บท
ตั้งค่า

1.ทวงหนี้

ณ กาสิโนสุดหรู ประเทศฝรั่งเศส ภายในห้องทำงานขนาดใหญ่ ตกแต่งด้วยสไตล์คลาสสิค คุมโทนดำทองด้วยเฟอร์นิเจอร์สุดหรูหราไม่ต่ำกว่าหลักแสน

ยังคงมีร่างกำยำของใครคนหนึ่งนามว่า ราฟาเอล เจ้าของฉายาอสูรร้าย ผู้ที่มีใบหน้าหล่อเหลาราวกับเทพบุตร ทว่าแฝงไปด้วยความร้ายกาจ เหี้ยมโหด ไม่ว่าใครหน้าไหนที่เข้ามากระตุกหนวดเสือ อย่าหวังว่ามันผู้นั้นจะมีชีวิตรอดออกไป

“บอสครับ เกิดเรื่องแล้วครับ” อองรีลูกน้องคนสนิทกล่าวทันทีที่เดินเข้ามาถึงห้องเจ้านาย

“เรื่องอะไร!!” เสียงเยือกเย็นเอ่ยถาม พร้อมวางปากกาในมือ ขณะกำลังเซ็นเอกสาร เงยหน้ามองคนตรงหน้า

“ลูกค้าที่เข้ามาเล่นพนันในกาสิโนตอนนี้กำลังเอะอะโวยวาย จนลูกค้าคนอื่น ๆ ตกใจหมดแล้วครับ” อองรีแจ้งแก่คนเป็นนาย

“มันอยู่ไหน” ถามด้วยน้ำเสียงเรียบ ทว่าแฝงไปด้วยความน่ากลัว

“ตอนนี้ผมให้คนของเราจับมันไปขังไว้ห้องใต้ดินแล้วครับ”

“อืม” ตอบรับลูกน้องเสร็จ ร่างหนาเด้งตัวออกจากเก้าอี้ รีบมุ่งหน้าไปยังจุดหมาย

อองรีมองตามหลังเจ้านาย ก่อนตนเองจะรีบสาวเท้าเดินไปอย่างรวดเร็ว

ร่างสูงใหญ่ของราฟาเอลมาหยุดยังห้องสี่เหลี่ยม โดยมีอองรีทำหน้าที่เปิดประตูให้แก่เจ้านาย

เท้าหนาค่อย ๆ ก้าวเข้าไปข้างใน แววตาดุจพญาเหยี่ยวจ้องมองผู้ก่อเหตุดังกล่าว ซึ่งถูกบรรดาลูกน้องของตนเองมัดไว้กับเก้าอี้

“มึงเป็นใครวะ มาจับกูทำไม” เสียงชายคนดังกล่าวโวยวายทันทีที่เห็นราฟาเอล

“บอสครับ จะเอาอย่างไรกับมันดี” เสียงลูกน้องคนหนึ่งกล่าว

“ฆ่ามัน!!” ชายหนุ่มไม่พูดเปล่า เปิดเสื้อสูทออกมาแล้วหยิบปืนที่แนบกางเกงจ่อใส่คนตรงหน้า

“มึงจะทำอะไรวะ” ชายคนดังกล่าวเอ่ยถามด้วยความหวาดกลัว ใบหน้าเต็มด้วยเหงื่อ

ปัง!!

สิ้นเสียงปืนชายคนดังกล่าวก็สิ้นลมหายใจ เหลือเพียงร่างไร้วิญญาณ

“เอามันไปทิ้ง” ออกคำสั่งกับลูกน้องราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทำเหมือนร่างนั้นเป็นเพียงแค่ขยะ

“ได้ครับบอส” หนึ่งในลูกน้องของราฟาเอลขานรับ

“อองรีสัปดาห์หน้ากูจะบินไปประเทศไทย มึงเตรียมตั๋วเครื่องบินให้กูด้วย กูจะไปดูกิจการกาสิโนที่โน่น”

“ครับบอส ผมจะรีบจัดการให้เร็วที่สุด”

“อืม” กล่าวจบก็เดินจากไป ทิ้งให้บรรดาลูกน้องจัดการส่วนที่เหลือต่อ

ไม่ว่าใครหน้าไหนคิดจะมาสร้างความวุ่นวายแก่กาสิโน อย่าหวังว่ามันผู้นั้นจะได้ออกไปง่าย ๆ ทางเดียวที่จะรอดคือ ความตายเท่านั้น

ณ ประเทศไทย ตลาดสดแห่งหนึ่งมีหญิงสาวหน้าตาสะสวย อ่อนหวาน เรียบร้อยคนหนึ่ง กำลังช่วยสาววัยกลางคนขายข้าวแกง

“เหนื่อยไหมมิน กลับมาจากมหาลัยเหนื่อย ๆ ต้องมาช่วยป้าอีก” นงเยาว์เอ่ยถามหลานสาว

“ไม่เหนื่อยเลยค่ะ แค่นี้สบายมาก แค่ป้าเลี้ยงดูมินมาตั้งแต่เล็ก มินก็ไม่รู้จะตอบแทนอย่างไรดีถึงจะพอ” เสียงหวานกล่าวอย่างคนสำนึกในบุญคุณของคนตรงหน้า

“เอาอีกแล้วนะมิน อย่าคิดมากสิ มินเป็นหลานป้านะ” นงเยาว์ลูบศีรษะหญิงสาวด้วยความเอ็นดู

“มินพูดความจริงนะคะ” เธอยังคงโต้แย้งผู้มีพระคุณ

ตั้งแต่เล็กจนโตก็มีนงเยาว์นี้แหละที่ดูแลเธอมาโดยตลอด เนื่องจากบิดาและมารดาเสียชีวิตลงด้วยอุบัติเหตุ

“ไม่ต้องพูดแล้ว ช่วยป้าเก็บของเถอะ” นงเยาว์พูดตัดบท ไม่อยากให้หลานสาวต้องคิดมาก

“ค่ะ” เสียงหวานขานรับพร้อมช่วยเก็บของ

กระทั่งผ่านไปไม่นาน คนทั้งสองเก็บของจนเสร็จเรียบร้อย ระหว่างเข็นรถกลับบ้านนงเยาว์ก็หาเรื่องชวนมินตราคุยตลอดทาง เพื่อทำลายบรรยากาศความเงียบ

“เอ่อ มิน วันนี้สอบเสร็จวันสุดท้ายแล้วใช่ไหม”

“ใช่ค่ะ”

“แล้วมินอยากจะไปทำงานที่ไหนล่ะ”

“มินอยากทำแถวบ้านนี้แหละค่ะ มินไม่อยากทิ้งป้า”

“โธ่มิน!! ถ้าหนูอยากจะไปทำงานไกล ๆ ก็ไปเถอะ ไม่ต้องห่วงป้า”

“แต่มิน...” หญิงสาวไม่ทันจะเอ่ย จู่ ๆ เสียงหนึ่งก็แทรกขึ้น เมื่อทั้งสองเดินมาหยุดหน้าบ้าน

“แหม...แกหรือฉันกันแน่นางมินที่เป็นลูกของแม่” เสียงแหลมของแก้วตาดังขึ้น

“แกไม่ต้องมาพูดเลยนางแก้ว ไม่ยอมไปช่วยแม่ที่ตลาดแล้วยังจะมาว่าน้องอีก” นงเยาว์ตำหนิบุตรสาว

“โอ๊ย...แม่ งานเหนื่อย ๆ แบบนั้น ฉันไม่ทำหรอก อีกอย่างในตลาดก็สกปรก ฉันไม่ชอบหรอกให้นางมินแหละไปช่วยแม่” แก้วตาพูดด้วยท่าทางจีบปากจีบคอ

“เอ๊ะนางนี่” นงเยาว์พูดพลางจะเข้าไปตีบุตรสาว ทว่าแก้วตาวิ่งเข้าบ้านไปเสียแล้ว

“ป้าคะ ใจเย็น ๆ ก่อนนะคะ” มินตราเดินเข้าไปประคองร่างสาววัยกลางคนที่ยืนหอบ

“อย่าให้ฉันจับแกได้ล่ะนางแก้ว ฉันจะทุบให้เลย” นงเยาว์ตะโกนเข้าไปในบ้าน

“ไม่เอาแล้วนะคะป้า เข้าบ้านกันเถอะ” พยายามห้ามปราม เกรงว่าผู้มีพระคุณจะเป็นลมขึ้นมาเสียก่อน

“ป้ารำคาญนางแก้วจริง ๆ วัน ๆ คอยหาเรื่องแต่กับมิน” นงเยาว์ยังคงกล่าวไม่ยอมหยุด

“เอาเถอะน่าป้า ปล่อยพี่แก้วไปเถอะ เข้าบ้านกันนะ” ส่งยิ้มหวานแก่ผู้มีพระคุณ ช่วยประคองร่างนงเยาว์เข้าไปในบ้าน

การเดินทางมาดูแลกิจการช่วงสองเดือนยังต่างประเทศของราฟาเอล สร้างความฮือฮาแก่บรรดาพนักงานทั้งหลายภายในกาสิโน เพราะความหล่อของชายหนุ่มนั่นเอง

“อองรี กูขอดูทะเบียนลูกหนี้กูหน่อย มีใครบ้างที่เบี้ยวหนี้” เสียงเข้มสั่งกับลูกน้อง

“นี่ครับบอส” อองรีหยิบทะเบียนรายชื่อลูกหนี้จากชั้นวางหนังสือ นำมายื่นให้แก่เจ้านาย

ราฟาเอลรับมาจากมือลูกน้องคนสนิท เขาไล่เปิดทีละหน้า กระทั่งไปสะดุดเข้ากับชื่อหนึ่ง คิ้วดกดำถึงกับขมวดเข้าหากัน

“ธีรพงศ์คือใคร” เอ่ยถามลูกน้อง เงยหน้ามองอย่างคอยคำตอบ

“เอ่อ มันเป็นลูกค้าในกาสิโนครับ” ตอบอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ

“มึงเห็นไหมว่ามันติดหนี้กูหลายแสนแล้ว ไหนจะดอกเบี้ยอีก มันยังไม่จ่ายสักบาทเลย ทำไมถึงยังปล่อยให้มันมาเล่นอีก พวกมึงทำงานประสาอะไรวะ!!” มือหนาโยนสมุดทะเบียนรายชื่อลงบนโต๊ะทำงานด้วยท่าทางเกรี้ยวกราด

“น่าจะเกิดความผิดพลาดนิดหน่อยครับบอส ผมจะรีบส่งคนไปทวงหนี้ทันที”

“เออ รีบทวงมาซะ ถ้ามันไม่มีจ่ายมึงยึดอะไรมาก็ได้ที่มันจะสามารถล้างหนี้กูได้” สายตาดุดันจ้องเขม็งร่างอองรีปานจะกินเลือดกินเนื้อ

“ครับบอส” อองรีรีบผละออกจากห้องทำงานเจ้านาย ขืนช้ากว่านี้มีหวังต้องโดนชุดใหญ่แน่

ระหว่างมินตราเดินกลับจากการสัมภาษณ์งาน ทันใดนั้นหญิงสาวเหลือบไปเห็นมีกลุ่มนักเลงกลุ่มหนึ่ง ทำลายข้าวของบ้านตนเอง เธอรีบวิ่งไปอย่างรวดเร็ว เพราะเป็นห่วงนงเยาว์

“เกิดอะไรขึ้น” เสียงหวานเอ่ยถาม ขณะเดินไปอยู่ใกล้ผู้มีพระคุณ

“มินกลับมาแล้วเหรอลูก”

“เกิดอะไรขึ้นคะป้า ทำไมถึงมีนักเลงที่ไหนมาทำลายข้าวของบ้านเราคะ” เอ่ยถามด้วยความร้อนรนใจ

“ก็ลุงนะสิไปติดหนี้พวกมาเฟียที่บ่อน มันเลยมาทวงเงิน แต่ลุงไม่มีเงิน พวกมันเลยทำลายข้าวของแถมยังจับตัวนางแก้วไป”

มินตราหันไปมองตามร่างของแก้วตา กำลังตะโกนร้องโวยวาย ขอความช่วยเหลือ

“พ่อแม่ช่วยฉันด้วย ฉันไม่อยากไปกับพวกมัน ฉันกลัว ฮือ ฮือ”

มินตรามองใบหน้าแก้วตาด้วยความสงสาร ก่อนจะผละออกจากนางเยาว์ไปหาชายกลุ่มดังกล่าว

“พวกคุณหยุดเดี๋ยวนี้นะคะ” เสียงหวานเอ่ยหลังจากเดินมาหยุดตรงหน้าอองรี

“เธอเป็นใคร” อองรีมองสำรวจหญิงสาวตรงหน้า

“ฉันเป็นหลานของคนที่ไปติดหนี้พวกคุณ ไม่ทราบว่าลุงของฉันติดหนี้พวกคุณเท่าไร” เอ่ยถามอย่างไม่เกรงกลัว

“นี่พวกแก!! จับนางมินไปเลย ปล่อยฉันเถอะนะ” เสียงของแก้วตาแทรกขึ้น เมื่อเห็นหญิงสาวกำลังยืนเจรจากับอองรี

“สรุปแล้วลุงของฉันติดหนี้พวกคุณเท่าไรคะ” เสียงหวานยังคงเอ่ยถาม

“รวมทั้งดอกเบี้ยก็ล้านห้า” อองรีพูดเสียงเรียบ

“อะไรนะ!! ล้านห้า” คราวนี้เป็นธีรพงศ์ตะโกนด้วยความตกใจ

“หุบปากมึง ถ้าไม่อยากตาย!!” อองรีตะคอกจนธีรพงศ์รีบปิดปากด้วยความกลัว

“ทำไมเยอะจังเลยคะ ฉันไม่มีมากขนาดนั้นหรอก ผ่อนจ่ายได้ไหม” มินตรายังคงไม่ละความพยายาม

“ไม่ได้ไอ้ธีรพงศ์มันเบี้ยวหนี้หลายรอบแล้ว ถ้าไม่มีผมจะพาผู้หญิงคนนั้นไป” อองรีชี้ไปยังร่างของแก้วตา

“นางมิน แกรีบช่วยฉันสิ เอาเงินมาจ่ายพวกมัน พวกมันจะได้รีบปล่อยตัวฉัน” แก้วตายังคงร้องโวยวาย

“ฉันไม่มีหรอกค่ะ แต่ถ้าฉันขอแลกตัวเองกับพี่แก้วได้ไหม พาฉันไปแทนเถอะ” หญิงสาวเอ่ยขึ้น จนชายตรงหน้าขมวดคิ้ว

เธอเพียงแค่อยากจะตอบแทนผู้มีพระคุณ ไม่อยากให้นงเยาว์ต้องแยกจากลูกสาวจนต้องทุกข์ระทม เลยตัดสินใจอาสาไปแทนถึงอย่างไรตนเองก็เป็นเด็กกำพร้าอยู่แล้ว

อองรีมองสำรวจหญิงสาวตรงหน้าอีกครั้ง ก่อนจะส่งสัญญาณให้ลูกน้องปล่อยตัวแก้วตา

“พ่อแม่ ฮือ ฮือ” แก้วตาที่ถูกปล่อยตัวเป็นอิสระ รีบวิ่งไปกอดบุพการี

มินตรามองภาพตรงหน้าครอบครัวคนทั้งสามยืนกอดกัน ใบหน้าหวานเปื้อนยิ้มด้วยความยินดี

“ไป” เสียงของอองรีดังขึ้น ทำให้เธอตื่นจากภวังค์เงยมองคนตรงหน้า

“ค่ะ” เธอพยักหน้าและเดินตามหลังอองรีไป โดยมีลูกน้องเขามาจับแขนไว้

“มินอย่าไป” นงเยาว์พยายามจะวิ่งตามร่างบางของมินตรา แต่ถูกสองพ่อลูกรั้งไว้

หญิงสาวหันไปมองผู้มีพระคุณอีกครั้ง ก่อนจะขึ้นรถตู้

‘ลาก่อนค่ะป้า ถ้ามินมีชีวิตรอดกลับ มินจะกลับมาหานะคะ’

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel