปทักหรอกหรอกเผื่อเขาอยากนั่งเป็นส่วนตัว แต่ขอฉันหันดูแป๊บนะว่าจะสวยสู้แกไม่ได้จริงไหมนังตุ๊ด

หลงตัวเอง” ดาด้าค่อยๆเอียงคอหันไปทางด้านหลังของตนเองแล้วรีบหันกลับมาด้วยความรวดเร็วเมื่อสายตาดันปะทะเข้ากับสายตาของอาจารย์หนุ่มที่มองมาเข้าพอดี

“ทำไมอ่ะ อาจารย์อนาวินเขาจับได้ว่าเธอแอบมองเหรอจ๊ะดาด้า” จัสมินเห็นท่าทางแตกตื่นของเพื่อนจึงถาม ดาด้ายิ้มแหยแล้วพยักหน้าช้าๆ เธอเลยลองเนียนๆมองมั่งปรากฎว่าสายตาก็ปะทะเข้ากับเขาอย่างจังอีกเช่นกัน รอยยิ้มที่กระตุกขึ้นของคนที่ลอบมองทำเอาใจแอบสั่นเล็กน้อย คล้ายเด็กทำผิดแล้วถูกผู้ใหญ่จับได้ และแววตาฉายแววแกมขบขันเหมือนจะอ่านความคิดของเธอได้นั้น ทำให้แก้มร้อนผ่าว

อนาวินจ้องตอบพลางเลิกคิ้วถามประมาณว่ามีปัญหาอะไรกับเขางั้นเหรอโดยไม่ได้แสดงท่าทางอะไรมากมาย แต่ใครจะรู้ว่าภายใต้ใบหน้าเรียบเฉยนั้นเขากำลังยิ้มอยู่ น้องสาวที่มัวแต่คุยโทรศัพท์กับคนรักก็ไม่ได้สนใจพี่ชายอย่างเขามากนัก เกือบสิบห้านาทีที่เข้ามานั่งในร้านสายตาที่มองดูบรรยากาศก็เห็นลูกศิษย์สามคนที่คุ้นหน้าคุ้นตาตลอดระยะเวลาที่ทำหน้าที่สอนให้ความรู้ชั่วคราวพากันเดินขึ้นมาบนชั้นสองของร้านอาหารแห่งนี้ โดยเฉพาะใบหน้าของสาวน้อยจัสมิน

“งั้นเราก็อย่าสนใจเลย ดีไม่ดีพวกเราอาจซวยได้ถ้ามองมากๆ อาจารย์เขายิ่งมีมุมดุๆอยู่ด้วย เอาเป็นว่าเมื่อกี้นี้ฉันไม่ได้บอกอะไรแก

สองคนก็แล้วกันนะเพื่อนเลิฟ กินเถอะน่ากินทั้งนั้นเลย” กัสชี้นิ้วลงบนโต๊ะที่มีอาหารหลายอย่างที่ถูกทยอยนำมาเสิร์ฟบ้างแล้วแต่ยังไม่มีใครตักเข้าปากสักคน

“กินๆ” จัสมินเป็นคนแรกที่ตักอาหารเข้าปากและบอกกับตัวเองว่าอย่าไปสนใจใครอีกเลย

“หึ”

หลังงานเลี้ยงคืนนั้นเขาก็ไม่ได้ทักทายเป็นการส่วนตัวกับแม่หนูจัสมินเพราะโอกาสมันไม่เอื้ออำนวย อาทิตย์ละสองชั่วโมงที่สอน

พอทำหน้าที่ตรงนี้เสร็จเรียบร้อยก็กลับไปทำงานของตัวเองที่โรงแรมต่อ ไม่ได้สุงสิงหรือข้องแวะกับใครเป็นพิเศษ นับจากวันนั้นก็สองอาทิตย์แล้วที่นักศึกษาเรียกเขาว่าอาจารย์

แป๊น!

“อุ๊ย!” คนกำลังคิดอะไรเพลินๆอยู่ถึงกับสะดุ้งสุดตัวเมื่อจู่ๆก็มีรถยนต์มาบีบแตรใส่ให้ตกใจเล่น แล้วก็ถึงบางอ้อเมื่อกระจกรถคันดังกล่าวถูกลดลงมาจนสุดพร้อมใบหน้าที่คุ้นเคย คิดอย่างนั้นคงไม่ผิดเท่าไหร่นัก

“ทำไมถึงมายืนอยู่ในที่มืดๆคนเดียวตรงนี้ล่ะ เพื่อนเราหายไปไหนกันหมดจัสมิน” อนาวินถามเสียงดุอย่างไม่ชอบใจเอาเสียเลย เนื่องจากจุดที่ลูกศิษย์เขายืนมันคือมุมค่อนข้างอับแม้จะมีรถวิ่งเข้าออกก็ตาม ทำไมถึงได้คิดอะไรตื้นๆ ก็ไม่รู้

“หนูรอคนที่บ้านมารับค่ะอาจารย์ ส่วนเพื่อนก็กลับกันไปหมดแล้วล่ะค่ะ” จัสมินตอบเสียงขุ่นพลางเหล่ตามองคนในรถที่ดุเธอ ไม่มีผู้หญิงนั่งในรถแสดงว่าเขาแยกกันมา เสียดายเหมือนกันนะเนี่ยที่ไม่เห็นว่าสาวสวยคนนั้นหน้าตาเป็นยังไง

“ขึ้นรถสิครับจัสมิน เดี๋ยวผมจะเป็นคนไปส่งคุณที่บ้านเอง โทรบอกคนขับรถไปว่าไม่ต้องออกมาแล้วเพราะเดี๋ยวจะคลาดกันซะเปล่าๆ”

ถึงที่นี่จะเป็นร้านอาหารแต่ใช่ว่าคนเมาจะไม่มีเสียเมื่อไหร่ ขึ้นชื่อว่าร้านอาหารถ้ามีของมึนเมาขายให้ลูกค้ามันก็ไม่ต่างอะไรกับผับบาร์มากมายนักหรอก ประกอบกับรูปร่างหน้าตาที่ดึงดูดสายตาบรรดาเพศตรงข้ามให้มองจนยากจะถอนสายตาขนาดนี้ด้วยยิ่งปล่อยเอาไว้คนเดียวไม่ได้

“ขอบคุณมากนะคะที่ใจดีจะไปส่งที่บ้าน แต่หนูไม่รบกวนอาจารย์หรอกค่ะ เดี๋ยวลุงคนขับรถก็มารับแล้ว” เธอปฏิเสธความหวังดีนั้นอย่างไม่ต้องคิดให้เสียเวลา การไปกับคนแปลกหน้าสองคนในตอนกลางคืนแบบนี้ไม่น่าไว้ใจ ถึงแม้จะเป็นอาจารย์ก็ยังแปลกหน้าอยู่ดี ขอยืนรอที่เดิมจนกว่าลุงสมชายจะมาดีกว่า

“อย่าเพิ่งดื้อตอนนี้ได้ไหมจัสมิน รถของผมมันปิดทางออกอยู่รีบๆ ขึ้นมาถ้ายังไม่อยากถูกคันข้างหลังเขาด่าหรือบีบแตรไล่ส่งเอาน่ะ” อนาวินเร่งคนท่ามากที่ไม่ยอมให้ไปส่งอย่างใจไม่ค่อยเย็นสักเท่าไหร่แล้ว ส่วนจัสมินก็มองรถคันที่แล่นมาจ่อทางด้านหลังของคนใจดีที่ขันอาสาจะไปส่งโดยไม่ได้ขอแล้วเม้มปากแน่นอย่างใช้ความคิด ครั้นจะดื้อไม่ขึ้นเขาก็คงไม่ยอมขยับง่ายๆเลยจำใจเอื้อมมือเปิดประตูเข้าไปนั่งอย่างไม่ค่อยจะเต็มใจ

“อาจารย์ส่งหนูลงแถวๆนี้ก็ได้ค่ะ แต่ขอเลือกสถานที่ที่คนค่อนข้างพลุกพล่านหน่อยนะคะ หนูจะได้ไม่ยืนเคว้งอยู่คนเดียว” ตอนนี้มันมืดแล้วต้องคิดอะไรให้ละเอียดรอบคอบนิดนึง สมัยนี้ยิ่งมองโลกในแง่ดีมากไม่ได้ด้วย คำขอของสาวน้อยที่นั่งตัวเกร็งมองออกไปนอกหน้าต่างชวนให้หลุดยิ้ม

“บ้านคุณอยู่แถวไหนเหรอครับจัสมิน ช่วยเป็นแผนที่ชั่วคราวบอกทางผมด้วยจะได้ไปส่งได้ถูกที่” ถามกลับโดยไม่ฟังในสิ่งที่สาวน้อยวอนขอ ในเมื่อเขาบอกแล้วว่าจะไปส่งเขาก็ต้องไปส่งไม่ปล่อยทิ้งเอาไว้กลางทางคนเดียวเด็ดขาด

“ตกลงว่าคุณจะไปส่งหนูให้ได้เลยใช่ไหมคะอาจารย์อนาวิน คนเขาไม่ต้องการยังจะมัดมือชกอีก ฉันล่ะเชื่อเขาเลย” ปากเล็กขยับเขยื้อนบ่นเป็นหมีกินผึ้ง สงสัยระลึกได้ว่าต้องใจดีมีเมตตาในฐานะอาจารย์ผู้แสนเพอร์เฟคงั้นสิ ถ้าหากบ้านดันอยู่คนละทางห่างกันอ้อมโลกอย่ามาโวยวายทีหลังแล้วกัน อยากเสนอตัวไปส่งทั้งที่ไม่ได้อ้อนวอนขอเองแบบนี้เธอไม่ผิดนะ

“จะต้องให้ย้ำอะไรนักหนา ผู้ใหญ่เขาพูดยังไงก็ช่วยทำตามโดยไม่ต้องมีข้อโต้แย้งได้ไหม บอกมาได้แล้วอย่ามัวแต่ลีลาอยู่มันเสียเวลาเข้าใจไหมครับคุณจัสมิน คิดซะว่าช่วยพาลูกนกลูกกาไปส่งบ้านมันไม่ถึงกับตายหรอก” ถือโอกาสสอนไปในตัวแต่ก็เท่านั้นคงจะเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาอีกตามแบบฉบับคนดื้อ เท่าที่เคยเจอผู้คนมาหลากหลายรูปแบบเรื่องยั่วโมโหเด็กคนนี้ทำได้ดีไม่แพ้ใครหน้าไหนทั้งนั้น นอกจากจะไม่เกรงกลัวแล้วยังต่อปากต่อคำได้เสมอต้นเสมอปลาย

“อยู่ที่...” และถ้าคิดว่าเสียเวลามากจะมาส่งทำไมล่ะ

“ก็แค่นั้น”

หลังจากยอมปริปากบอกว่าบ้านอยู่ที่ไหนและโทรบอกคนขับรถให้วกรถกลับบ้านไม่ต้องมารับแล้วภายในรถก็มีเพียงเสียงเพลงสากลคลอเบาๆ ไร้การพูดคุยของคนทั้งคู่ ปากเล็กอ้าหาวอยู่หลายครั้งเพราะแอร์มันเย็นบวกเพลงช้าหวานซึ้งที่เจ้าของรถเปิดฟังเลยชวนให้ง่วงแต่ต่อให้ง่วงยังไงก็ฝืนถ่างตาเอาไว้เต็มที่ เมื่อไหร่จะถึงบ้านสักทีนะ คิดถึงเตียงนุ่มๆจะแย่อยู่แล้ว

“ถ้าง่วงมากก็หลับซะจัสมิน ถึงบ้านคุณแล้วผมจะปลุกให้ตื่นเอง ไม่ต้องทนฝืนให้ทรมานหรอก รถมันติดแบบนี้น่าจะอีกนานเลยแหละ” เห็นแล้วมันน่าขำไม่น้อยแต่ถ้าขืนหัวเราะออกมาตรงๆอาจจะโดนคนที่เหมือนจะงอนพาลเอาได้ เป็นคนสวยน่ารักแต่ดันทำตัวไม่ห่วงภาพลักษณ์ตัวเองเลย หญิงสาวที่เคยนั่งหน้ารถเขาไม่เคยมีกิริยาท่าทางเช่นนี้มาก่อน มีแต่คอยทำตัวสวยให้เขามองจนบางครั้งมันก็เกิดอาการเอือมระอาเพราะไม่ได้สวยออกมาจากข้างในแต่มันคือการแกล้งทำ!

“หนูยังโอเคค่ะ ปกติชอบนอนดึกเป็นประจำอยู่แล้ว” พูดจบก็หาวขึ้นมาอีกรอบจนน้ำตาไหลเลยต้องรีบเบือนหน้าหนีออกไปทางหน้าต่างแทนเพราะกลัวจะโดนหัวเราะเยาะ นอนดึกน่ะไม่ได้โกหกจริงๆแต่ไม่รู้ทำไมวันนี้มันถึงได้ง่วงนักนะ

“เด็กคนนี้ดื้อจริงๆเลย” ดูก็รู้แล้วว่าอยากนอนจะแย่แต่แค่ไม่ยอมรับความจริงก็เท่านั้น

“เปล่าดื้อนะคะ หนูแค่ไม่อยากนอนหลับต่อหน้าคุณก็เท่านั้นเอง” ถึงเขาจะเป็นอาจารย์ผู้เคร่งขรึมแต่สำหรับเธอเขาก็คือคนแปลกหน้าสำหรับเธออยู่ดี ไว้ใจได้มากแค่ไหนก็ไม่รู้ เม้มปากแล้วเผลอมองค้อนอย่างลืมตัว นึกขึ้นได้เลยรีบปรับสีหน้าเป็นปกติ เกิดถูกปล่อยทิ้งกลางทางแย่แน่

“หึ”

ริมฝีปากหยักกระตุกขึ้นเล็กน้อย เด็กคนนี้ฉลาดที่จะพูดมาก เหมือนไม่มีอะไรแอบแฝงในคำพูดแต่เขารู้ดีว่ามันเป็นการบอกตรงๆว่า

ไม่ไว้ใจเขา คนที่บ้านคงสอนสั่งมาเป็นอย่างดี สีหน้าและแววตาก็คอยระแวดระวังภัยอยู่ตลอดเวลาตั้งแต่ก้าวขาขึ้นมานั่งบนรถด้วยกันแล้ว แม้ว่าตาดวงโตๆนั่นจะหรี่ปรือพร้อมจะปิดลงได้ทุกเมื่อก็ตาม อยากรู้นักว่าจะเก่งไปได้อีกสักกี่น้ำกัน อวดดีไม่เข้าเรื่องแต่ให้ไม่เกินสิบนาทีแม่หนูน้อยนี่คงได้หลับคอพับคออ่อนคาเบาะ

แล้วมันก็จริงดังคาด

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel