1คำสั่งเสีย
ตอนที่ 1
คำสั่งเสีย
ชายวัยกลางคนรู้ดีว่าตัวเองคงมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน ความรู้สึกหดหู่ค่อยๆแทรกซึมเข้ามาในหัวใจของเขา ทุกวันนี้ทรงกลดมีชีวิตอยู่โดยปราศจากความหวัง มองไปทางไหนก็รู้สึกถึงความมืดมิดที่คืบคลานเข้ามาใกล้เรื่อยๆ
“กี่โมงแล้ว”
น้ำเสียงแหบแห้งเอ่ยถามพยาบาลที่เข้ามาดูแลความเรียบร้อยเหมือนทุกๆวัน
“บ่ายโมงแล้วค่ะท่าน"
ชายสูงวัยพยักหน้าเบาๆ มองดูพยาบาลสาวที่เดินออกไป หลายวันมานี้แม้แต่หมอก็ไม่ค่อยแวะเวียนเข้ามา เขารู้สึกเหมือนถูกเพิกเฉยโดยไม่รู้สาเหตุ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้เอ่ยถามอะไร คอยสังเกตอาการตัวเองเรื่อยๆและรู้สึกว่าร่างกายของเขามันเริ่มเหนื่อยล้าลงทุกวัน
มนตรีนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลมานานหลายเดือนแล้ว แต่อาการก็ไม่ดีมีแต่ทรุดลง
เขากดรีโมทเพื่อปรับเตียงขึ้น สายตาฝ้าฟางมองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีเทาหม่น ก็ยิ่งรู้สึกหดหู่ใจหายอย่างบอกไม่ถูก
เขาไม่มีกำลังใจที่จะรักษาตัวต่อ เพราะรู้ดีว่าต่อให้รักษาอย่างไรร่างกายก็คงจะไม่กลับไปเป็นปกติเหมือนเดิม เขาไม่มีวันหายเป็นคนที่แข็งแรงเหมือนเดิมได้
ชายวัยกลางคนไม่ได้โทษใคร เพราะพฤติกรรมการใช้ชีวิตทำให้ร่างกายของเขาทรุดโทรมเร็วกว่า คนวัยเดียวกัน เขาทั้งสูบบุหรี่และดื่มสุราอย่างหนักมาตั้งแต่ช่วงวัยรุ่น ไม่เคยดูแลสุขภาพเลย ส่งผลให้ตอนนี้เขาต้องมานอนอยู่ที่นี่ พร้อมกับร่างกายที่ทรุดโทรมลงทุกวัน เหมือนกับเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใกล้พังและไม่มีทางที่จะหาอะไหล่มาเปลี่ยนได้
วันเวลาผ่านไป เหมือนนาฬิกาที่ค่อยๆนับถอยหลัง ความรู้สึกเจ็บปวดและความรู้สึกแย่ยาวนานอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ชายวัยกลางคนเริ่มคิดถึงสิ่งที่เขาอยากทำแต่ไม่เคยได้ทำ ความฝันที่เคยมีแต่ยังไม่สำเร็จ ความรักและความห่วงใยที่มีต่อครอบครัว
เขาเฝ้าคิดถึงอดีตที่ผ่านมาแล้ว และสิ่งที่เขาคิดถึงมากที่สุดก็คือลูก ทุกครั้งที่ไตรฉัตรมาเยี่ยม เขาพยายามยิ้มและทำให้ชายหนุ่มรู้สึกดี แต่ในใจกลับรู้สึกหดหู่ ไม่อยากจากโลกนี้ไปเพราะลึกๆก็ยังคงห่วงใยลูกชาย แม้ว่าตอนนี้ลูกชายของเขาจะประสบความสำเร็จในชีวิต แต่คนเป็นพ่อก็ยังคงห่วงใยและอยากอยู่กับลูกตลอดไป
“ถ้าพ่อไม่อยู่แล้ว ลูกจะดูแลตัวเองได้ใช่ไหม”
เขาพึมพำ รู้ตัวดีว่าอีกไม่นานลมหายใจนี้ก็จะหยุดลง ถึงเวลานั้นเขาก็จะจากลูกไปตลอดกาล จะไม่มีโอกาสได้พบเจอกันอีกแล้ว เพียงแค่คิดก็รู้สึกใจหาย แต่ก็พยายามทำใจมาโดยตลอด ชีวิตของคนเราสุดท้ายแล้วก็ต้องเป็นไปตามกลไกธรรมชาติ มีเกิด มีแก่ มีเจ็บ มีตาย ไม่มีใครหนีพ้นไม่ว่าจะร่ำรวยหรือยากจน ไม่ว่าจะสูงหรือต่ำสุดท้ายแล้วทุกคนก็มีจุดจบเดียวกัน
เขารู้ว่าเวลาของเขาใกล้จะหมดลง จึงได้สั่งให้คนไปตามลูกชายมาพบ
“ช่วยไปตามเขามาที ฉันมีเรื่องอยากจะคุยกับเขา”
ไตรฉัตรส่งคนมาดูแลพ่อ ไม่ว่าพ่อของเขาต้องการอะไร คนที่ดูแลจะต้องคอยจัดหามาให้และคอยดูแลอย่างใกล้ชิด ที่สำคัญยังเป็นคนที่คอยรายงานอาการของพ่อให้ไตรฉัตรรู้
เนื่องจากว่าชายหนุ่มไม่มีเวลามากพอที่จะอยู่ดูแลพ่อด้วยตัวเอง เขาจึงได้จ้างคนที่ไว้ใจได้มาคอยดูแลท่าน
“เดี๋ยวผมจะรีบโทรตามท่านประธานครับ”
ชายหนุ่มถอยออกไปจากห้อง เขารู้สึกถึงสัญญาณที่ไม่ค่อยดีจึงรีบต่อสายหาเจ้านาย
“สวัสดีครับท่านประธาน พอดีว่าท่านต้องการให้ท่านประธานมาพบด่วนครับ”
“มีเรื่องอะไรหรือเปล่า”น้ำเสียงของปลายสายไม่ค่อยดีเท่าไหร่
“ดูเหมือนว่าท่านมีเรื่องสำคัญอยากจะคุยกับท่านประธานครับ”
“บอกพ่อด้วยว่าอีกครึ่งชั่วโมงฉันจะไปถึง”
เมธีเดินเข้ามาก่อนรีบรายงานมนตรีที่นอนอยู่บนเตียง
“ท่านประธานกำลังมาครับ”
ชายวัยกลางคนพยักหน้าเบาๆ วันนี้เขาใส่หน้ากากออกซิเจนแต่ก็ยังพูดคุยสนทนาได้อยู่ ในเวลาไม่ถึงสิบนาที ไตรฉัตรก็เดินทางมาถึงโรงพยาบาล เขาออกมาจากบริษัทด้วยความเร่งรีบ รู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องเหมือนจะมีเรื่องร้ายๆเกิดขึ้น
“พ่อเป็นยังไงบ้างครับ”
ทันทีที่เจอหน้าผู้เป็นพ่อชายหนุ่มก็เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง เขานั่งลงที่เก้าอี้ก่อนจับมืออีกฝ่าย รู้สึกว่าวันนี้ตัวพ่อค่อนข้างเย็น ท่าทางของพ่อดูอ่อนแรงมาก แววตาก็ดูอ่อนล้า ทำให้เขายิ่งรู้สึกใจหาย
“พ่อมีเรื่องอยากคุยกับแก”
“ครับพ่อ”
หลังจากที่ทุกคนออกไป ก็เหลือแค่พ่อกับลูกชาย เขาก็เริ่มระลึกถึงความหลัง เล่าเรื่องราวต่างๆให้ไตรฉัตรฟัง
“ป่านนี้แม่ของแกคงจะรอพ่ออยู่ คงจะรออยู่ที่ไหนสักแห่ง”
แววตาที่หม่นแสงมานานเป็นประกายเมื่อนึกถึงภรรยาผู้ล่วงลับ ชายหนุ่มที่ได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกใจหาย เขารู้ว่าอีกไม่นานพ่อกับแม่ก็คงจะได้เจอกันในขณะที่เขาไม่มีโอกาสได้พบเจอพวกท่านอีกแล้ว
หลายวันก่อนหมอได้โทรไปหาเขาเพื่อแจ้งอาการของพ่อ อวัยวะหลายอย่างในร่างกายเริ่มเสื่อม และมีแนวโน้มว่าจะหยุดทำงานเร็วๆนี้ หมอได้แจ้งเขาตั้งแต่เนิ่นๆแล้วแต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่มีเวลาทำใจ เพราะเขามัวแต่ทำงานทุกวันจนไม่มีเวลาจัดการกับอารมณ์และความรู้สึกของตัวเองเลย
“พ่อไม่เคยเสียใจที่ได้แต่งงานกับแม่ของแก ไม่เคยเสียใจที่มีแกเป็นลูก พ่อมีความสุขมาก แต่ถึงพ่อจะไม่เคยเสียใจกับเรื่องครอบครัว เรื่องงาน และเรื่องอื่นๆแต่ก็มีเรื่องที่พ่อรู้สึกเสียใจมาจนถึงทุกวันนี้”
ชายวัยกลางคนหยุดพูดไปชั่วขณะเมื่อรู้สึกเหนื่อย
“พ่อเสียใจที่เคยคบคนผิด เสียใจที่เคยไว้ใจคนคนหนึ่ง เสียใจที่เคยมองว่าคนคนนั้นเป็นเพื่อน ทั้งๆที่มันไม่ได้มองว่าพ่อเป็นเพื่อนเลย มันอาศัยคำว่าเพื่อนคำว่ามิตรภาพมาเอาเปรียบพ่อ”
“หมายความว่ายังไงครับ”
“ที่พ่อพูดเรื่องนี้ขึ้นมาเพราะพ่ออยากเตือนสติแก อย่าไว้ใจใครมากจนเกินไป ต่อให้จะเป็นเพื่อนที่คบกันมานาน แกก็ไม่ควรไว้ใจ พ่อไม่อยากให้แกเป็นเหมือนพ่อ”
“พ่อเล่าให้ผมฟังได้ไหม ว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
“พ่อไม่รู้ว่าแกยังจำเพื่อนพ่อที่ชื่อทรงกลดได้หรือเปล่า ถ้าพ่อไม่อยู่แล้ว พ่อขอสั่งห้ามไม่ให้แกไปยุ่งวุ่นวายกับมัน มันเป็นคนไม่ดี พ่อกลัวว่ามันจะมาหลอกแก กลัวว่ามันจะใช้ประโยชน์จากการตายของพ่อเพื่อมาหลอกลวงแก”
ที่เขาเรียกลูกชายมาวันนี้เพราะเขาอยากพูดเรื่องนี้ เขารู้ดีว่าทรงกลดเป็นคนเจ้าเล่ห์มากแค่ไหน ในวันที่เขาจากไปอีกฝ่ายอาจใช้อุบายเพื่อหาผลประโยชน์ใส่ตัว เขาจึงต้องเตือนลูกชายเอาไว้ก่อน
“พ่อไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจะไม่ยอมให้ใครมาหลอกผม ผมจะไม่ยอมให้ใครมาเอาเปรียบ ผมจะใช้ชีวิตอย่างมีสติ พ่อไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ”
ไตรฉัตรจับมือผู้เป็นพ่อ บีบเบาๆให้คำมั่นสัญญาว่าหลังจากนี้เขาจะไม่อ่อนแอ จะไม่ยอมให้ใครมาทำร้าย เขาจะใช้ชีวิตด้วยความเข้มแข็ง จะไม่ให้พ่อต้องเป็นห่วง
