บท
ตั้งค่า

2จากไป

ตอนที่ 2

จากไป

หลังจากสั่งเสียลูกชายได้เพียงไม่กี่วัน อาการของมนตรีก็ทรุดลงอย่างรวดเร็ว ช่วงเวลาที่ผ่านมาเป็นช่วงเวลาที่ทำให้ไตรฉัตรรู้สึกเจ็บปวดมากที่สุดเพราะเขาแทบไม่มีเวลาอยู่กับพ่อเลยในช่วงสุดท้ายของชีวิต งานที่รัดตัวและภาระที่แบกรับเอาไว้ ทำให้เขาไม่สามารถละทิ้งได้เพียงเพราะเรื่องส่วนตัว

วันที่พ่อจะจากไป เขาจึงรู้สึกเจ็บปวดใจเป็นอย่างมาก และรู้สึกเสียใจได้แต่นั่งโทษตัวเองที่ไม่ดูแลพ่อให้ดีกว่านี้ ส่งผลให้พ่อจากเขาไปตลอดกาล

หลังจากวันนั้นที่ไตรฉัตรได้เจอพ่อเป็นครั้งสุดท้าย หัวใจของพ่อก็เต้นเบาลง พ่อหลับไป แล้วก็ไม่เคยตื่นขึ้นมาอีกเลย จนในที่สุดพ่อก็จากไปอย่างสงบ ไร้ซึ่งความทุกข์ทรมาน

“เสียใจด้วยนะคะคุณไตร”

นักธุรกิจมากมายมาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง เนื่องจากว่าพ่อของชายหนุ่มเป็นนักธุรกิจที่มีชื่อเสียง และเป็นนักธุรกิจที่มือสะอาด ทุกคนที่เคยร่วมงานต่างรู้ดีว่าพ่อของไตรฉัตรเป็นคนที่มีน้ำใจ มีเมตตา เป็นคนรวยที่ไม่เห็นแก่ผลประโยชน์ของตัวเองมากจนเกินไป และไม่ใช่นักธุรกิจหน้าเลือดที่จ้องจะเอาเปรียบทุกคน

ด้วยความที่เขานั้นไม่เหมือนนักธุรกิจทั่วไป เขาจึงเป็นที่รักของเหล่าพนักงาน เป็นที่รักของคู่ค้าและหุ้นส่วน นักธุรกิจที่เคยร่วมงานกับเขาต่างก็เคารพ นับถือเขาเป็นอย่างมาก

ด้วยความที่เขาเป็นที่รักสำหรับใครหลายๆคนทำให้บรรยากาศในงานศพค่อนข้างโศกเศร้า ผู้คนที่มาร่วมงานมีทั้งญาติพี่น้อง เพื่อนสนิท และคนรู้จักนับร้อย

ไตรฉัตรหน้าหมองคล้ำ หลายปีก่อนเขาเพิ่งเสียแม่ไป เมื่อเสียพ่อไปอีกคนก็รู้สึกเหมือนตัวเองไร้ที่พึ่งพิงทางใจ ถึงแม้ว่าเขาจะโตพอที่จะยืนได้ด้วยขาของตัวเอง แต่ไม่ได้แปลว่าเขาอยากอยู่อย่างโดดเดี่ยว เขาอยากมีพ่อกับแม่อยู่เคียงข้างมองดูเขาประสบความสำเร็จไปนานๆ แต่ไม่คิดว่าโชคชะตาจะใจร้าย พรากทั้งพ่อและแม่ไปในเวลาไล่เลี่ยกัน

“มีอะไรให้อาช่วยเหลือก็บอกได้นะไตร”

ทุกคนที่มาที่นี่ต่างก็ปรารถนาดีกับชายหนุ่ม เพราะรู้ดีว่าชีวิตของเขาไม่เหลือใครแล้ว ญาติพี่น้องส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในต่างประเทศ มีเพียงครอบครัวของไตรฉัตรที่ทำธุรกิจอยู่ในประเทศไทย

“ขอบคุณนะครับคุณอา”

พ่อแม่ของเขาไม่มีพี่น้อง แต่มีญาติห่างๆที่คอยช่วยเหลือเกื้อกูลกันในบางครั้ง แต่ด้วยความที่อยู่ห่างไกลกันมาก จึงไม่มีโอกาสได้พบเจอกันส่งผลให้ไตรฉัตรไม่ได้สนิทกับญาติพี่น้องสักเท่าไหร่

ชายหนุ่มยืนมองร่างที่ไร้วิญญาณของพ่อ ความเศร้าครอบงำจิตใจ ในระหว่างนั้นเขานึกถึงช่วงเวลาที่พ่อยังคงมีชีวิตอยู่ ความรักหรือ ความเอาใจใส่ที่เขาได้รับ ทำให้เขายิ่งนึกถึงและคิดถึงผู้เป็นพ่อมากขึ้น

หลังจากเสร็จสิ้นพิธีศพ ไตรฉัตรก็ใช้เวลาอยู่กับตัวเองพักใหญ่ เขาต้องจัดการเก็บข้าวของของพ่อ เนื่องจากว่าท่านไม่อยู่แล้ว ข้าวของบางส่วนเขาจึงได้นำไปบริจาคตามคำสั่งเสียของพ่อ

“ขนของพวกนี้ลงไปข้างล่างด้วย เดี๋ยวรถของมูลนิธิจะมารับไป”

ชายหนุ่มเอ่ยกับแม่บ้าน ทุกคนต่างก็กลัว การเปลี่ยนแปลง กลัวว่าเมื่อนายใหญ่ไม่อยู่แล้วจะตกงาน แต่ทุกสิ่งทุกอย่างก็ยังคงเหมือนเดิม ไตรฉัตรไม่ได้คิดจะไล่คนงานเก่าแก่ออก ยังให้ทุกคนทำงานที่นี่ได้เหมือนเก่า

“แล้วเอกสารในห้องทำงานของท่านล่ะคะ”

“ในห้องทำงานอย่าเพิ่งเข้าไปยุ่ง เดี๋ยวผมจัดการเอง”

ในห้องทำงานอาจจะมีเอกสารลับและเอกสารสำคัญ เขาจึงอยากเข้าไปตรวจสอบก่อนถ้าไม่มีอะไรที่เป็นความลับเขาก็จะให้แม่บ้านเข้าไปจัดการทำ ความสะอาดและนำสิ่งที่ไม่จำเป็นไปทิ้ง

“ถ้าอย่างนั้นพวกเราลงไปทำความสะอาดข้างล่างก่อนนะคะ”

“เดี๋ยวทำความสะอาดที่ห้องของคุณพ่อก่อน ข้าวของของคุณพ่อ ใครอยากได้อะไรก็หยิบไปเลย คุณพ่อสั่งเสียเอาไว้ว่าถ้าใครอยากได้อะไรก็เอาไปใช้ได้”

ชายหนุ่มเอ่ยขึ้น พ่อของเขามีข้าวของหลายอย่าง บางอย่างก็ยังไม่ได้แกะใช้ถ้าจะทิ้งก็รู้สึกเสียดาย อีกอย่างพ่อก็ได้สั่งเสียเอาไว้แล้ว ว่าของของพ่อให้บริจาคไปให้หมด เพราะฉะนั้นถ้าเขาจะมอบให้คนงานเหล่านี้ที่อยู่กับพ่อมานานหลายปี พ่อก็คงจะไม่ว่าอะไร

“ขอบคุณนะคะคุณไตร”

ไตรฉัตรเดินเข้ามาในห้องทำงานของพ่อ เขามักจะเก็บตัวอยู่ที่นี่นับตั้งแต่วันที่พ่อเสีย ชายหนุ่มสงสัยในคำพูดของพ่อที่พูดถึงผู้ชายที่ชื่อทรงกลด เขาอยากสืบดูว่ามันเกิดอะไรขึ้นเพราะพ่อไม่ยอมเล่ารายละเอียด แต่จากที่เขาจับใจความได้คิดว่า ผู้ชายคนนี้คงจะทำอะไรเจ็บแสบไว้อย่างแน่นอน พ่อของเขาถึงได้รู้สึกโกรธแค้น ทั้งๆที่ปกติแล้วพ่อเป็นคนที่ไม่ค่อยโกรธใครง่ายๆ

ชายหนุ่มมองหากุญแจที่จะเปิดตู้บานหนึ่งที่ถูกปิดล็อคเอาไว้เป็นอย่างดี เมื่อเปิดออกดูเขาก็เห็นว่ามีเอกสารสำคัญมากมาย

ไตรฉัตรสะดุดตาเข้ากับซองเอกสารที่มีชื่อทรงกลดเขียนอยู่ข้างหน้าซอง เขาเปิดดูก่อนเห็นสัญญาเงินกู้ รวมทั้งโฉนดบ้านและที่ดิน

น่าเสียดายที่ในวันนั้นพ่อไม่ได้เล่าละเอียด เขาจึงไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่แล้วไตรฉัตรก็นึกขึ้นได้ว่าพ่อมีผู้ช่วยคนสนิทอยู่คนหนึ่ง เขาจึงได้ตัดสินใจติดต่อหาอีกฝ่ายทันที

“สวัสดีครับคุณลุง ตอนนี้คุณลุงอยู่ที่ไหนครับ”

เมื่อปลายสายตอบกลับมาชายหนุ่มจึงเอ่ยต่อ

“คุณลุงช่วยมาพบผมที่บ้านได้ไหมครับ พอดีว่าผมมีเรื่องสำคัญอยากจะคุยด้วย”

ชายหนุ่มเอ่ย เรื่องสำคัญที่ว่าก็คือเรื่องของ ทรงกลด เขาอยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นและคิดว่าผู้ช่วยคนสนิทของพ่อน่าจะรู้ดีที่สุด เพราะไม่ว่าจะมีเรื่องอะไรพ่อก็จะไว้ใจให้ผู้ช่วยเป็นคนจัดการให้เสมอ

ชายหนุ่มใช้เวลารอไม่นาน ในที่สุดชายวัยกลางคนก็เดินทางมาถึง ชายร่างผอมเดินเข้ามาในห้องทำงานที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี ก่อนนั่งลงตรงข้าม ไตรฉัตร

“คุณไตรเรียกลุงมาพบมีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ”

“ผมอยากรู้ว่าคุณลุงรู้จักผู้ชายที่ชื่อทรงกลดหรือเปล่า”

ชายวัยกลางคนพยักหน้า เขารู้จักอีกฝ่ายเป็นอย่างดี

“ผมอยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นทำไมพ่อถึงได้ดูโกรธผู้ชายคนนั้นมาก”

“คุณไตรเห็นสัญญาเงินกู้กับโฉนดบ้านแล้วใช่ไหมครับ”

ชายหนุ่มพยักหน้าก่อนเลื่อนเอกสารให้ผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงข้ามดู

“คุณทรงกลดเอาบ้านกับที่ดินมาจำนองไว้กับท่าน แต่ก็ผลัดผ่อนมาตลอด ไม่เคยจ่ายหนี้เลยแม้แต่บาทเดียว อยู่มาวันหนึ่งคุณทรงกลดได้มาขอทวงโฉนดคืน แต่คุณทรงกลดไม่เคยจ่ายหนี้เลยท่านจึงไม่ยอมคืนโฉนดให้ คุณทรงกลดสร้างหลักฐานเท็จว่าจ่ายหนี้แล้ว เพื่อกดดันท่านให้ยอมคืนโฉนดให้ แต่ท่านยังไม่ทันได้ดำเนินการอะไรก็ล้มป่วยเสียก่อน ส่วนสาเหตุที่ท่านป่วยก็คงเพราะเครียดกับเรื่องนี้มาก”

นอกเหนือจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ผ่านมา ผู้ช่วยวัยกลางคนเชื่อว่าที่เจ้านายของเขาล้มป่วยเป็นเพราะความเครียดที่ถูกเพื่อนสนิททรยศคดโกง สร้างหลักฐานเท็จเพื่อบีบเอาโฉนดขึ้นทั้งๆที่ไม่เคยชำระหนี้เลยแม้แต่บาทเดียว

ไตรฉัตรที่ได้ยินเรื่องราวก็รู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก เขากำหมัดแน่น แค้นเคืองทรงกรดที่เป็นต้นเหตุทำให้พ่อของเขาต้องล้มป่วยจนถึงขั้นจากเขาไปแบบนี้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel