4 เด็กดื้อ (2)
“ช่วยออกไปคุยกันที่อื่นได้ไหมคะ จัสมินจะนอน ทำไมต้องพากันมาคุยในห้องนอนจัสมินล่ะคะพี่ๆขา นี่มันถึงเวลาทำความสะอาดแล้วเหรอคะเนี่ย” จัสมินผงกศีรษะขึ้นมาถามอย่างงัวเงีย ผมเผ้าปิดหน้าปิดตาจนมองแทบไม่เห็นอะไรนอกจากความสลัวๆของแสงไฟบนเพดาน เสียงพูดคุยดังแว่วมาสักพักอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากหูรบกวนการนอนแสนสุขจนหลับต่อไม่ได้
“ผมขอเวลาส่วนตัวสักครู่นะครับคุณตั๊ก” เขาขอตัวจากเลขาผู้ทรงประสิทธิภาพแล้วเดินตรงดิ่งมายังร่างแบบบางที่เริ่มงอแงเพราะถูกรบกวนการนอน พลางยอบตัวลงนั่งบนส้นเท้า และช่วยปัดผมที่เกะกะออกให้อย่างเบามือระคนเอ็นดู ดึงผ้าห่มผืนหนาที่ร่วงลงไปกองอยู่บนหน้าท้องให้มิดลำคอเพราะอุณหภูมิในนี้ค่อนข้างเย็น ทุกการกระทำตกอยู่ในสายตาของเลขาที่เฝ้ามองด้วยรอยยิ้ม
“จัสมินจะฟ้องป๋าถ้าพวกพี่ยังไม่เลิกก่อความวุ่นวายกับจัสมิน” ขู่และปัดมือที่ยุ่มย่ามที่ข้างแก้มออกอย่างรำคาญ อาการท่าทางแบบนี้มันเด็กน้อยชัดๆ ในสายตาคนมอง
“นอกจากชอบดื้อตาใสแล้วยังเป็นเด็กขี้ฟ้องอีกด้วยเหรอเนี่ย หืม” บีบแก้มนิ่มแต่ก็ไม่กล้าลงแรงมากนักเพราะกลัวจะเจ็บแล้วยิ้มขำปนเอ็นดู ถึงขนาดเอาพ่อมาข่มขู่กันเลยทีเดียว สมควรจะกลัวดีไหมเนี่ยกับคำขู่ของคนนอนละเมอ
“เธอน่ารักมากนะคะคุณวินขา ขนาดนอนหลับยังน่ารักน่ามองมากๆเลยค่ะ น่าเอ็นดูจริงๆ เลยแม่คุณ” เลขาสาวใหญ่เอ่ยปากชมด้วยความสัตย์จริง ตั้งแต่ร่วมทำงานด้วยกันมาเธอยังไม่เคยเห็นเจ้านายหนุ่มรูปงามพาผู้หญิงคนไหนมาที่บริษัทเลยสักคนเดียว มีสาวน้อยคนสวยที่พาอุ้มเข้ามานี่แหละเป็นคนแรกและดูเหมือนว่าจะมีความสำคัญไม่น้อยเลยทีเดียว
“ครับ” เขาไม่เถียงเพราะจัสมินนั้นน่ารักจริงๆ แม้ว่าในบางครั้งจะชวนให้โมโหมากก็ตาม
“จัสมินบอกว่า อ๊ะ!” ลืมตาขึ้นมาก็สตั๊นไปสามวินาทีเมื่อประสานสายตากับอาจารย์อนาวินเข้าอย่างจังๆ มันหมายความว่ายังไงกันเนี่ย
เขาเข้ามาอยู่ในห้องนอนของเธอได้ไงกันหรือว่านี่มันคือความฝัน ใช่!! เธอต้องกำลังฝันอยู่แน่นอน
“ตื่นแล้วเหรอครับจัสมิน” เสียงทุ้มนุ่มถามคนที่กำลังมึนงงอย่างอ่อนโยน ถ้าเป็นเวลาปกติจัสมินคงจะเขินแก้มแดงเป็นแน่แต่ตอนนี้มันไม่ใช่
“นี่ความฝันหรือว่าเรื่องจริงคะ” กระพริบตาปริบๆแล้วมองไปรอบตัวก็เห็นผู้หญิงแปลกหน้ายืนส่งยิ้มมาให้ ลองหยิกเนื้อตัวเองที่แขนก็สะดุ้ง อนาวินนิ่วหน้าอย่างไม่ชอบใจ ดึงแขนเล็กที่มีรอยแดงมาลูบให้อย่างเบามือ
“พอดีผมมีงานด่วนที่ต้องรีบเคลียร์ ไปส่งคุณที่บ้านก่อนก็กลัวจะไม่ทันการเลยพามาด้วยกันเลย เอาเป็นว่าถ้าหากเสร็จธุระตรงนี้แล้วผมจะพาไปส่งที่บ้านนะครับ ขอโทษด้วยที่ทำให้ตื่นขึ้นมา นอนต่อตามสบายเถอะ” อธิบายให้คนมึนงงได้เข้าใจก่อนจะโวยวายออกมาเมื่อตั้งสติได้แล้ว
“โอ๊ย! ไม่สะดวกไปส่งแล้วทำไมไม่รีบปลุกหนูให้ตื่นล่ะคะจะได้ให้คนที่บ้านมารับกลับ เกิดป๋ารู้ว่าป่านนี้หนูยังกลับไปไม่ถึงบ้านมีหวังได้กลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตแน่เลยค่ะ ฮือ” จัสมินโอดครวญพลางยกมือขึ้นลูบหน้าลูบตาตัวเองอย่างเคร่งเครียดแล้วรีบสอดส่ายสายตามองหากระเป๋าสะพายให้วุ่น ถึงป๋ากับมามี๊จะไปต่างจังหวัดไม่อยู่บ้านสามวันแต่ใช่ว่าเธอจะไปไหนมาไหนได้สะดวกเสียเมื่อไหร่
“มองหาอะไรอยู่”
“กระเป๋าค่ะ หนูจะเอาโทรศัพท์”
“รบกวนคุณตั๊กไปหยิบกระเป๋าที่โต๊ะทำงานมาให้ทีครับ”
พออนาวินเอ่ยถึงบุคคลที่สามคนที่เพิ่งตื่นก็เพิ่งจะรู้ถึงการมีตัวตนของใครอีกคนที่ยิ้มแย้มอย่างใจดีก่อนจะสาวเท้าไปเอาสิ่งที่ต้องการมาให้ด้วยความรวดเร็ว
“ขอบคุณค่ะ”
“ด้วยความยินดีค่ะ”
“ทางนี้เดี๋ยวผมจัดการต่อเองดีกว่าครับ คุณตั๊กกลับบ้านไปพักผ่อนเถอะครับนี่มันดึกมากแล้ว เดี๋ยวคนที่บ้านเขาจะเป็นห่วงแย่ ขอบคุณมากสำหรับงานล่วงเวลาในคืนนี้”
เขาห่วงเลขาของตัวเองและกลัวว่าคนที่บ้านจะเป็นห่วงเธอ แล้วเธอล่ะทำไมเขาถึงไม่คิดแทนอย่างนี้บ้างนะ พามาที่นี่โดยไม่ถามความสมัครใจก่อนเลย ยอมรับแหละว่าหลับแต่เขาก็ปลุกได้นี่นา ไม่น่าจะเลยเถิดพามาด้วยแบบนี้ และเดี๋ยวนับจากนี้ก็ต้องอยู่ในนี้กับเขาตามลำพังสองคนแล้วด้วย ต้องรีบโทรบอกคนที่บ้านให้มารับสิ เรื่องอะไรจะต้องอยู่ที่นี่ด้วย
“เอาอย่างนั้นเหรอคะคุณวิน” ถามอย่างเกรงใจแต่พอเจ้านายพยักหน้าจึงไม่เซ้าซี้ต่อ “งั้นดิฉันขอตัวกลับเลยนะคะ” กล่าวจบก็ไม่ลืมยิ้มให้สาวน้อยหนึ่งเดียวที่นั่งหน้าตูมกดโทรศัพท์อยู่บนโซฟาทิ้งท้ายก่อนจะรีบเดินออกจากห้องทำงานของเจ้านาย
“หนูว่า”
“ผมอยากดื่มกาแฟร้อนสักแก้ว ช่วยไปชงมาให้หน่อยได้ไหมครับ เดินออกไปแล้วเลี้ยวซ้ายจะเจอห้องครัว เอารสชาติที่คุณชอบดื่มนั่นแหละง่ายดี หวังว่าคงไม่รบกวนจนเกินไปนะ” ฝ่ามืออบอุ่นวางทาบบนศีรษะเล็กแล้วโยกเบาๆ และใช้มืออีกข้างริบโทรศัพท์ในมือเล็กก่อนจะเดินกลับไปที่โต๊ะทำงานสร้างความไม่พอใจให้เจ้าของจนแทบจะแยกเขี้ยวน้อยๆ ออกมากัดขย้ำหากทำได้
“อาจารย์ไม่มีสิทธิ์มายึดของหนูไปแบบนี้นะคะ” เมื่อโดนแย่งสิ่งสำคัญไปใครจะทนนั่งเฉยอยู่ได้ ลุกแล้วก้าวขาตามหลังเจ้าของห้องทำงานไปติดๆ หน้าง้ำหน้างอมายืนแบมือขอคืนชิดเก้าอี้นวมตัวใหญ่ที่ชายหนุ่มเพิ่งทรุดกายลงนั่ง โล่งอกไปได้นิดหน่อยที่มีโอกาสก่อนจะโดนยึดมือถือได้เห็นว่าไม่มีสายใครโทรเข้ามานอกจากการแจ้งเตือนของไลน์
“ผมอยากดื่มกาแฟ ช่วยไปชงมาให้หน่อยได้ไหมครับจัสมิน” เสียงทุ้มกล่าวย้ำถึงความต้องการเดิม พร้อมรอยยิ้มที่ชวนให้จัสมินต้องเม้มปากแน่นเพื่อสะกดกลั้นไม่ให้ตัวเองหลงคารมท่านประธานหนุ่มผู้นี้แต่มันก็ยากเหลือเกินเหมือนเขามีมนต์สะกดให้ทำตามได้ง่ายๆ
“งั้นก็รอสักครู่นะคะ ถ้ารสชาติไม่ถูกใจอย่ามาว่าหนูก็แล้วกัน” อยากจะประท้วงไม่ทำให้ตามต้องการแต่ใจจืดใจดำกับใครเขาไม่ได้นานก็ต้องยอม
“ถ้าชงไม่อร่อยก็จะให้เดินกลับไปชงมาใหม่จนกว่าจะได้รสชาติที่อร่อยถูกปากนั่นแหละ อย่าได้คิดแกล้งกันเชียวนะตัวแสบถ้าไม่อยาก
โดนทำโทษน่ะ” ดักคอไว้ก่อน พลางมองตามแผ่นหลังบอบบางที่เดินหายไปแล้วส่ายหน้ายิ้มๆ
“ถ้าชงไม่อร่อยจะให้ชงใหม่จนกว่าอร่อยนั่นแหละ คนบ้า!!” ปากจิ้มลิ้มขมุบขมิบล้อเลียนคำพูดแกมขู่นั้นแล้วถอนหายใจยาว
“และนี่ก็ดึกมากแล้วยังจะอยากดื่มกาแฟอีก ไม่เอาหรอกไม่ให้ดื่ม ไม่ดีต่อสุขภาพ งั้นจะเปลี่ยนเป็นอะไรดีล่ะ ชา นม น้ำผลไม้หรือว่าเอาโกโก้ไปให้ดื่มดีน๊า”
กลิ่นหอมของชาและโกโก้ที่อบอวลอยู่ในอากาศฉุดดึงสมาธิของอนาวินให้เงยหน้าขึ้นมองคนที่เดินถือถาดใบใหญ่ที่มีเครื่องดื่มร้อนและขนมอบหอมกรุ่นเข้ามาเสิร์ฟให้ถึงโต๊ะทำงาน ไม่มีท่าทีประชดประชันหรือแง่งอนให้เห็นแต่อย่างใด
“ชาดอกคาโมมายล์ค่ะ ดึกแล้วหนูไม่เห็นด้วยที่จะดื่มกาแฟค่ะ คุณสมบัติของชาตัวนี้ที่ช่วยในการคลายกล้ามเนื้อและเส้นประสาท
ช่วยให้ร่างกายผ่อนคลายอย่างเต็มที่ อาจารย์น่าจะทราบใช่ไหมคะ” จัสมินบรรยายสรรพคุณก่อนที่อนาวินจะพูดขัดเพราะไม่ได้สิ่งที่ต้องการคือกาแฟ
ความห่วงใยที่แสดงออกมาจากการกระทำแบบไม่ซ่อนเร้นของจัสมินทำให้อนาวินเกิดความประทับใจ มันคงจะดีไม่น้อยหากในทุกวันได้รับการเอาใจใส่แบบนี้ ทำงานหนักแล้วมีคนคอยเอาใจคงมีความสุขมาก “ขอบคุณครับสำหรับชาหอมๆ แก้วนี้ ขนมล่ะมีอะไรบ้างหืม” แม้จะพอรู้อยู่บ้างว่ามีอะไรแต่เขาก็ยังอยากให้คนนำมาได้แนะนำ และเขาก็พอใจที่ได้เห็นรอยยิ้มพร้อมนำเสนอ
“สโคนบลูเบอร์รี่ ครัวซองท์เนยสด แล้วก็เค้กมะพร้าวค่ะ จะรับอะไรดีคะ ความจริงในตู้เย็นมีมากกว่านี้เยอะเลยนะคะถ้าหากอาจารย์อยากจะทานแซนด์วิซ พายไก่ หรือว่า” เสียงเจื้อยแจ้วของเธอต้องหยุดพูดแค่นี้เพราะมือใหญ่ยกมือขึ้นห้าม พร้อมถาดที่ยังไม่ทันเคลื่อนย้ายสิ่งใดออกไว้ในมือ
“ยกไปทานด้วยกันที่โซฟาดีกว่าเพราะผมไม่อยากเลือก ตามมาเร็วถ้าเย็นแล้วมันจะไม่อร่อยนะ” เขาเดินนำไปก่อน เมื่อคนตัวเล็กยังยืนอยู่ที่เดิมไม่ยอมขยับเลยกวักมือเรียกอีกครั้ง “มาครับจัสมิน หมดไม่รู้ด้วยนะ”
“ทานเสร็จแล้วอาจารย์ส่งหนูกลับบ้านเลยได้ไหมคะ” จัสมินยอมเดินมาแต่ยังไม่ยอมนั่ง อนาวินเลยฉุดข้อมือเล็กให้เซถลาลงนั่งข้างตัว รักษาระยะห่างเอาไว้นิดหน่อยเพื่อไม่ให้คนตัวเล็กรู้สึกอึดอัด พลางตักเค้กมะพร้าวอ่อนมาจ่อที่ปากจิ้มลิ้มสีชมพูระเรื่อที่เขาคิดว่ามัน
น่าสัมผัสมาก แต่ก็ทำแค่คิดและเบี่ยงเบนความสนใจไปที่สิ่งอื่นแทนเพราะกลัวจะทำอะไรไม่เข้าท่าออกมา
“โรงแรมที่ต่างประเทศมีปัญหานิดหน่อย ขอเวลาแก้ไขปัญหาอีกนิดนะครับ เอาล่ะทานเร็วๆเข้าถือช้อนรอจนเมื่อยแล้วนะ”
ความจริงมันไม่ได้เมื่อยอะไรเลยพูดไปอย่างนั้นเอง จัสมินหน้าง้ำนิดๆ มองค้อนหน่อยๆ แต่ก็พยายามจะเข้าใจถึงเหตุผลที่มันดูจะขัดแย้งกับคนงานยุ่งที่ยังมีแก่ใจมานั่งป้อนขนมถึงปาก ให้คนที่บ้านเธอมารับก็น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดแต่ทำไมถึงไม่อยากให้โทรเรียกก็ไม่รู้ คิดอะไรของเขาแล้วอาจารย์กับลูกศิษย์ใกล้ชิดกันแบบนี้มันจะดีเหรอ
“ถ้าอย่างนั้นหนูจึงไม่สมควรรบกวนอาจารย์เป็นอย่างยิ่งเลยค่ะ ให้กลับเถอะนะคะ นะๆ” วางมือลงบนท่อนแขนกำยำข้างที่วางไว้บนหน้าขาแล้วออกแรงเขย่า อนาวินมองมือที่จับแขนตัวเองไว้มั่นแล้วอมยิ้ม อาการของเด็กเอาแต่ใจ
“ไม่ได้รบกวน ดึกแล้วมันอันตรายเข้าใจบ้างสิ อ้าปาก”
จัสมินหลุบตาลงมองเค้กที่อยากกินในตอนแรกแล้วส่ายหน้าปฏิเสธจะไม่กินแต่มือใหญ่ก็ไม่ยอมเช่นกันเลยต้องรับเข้าปากแล้วเคี้ยวอย่างเสียไม่ได้ แล้วมันก็ทำให้เธอติดใจจนอยากจะลิ้มลองอีก
เพราะรสชาติหอมหวานถูกปากละมุนลิ้น
“เป็นไง อร่อยไหมครับ เค้กของโรงแรมนี้”
“อร่อยค่ะ อร่อยมากๆ เลยค่ะ” ทั้งพูดทั้งพยักหน้ายืนยันว่ามันอร่อยจริงๆ และพอคำต่อไปยื่นมาที่ปากก็ไม่อิดออดใดๆ ดวงตาเปล่งประกายเมื่อคำแล้วคำเล่าถูกส่งเข้าปาก คนป้อนก็ป้อนเพลินจนในที่สุดก็หมดลง
“เลอะ”
“ตรงไหนคะ”
อนาวินไม่ตอบแต่ใช้นิ้วหัวแม่มือเกลี่ยที่มุมปากเช็ดส่วนที่เลอะครีมออกให้ มุมปากหยักโค้งยกขึ้นเมื่อเห็นนัยน์ตากลมโตจ้อง
แก้มใสแดงหน่อยๆก่อนจะลดระดับสายตาลงมองแค่หน้าอก สงสัยจะเขิน มันเขี้ยวเขาเลยบีบแก้มนุ่มจนเจ้าของหน้ามุ่ยแล้วแหงนคอจนตั้ง อวดลำคอขาวที่น่าฝากฝังจมูกลงไปซุกไซ้ ความคิดนี้แวบเข้ามาในสมองสันกรามแกร่งเลยบดกันแน่นเพื่อสะกดกลั้นอารมณ์บ้าๆ นี้แล้วจำต้องตัดใจลุกขึ้นจากโซฟา
“ถ้าง่วงก็นอนไปเลยนะ” บอกสั้นๆ และเตรียมจะหันหลังแต่มือนุ่มๆ ก็คว้าข้อมือเอาไว้ก่อน
“หนูทำอะไรผิดงั้นเหรอคะ” จัสมินถามเสียงอ่อยเพราะคิดว่าตัวเองคงทำอะไรให้อาจารย์ไม่พอใจ อนาวินถอนหายใจแล้วส่ายหน้าพลางบีบมือน้อย
“ไม่ได้ทำอะไรผิดครับ” เขายกมือขึ้นลูบผมจัสมินแล้วยิ้มเอ็นดู รู้จักถามและยังแสดงความกังวลออกมาทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรให้ไม่พอใจเลยสักนิด เขาแค่หงุดหงิดตัวเองไม่เกี่ยวกับเธอเลย
“แน่นะคะ”
“ครับ”
เมื่อเข้าใจกันแล้วทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบสงบ ไม่มีเสียงพูดคุย ไม่รบกวนกันและกัน มีลอบมองลอบสังเกตกันไปมาจนเวลาล่วงเลยผ่านไปนานพอสมควร คนที่ยึดโซฟาเป็นที่นอนก็เข้าสู่ห้วงนิทราอีกครั้ง รอยยิ้มน้อยๆ ที่แต่งแต้มตรงมุมปากบอกได้ว่าในขณะนี้คนหลับกำลังฝันดี
