ตอนที่7 เปลี่ยนแผน
“คะ...คุณ ตะวัน ทาม อา...อึก” เสียงคางยานว่ายังไม่ทันจบประโยคพราวจันทร์ก็เริ่มมวนท้องขึ้นมาดื้อๆ หลังจากนั้นอาหารที่เธอรับประทานเข้าไปในท้องก็พุ่งพรวดออกมาเต็มเตียง
“บ้าเอ้ย!” คนที่หลบไปไม่ทันก็พาลเปื้อนสิ่งปฏิกูลที่ออกมาจากปากของหญิงสาวด้วย และแล้วคืนนี้แผนรวบหัวรวบหางของตะวันวาดก็ล่มไม่เป็นท่า เขาต้องรีบโทรเรียกพนักงานโรงแรมมาดูแลพราวจันทร์ และเปลี่ยนชุดผ้าปูเตียงรวมไปถึงผ้าห่มยกชุด
พราวจันทร์รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในช่วงเช้าของอีกวัน เป็นประจำที่เมื่อตื่นแล้วจะต้องบิดขี้เกียจ จู่ๆ มือของเธอก็ไปสัมผัสถึงไรขนอะไรบางอย่างจึงคิดว่าเป็นเจ้าเฉาก๊วยแมวตัวผู้สีเทาของน้าสาวมานอนด้วย
ตะวันวาดพลิกตัวหนีเมื่อรู้สึกว่ามีอะไรมารบกวนการนอน พอตื่นลืมตาขึ้นได้ก็เห็นว่าเป็นมือของพราวจันทร์ที่กำลังขยุ้มไรผมของเขาเล่นทั้งฉีกยิ้มโดยที่ตายังไม่ลืม
“อืม...เฉาก๊วย อยู่นิ่งๆ สิ” สองมือดึงหัวของตะวันวาดเอาไว้แน่น เพราะคิดว่าเป็นเจ้าเฉาก๊วยที่กำลังจะเดินหนี
‘เฉาก๊วยไรวะ’ ชายหนุ่มสบถในใจ คิ้วเข้าเริ่มขมวดย่นเข้าหากันและนอนเฉยเพื่อรอดูว่าหญิงสาวที่ยังไม่ยอมลืมตาจะทำอะไรกับเขาต่อ
มือเรียวเล็กยีผมตะวันวาดเล่นจนพอใจแล้วจึงไล่ลูบจนมาถึงจมูกโด่ง พราวจันทร์เริ่มหยุดนิ่งขมวดคิ้ว เพราะปกติแล้วเจ้าแมวตัวผู้แสนรักของน้าสาวอันฑะของมันจะนุ่มนิ่มเช่นสัมผัสสำลีก้อน แต่วันนี้กลับแข็งขึ้นได้ หรือว่าเจ้าเฉาก๊วยเสียชีวิตแล้ว คิดได้ดังนั้นจึงลืมตาโพลงด้วยความตกใจ แต่ภาพที่อยู่ตรงหน้าทำเธอตกใจยิ่งกว่า
“ฝันเหรอ!” ดวงตากลมโตลืมตาตื่นมาเห็นหน้าของตะวันวาดเต็มสองลูกตา พลันสมองก็คิดว่าตัวเองกำลังฝันเธอจึงยกมือฟาดไปที่พวงแก้มสากของตะวันวาดเต็มแรง
เพียะ “โอ้ย...ตบผมทำไม” คนตัวโตร้องโอดโอยทั้งเจ็บทั้งตกใจที่จู่ๆ ก็ถูกพราวจันทร์ทำร้ายร่างกาย
“เจ็บมือจริงๆ ด้วย ไม่ได้ฝันหรอกเหรอ” พราวจันทร์เสียงอ่อน ก่อนจะผุดลุกและถดตัวหนีตะวันวาดเล็กน้อย ก่อนจะมองลอดไปใต้ผ้าห่ม
“นี่...” พอเห็นว่าตัวเองเปลือยเปล่าไม่เหลือเสื้อผ้าสักชิ้นก็เริ่มโวยวายตกใจและมองตะวันวาดด้วยสายตาไม่ไว้ใจ
“พราวมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงคะ! แล้วทำไมเสื้อผ้าพราว ไม่มี! เสื้อผ้าไม่มี ฮือ... ทำไมมันหายไป ทำไมไม่มี”
“เดี๋ยวพราวคุณฟังผมอธิบายก่อน”
เพียะ “โอ้ย... ตบผมทำไมอีก” ยังไม่ทันที่ตะวันวาดจะได้อธิบายอะไรหน้าของเขาก็หันไปตามแรงฟาดของฝ่ามือเรียวอีกครั้ง
“ไม่รู้ มือมันไปเอง ทำไมพราวมาอยู่ที่นี่สภาพแบบนี้” พราวจันทร์หน้าเสียจนแทบจะร้องให้เสียให้ได้ เพราะจำอะไรไม่ได้เลยว่าเมื่อคืนมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ไม่ใช่ว่าตะวันวาดหลอกให้เธอมาที่นี่เพราะต้องการจะทำมิดีมิร้ายกับเธอหรอกนะ
“ฟังผม” ตะวันวาดรีบจับแขนพราวจันทร์เอาไว้เพราะกลัวจะถูกตบอีกรอบ
“เมื่อคืนคุณเมามากก็เลยอ้วกเลอะเทอะเลย ผมก็เลยต้องให้พนักงานถอดเสื้อผ้าคุณแล้วก็ห่อคุณไว้กับผ้าห่มไง”
พราวจันทร์ยังคงนั่งเงียบ สีหน้าของเธอเสียจนตะวันวาดพอจะรู้ว่าเธอนั้นกังวลว่าเขาจะพูดจริงหรือไม่จริง
“มองแบบนี้ไม่เชื่อใช่ไหม ไม่อย่างงั้นผมจะไปเรียกพนักงานมาคุยกับคุณตอนนี้เลยก็ได้”
“ไม่เป็นไรค่ะ แล้ว...เสื้อผ้า” พราวจันทร์รีบส่ายหัว คิดไปคิดมาคนระดับผู้บริหารอย่างตะวันวาดคงไม่มาสนใจผู้หญิงอย่างเธอ แต่ตอนนี้ที่กำลังกังวลก็คือเธอจะใส่เสื้อผ้าที่ไหนกลับไปบ้าน
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงครับ ผมให้นนท์หาเสื้อผ้ามาให้คุณแล้วอีกเดี๋ยวก็คงจะมาส่งครับ”
“เมื่อคืนคุณตะวันนอนที่เตียงเดียวกับพราวทั้งคืนเลยเหรอคะ” เป็นอีกเรื่องที่เธอไม่ยอมปล่อยให้คาใจ หากไม่ถามตอนนี้เธอคงได้มองหน้าตะวันวาดไม่ติดแน่
“เอ่อ...เปล่าครับ ผมนอนที่โซฟาตรงโน้น แล้วก็จะมาปลุกคุณแต่ดันถูกคุณดึงหัวผมไปก่อน”
“อ๋อ...เข้าใจแล้วค่ะ”
ตะวันวาดรีบลุกออกจากเตียงของพราวจันทร์ เขาเดินถอนหายใจโล่งอกไปรอรัชนนท์ที่โซนนั่งเล่น ดีที่พราวจันทร์เชื่ออย่างที่เขาพูด หากเธอรู้ความจริงว่าเขานอนอยู่ข้างๆ เธอทั้งคืนคงมีความไม่ไว้วางใจในตัวของเขามากขึ้นกว่าเดิมแน่
พราวจันทร์ยืนมองตัวเองในกระจกหลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ตอนนี้เธอถอดคอนแท็กเลนส์และกลายมาเป็นสาวแว่นเหมือนเดิมแล้ว อีกทั้งยังอยู่ในชุดเดรสสีชมพูที่เธอสวมใส่แล้วกลายเป็นเหมือนลูกคุณหนูขึ้นมาทันตา
‘คนรวยก็เสกทุกอย่างได้ภายในเวลาไม่กี่นาทีจริงๆ’ สาวเจ้าครุ่นคิดขณะกำลังเดินออกไปจากห้องน้ำ
เพราะเธอแค่เอ่ยปากบอกกับตะวันวาดเรื่องที่อยากได้เสื้อผ้า ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเสื้อผ้าของเธอก็มาส่ง หลังจากที่เธอบ่นว่ารู้สึกเคืองตาหลังจากเผลอใส่คอนแท็กเลนส์นอน ไม่กี่นาทีหลังจากนั้น เธอก็ได้ทั้งแว่นตาใหม่รวมทั้งน้ำยาล้างตาและน้ำยาหยอดตารวมไปถึงคอนแท็กเลนส์ใหม่อีกสองคู่ด้วย นี่แหละหนาอำนาจของเงิน
พราวจันทร์ออกจากห้องนอนมาได้ก็เดินเก้ๆ กังๆ เข้ามานั่งตรงข้ามตะวันวาด เพราะเมื่อเช้าเธอตบหน้าของเขาไปตั้งสองครั้งเต็มแรง ไม่รู้ว่าตอนนี้ชายหนุ่มจะโกรธเธออยู่หรือเปล่า
“เรื่องที่พราวทำคุณตะวันเจ็บเมื่อเช้า พราวขอโทษจริงๆ นะคะ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจว่าคุณพราวน่าจะตกใจ”
ริมฝีปากบางพอจะยกยิ้มกรายๆ ขึ้นมาได้บ้าง “พราวต้องรีบกลับแล้วค่ะ ป่านนี้น้าบัวชะเง้อคอรอแน่”
“ผมโทรไปบอกน้าคุณแล้วว่าพาคุณไปดูงานที่เกาะต่อเลย”
“อะไรนะคะ แล้วเอาเบอน้าบัวมาจากไหน”
“ก็คุณเขียนไว้ในใบสมัครงานไงครับ”
“อ๋อ... ใช่ ฉันลืมไปค่ะ แล้วไปดูงานอะไรคะพราวไม่เห็นรู้เรื่องเลย”
“อืม คุณรุ่งทิพย์ไม่ได้บอกคุณเหรอ”
“ไม่ค่ะ” พราวจันทร์ส่ายหัวช้าๆ ใบหน้าที่ยิ้มอ่อนอยู่คราแรกเริ่มแสดงออกถึงอาหารฉงนหนัก
“แบบนี้ต้องเรียกคุณรุ่งทิพย์คุยหน่อยล่ะมั้งครับ แต่คุณเป็นคนทำบัญชีก็ต้องรู้ที่มาที่ไปของสินค้าของเรา คุณจะต้องไปดูฟาร์มหอยมุกของผมทุกที่เป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์”
ดวงตาคู่สวยเริ่มเบิกโพลงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อได้ยินว่าเธอจะต้องไปดูงานเป็นอาทิตย์ ในหัวมีแต่คำถามว่าทำไมตอนที่รุ่งทิพย์คุยกับเธอเห็นเคยบอกเรื่องนี้มาก่อน
“เอ่อ... แต่พราวไม่ได้เตรียมอะไรมาเลยนะคะ”
“ผมเตรียมเอาไว้ให้คุณแล้ว แค่คุณไปทำงานกับผมก็พอ” เรื่องนั้นตะวันวาดมองว่าไม่ไช่ปัญหาใหญ่ เพราะเขาได้สั่งให้คนของเขาจัดเตรียมทุกอย่างเอาไว้แล้วตั้งแต่เมื่อคืน เมื่อแผนทุกอย่างไม่เป็นไปตามที่คาดเขาก็ต้องเปลี่ยนแผนกะทันหัน
