ตอนที่ 5.
“ดูสิเรียว พ่อเราเขาไม่ยอมให้น้องแต่งงานง่ายๆ นี่กะจะให้หนูเจสเกาะคานไปจนแก่เลยใช่ไหมเนี่ย” เธอบ่นให้ลูกชายสุดที่รักฟัง
เรียวสุเกะยิ้มขำ มองพ่อแม่ปะทะคารมกันด้วยท่าทีผ่อนคลายขึ้น ตั้งแต่จำความได้ไม่มีวันไหนที่พ่อจะไม่แหย่แม่ ภายใต้ท่าที่เคร่งขรึมต่อหน้าลูกสมุนของแก๊งยากูซ่าและต่อหน้าศัตรู ริวอิจิพ่อของเขาซ่อนความขี้เล่นช่างแหย่ไว้ ซึ่งสิ่งนี้จะหลุดออกมายามอยู่ในสถานที่ส่วนตัวกับครอบครัวเท่านั้น คุณปู่ทาเคชิเคยบอกว่าริวอิจิพ่อของเขาไม่เหมาะจะเป็นยากูซ่าเพราะใจดีเกินไป อ่อนโยนเกินไป แม้จะเด็ดขาดยามตัดสินใจทำอะไรก็ตาม เขาจึงถูกผู้เป็นปู่สั่งสอนให้มีนิสัยและความคิดต่างจากผู้เป็นพ่อ เพื่อรับหน้าที่สืบทอดแก๊งมิสึโยชิในอนาคต
“ป่านนี้ยายเจสจามจนจมูกเบี้ยวไปแล้วมั้งครับ พ่อกับแม่บ่นถึงแกแบบนี้” เรียวสุเกะกระเซ้าพ่อแม่
เจนนี่ย่นจมูกใส่สามี “พ่อเรานั่นแหละตัวการ แม่แค่ตามน้ำไปแค่นั้นเอง”
เธอหันมาแก้ตัวกับลูกชาย โยนความผิดให้สามีฝ่ายเดียว ตามนิสัยที่ไม่ยอมให้ตัวเองถูกมองว่าเป็นคนผิด เล่นเอาสามีถอนหายใจทำปากขมุบขมิบบ่นอะไรไม่ให้ได้ยิน เกรงภรรยาจะหาเรื่องปะทะคารมต่อ
“อย่าแอบนินทาเจนนี่นะริว ไม่อย่างนั้นเจนนี่จะตอบตกลงกับคุณอาริคคาโด้ ยอมยกหนูเจสให้เป็นลูกสะใภ้เขาจริงๆ” เจนนี่หลุดปากเผลอบอกเรื่องที่หลินหลินมารดาโทรมาคุยด้วยออกไป ก่อนจะนึกได้แล้วยิ้มแหยๆ
เมื่อสักครู่ที่ผ่านมา มารดาของเธอโทรข้ามประเทศมาหาลูกสาว เพื่อปรึกษาเรื่องที่ริคคาโด้เพื่อนเก่าเอ่ยปากทาบทามหลานสาวคนเดียวให้แต่งงานกับลูกชายของอีกฝ่าย โดยเล่าถึงเหตุผลของริคคาโด้ให้ฟัง เจนนี่ได้แต่รับฟังไม่ตกปากรับคำเพราะเธอไม่เห็นด้วยที่จะจับลูกสาวคลุมถุงชน และรู้ดีว่าริวอิจิสามีหวงลูกสาวคนเดียวยิ่งกว่าจงอางหวงไข่ หากรู้ว่ามีใครมาทาบทามแกมบังคับให้เหม่ยเฟิ่งแต่งงาน คงอาละวาดบ้านแตกแน่ ซึ่งตอนนี้เรื่องได้หลุดออกจากปากของเธอเข้าหู คนหวงลูกสาวไปแล้ว
“อะไรนะ ! เจนนี่ว่าใครมาทาบทามขอหนูเจสเป็นสะใภ้” ริวอิจิหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาทันที จนลูกชายต้องแตะท่อนแขนให้บิดาสงบอารมณ์
“เจนนี่แค่พูดไปแบบนั้นเอง อย่ามาหาเรื่องสิ” เจนนี่แสร้งตีหน้าขึงใส่สามี หวังให้เขาหยุดสงสัย แต่ช่างไร้ผลเมื่อริวอิจิไม่ยอมสนใจนอกจากหาความจริงต่อ
“คุณอาริคคาโด้เป็นใคร ทำไมถึงอยากได้หนูเจสเป็นลูกสะใภ้ นี่เจนนี่ไปตกลงอะไรกับเขาไว้โดยไม่ถามริวก่อนใช่ไหม ขอบอกไว้ก่อนนะว่าริวไม่ยอมยกหนูเจสให้ใครหรอก ถ้าอยากได้หนูเจสเป็นภรรยาไอ้ผู้ชายคนนั้นต้องมาขอหนูเจสกับริวเอง” ริวอิจิใบหน้าแดงก่ำ เสียงดังขึ้นตามแรงอารมณ์
ความรักความหวงลูกสาวแล่นพล่านไปทั้งตัว จนเผลอทำเสียงดังใส่ภรรยาต่อหน้าลูกชาย เมื่อก่อนตอนเขายังไม่มีลูกเขาเคยนึกรำคาญพี่ชายกับน้าชายของภรรยา ที่มาคอยจับตามองเขามาคอยตามดุว่าเขาดูแลเจนนี่ดีหรือไม่ แม้แต่ตอนที่เขาจะแต่งงานกับเธอก็ถูกพี่ชายของภรรยาซ้อมจนน่วมกว่าจะยอมยกน้องสาวให้ ตอนนี้ริวอิจิซาบซึ้งถึงหัวอกของทั้งสองดียามที่เขามีลูกสาวบ้าง อาการห่วงและห่วงเกินลิมิตเกิดขึ้นกับเขาจนไม่อาจยอมให้ผู้ชายคนไหนมาใกล้ลูกสาว นอกจากญาติพี่น้องของเหม่ยเฟิ่งเท่านั้น
“ใจเย็นครับคุณพ่อ คุณแม่พูดเล่น”
เรียวสุเกะพยายามไกล่เกลี่ย เขารู้ดีว่าพ่อหวงน้องสาวของเขามากแค่ไหน เขาเองก็ทั้งรักทั้งหวงน้องไม่แพ้ผู้เป็นพ่อ เมื่อได้ยินมารดาพูดเช่นนี้ก็รู้สึกไม่ต่างกัน เพียงแต่เก็บอารมณ์ได้ดีกว่าเท่านั้น
เจนนี่มองหน้าสามีกับลูกชายแล้ว ยิ้มแห้งๆ นึกโมโหความปากไวของตัวเองที่เผลอหลุดปากพูดเรื่องสำคัญไป
“เจนนี่พูดเล่นน่ะ ไม่มีอะไรหรอกริว พยาบาลมาแล้วได้เวลากินยาพอดี”
เจนนี่หันไปเห็นพยาบาลเปิดประตูเข้ามาพร้อมถาดยา เลยรีบหาตัวช่วยเบี่ยงเบนประเด็น
“เรียวลูกไปคุยกับอาเบะก่อนนะ แม่จะให้พ่อเรากินยาแล้วนอนพักสักหน่อย” เจนนี่บอกลูกชาย ขณะรับถ้วยยาจากพยาบาลมาส่งให้สามี ที่ทำหน้าบูดบึ้งอยู่บนเตียง เรียวสุเกะจึงขอตัวออกจากห้องไป
ถ้าคุณพ่อริวมาเห็นสภาพของลูกสาวสุดสวาทในยามนี้คงจะโมโหจนลมออกหู เมื่อเบนนีโต้กำลังใช้เจ้าหล่อนให้ขัดหลังเขาอยู่อย่างสบายอารมณ์ ร่างหนาบึกบึนเต็มไปด้วยกล้ามเนื้ออย่างคนออกกำลังกายสม่ำเสมอ นั่งเอียงกายหันหลังให้หญิงสาวใช้ฟองน้ำขัดหลังให้พร้อมกับฮัมเพลงไปเบาๆ ดวงตาคมปรายตาลอบมองใบหน้าระบายด้วยสีแดงระเรื่อบนพวงแก้มของเธออย่างเอ็นดู ดวงตายาวเรียวสีนิลใสกระจ่างก็แอบมองเนื้อตัวของเขาเช่นกัน เจ้าของร่างยกยิ้มมุมปากอย่างนึกขัน ใครว่ามีแต่ผู้ชายชอบมองรูปร่างผู้หญิงเพียงฝ่ายเดียว แต่ผู้หญิงเองก็ไม่ต่างกันยามเห็นผู้ชายหุ่นล่ำๆ ก็อดใจไม่ไหวแอบมองเหมือนกัน แม่บัตเลอร์สาวแสนสวยคนนี้มีแววตาซุกซนเหมือนเด็กอยากรู้อยากเห็น เจ้าตัวลดท่าทีขวยเขินลงไปเมื่อเวลาผ่านไปหลายนาที คงคิดว่าเขาไม่ได้ใส่ใจมองอยู่จึงแสดงตัวตนของตัวเองออกมาผ่านสายตาวิบวาวราวแก้วเจียระไนนั้น เขาคุ้นเคยกับสาวยุโรปที่มักเปิดเผยท่าทีของตัวเองอย่างโจ่งแจ้งเจ้าหล่อนจะไม่แอบลอบมองเขาแบบนี้แต่จะมองเขาตรงๆ แสดงออกชัดเจนถึงความปรารถนาที่มีต่อเขา ฐานะและหน้าตาอันหล่อเหลาเต็มไปด้วยคุณสมบัติเพรียบพร้อมของเขา ทำให้เบนนีโต้ไม่เคยขาดแคลนผู้หญิงร่วมเตียง ไม่ต้องออกแรงจีบก็มีผู้หญิงดาหน้ามาหาเขามากมาย พอเบื่อก็เลิกราไม่คิดปักใจกับผู้หญิงคนไหนที่ผ่านเข้ามาในชีวิต เขาไม่เคยรู้จักความรักเพราะไม่ศรัทธากับสิ่งนี้ ร่างกายต้องการผู้หญิงมาบำบัดความต้องการทางธรรมชาติพอปลดเปลื้องก็แล้วกันไป ทำไมต้องรู้สึกอะไรมากกว่านี้ เขาไม่เคยหัวใจเต้นแรงเพราะผู้หญิง ไม่เคยวูบวาบหวั่นไหวเมื่อเห็นหน้าหญิงสาวสวยๆ มีแค่รู้สึกอยากได้พอได้ก็หมดความสนใจ ดวงตาสีมรกตมองเงาสะท้อนในกระจกที่ติดไว้ในห้อง เขาแค่นยิ้มหยันเมื่อทอดตามองร่างงามของบัตเลอร์สาว เธอก็คงเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ จะพิเศษตรงที่เขาไม่เคยได้สัมผัสมาก่อนเท่านั้น
“เธอชื่ออะไร...”
เหม่ยเฟิ่งสะดุ้งเล็กน้อย เจ้าตัวกำลังเพลินกับการลอบมองแผ่นหลังล่ำๆ เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อบึกบึนนั้น พอถูกถามเลยตกใจ ก่อนจะปรับสีหน้าเป็นปกติในไม่กี่วินาทีต่อมา
“ฉันชื่อ... ชื่อหงส์ค่ะ” เหม่ยเฟิ่งบอกชื่อที่เป็นฉายาของตัวเองแทนชื่อจริง
“หงส์ แปลว่าอะไร” เบนนีโต้เอ่ยถามอย่างสนใจ
หญิงสาวยิ้มบางๆ “แปลว่า สวอน ค่ะ แต่แม่ของฉันบอกว่าชื่อของฉันมาหงส์ไฟ แปลว่านกไฟหรือฟีนิกซ์ค่ะ” เธออธิบายชื่อของตัวเองให้เขารับรู้
“Swan Phoenix... มิน่าเธอถึงมาทำงานที่นี่” เบนนีโต้ไม่ได้เฉลียวใจเลย ว่าหญิงสาวเกี่ยวข้องอะไรกับเจ้าของโรงแรมนี้ ทั้งๆ ที่อีกฝ่ายก็เกริ่นให้เขาสะกิดใจแล้ว
เหม่ยเฟิ่งแอบเบะปากใส่ว่าที่คู่หมาย ไม่นึกว่าเขาจะงี่เง่าจนไม่รู้ความหมายของชื่อเธอ นี่คงไม่คิดสะกิดใจสักนิดบ้างหรือไร ว่าเธอจะเป็นผู้หญิงที่พ่อของเขาหมายหมั้นปั้นมือให้เป็นว่าที่ลูกสะใภ้
“พอแล้ว... มาขัดข้างหน้าบ้าง”
เบนนีโต้หันไปบอกคนที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาขัดหลังเสียงเรียบ ตามนิสัยที่ไม่ชอบแสดงอารมณ์อะไรของตัวเองให้ใครจับสังเกตได้ง่ายๆ
“อ๊ะ คือว่า...”
หญิงสาวจะปฏิเสธแต่ไม่ทันเสียแล้ว แก้มนวลร้อนวูบเมื่อร่างหนาหมุนกายมาเผชิญหน้ากับเธอเสียก่อน ดวงตาคู่สวยปะทะกับแผงอกหนาน่าซบนั้นเต็มสายตา จมูกโด่งเล็กรู้สึกร้อนผ่าวเมื่อเลือดวิ่งมารวมตัวกันตรงโพรงจมูกละม้ายจะพร่างพรูออกมา เมื่อได้เห็นแผงอกอุดมด้วยไรขนสีน้ำตาลทองนั้นเต็มตา และเห็นตุ่มนูนเล็กๆ ของหัวนมบุรุษในระยะประชิด หัวใจดวงน้อยเต้นรัวขึ้นมาเสียงตึกตักจนเกรงว่าผู้ชายตรงหน้าจะได้ยิน
