บทที่ 2
“ฉิบหายแล้วแกเอ๊ย!” ทันทีที่ได้ฟังเรื่องราวตั้งแต่ต้นจนจบ พรพรรณก็ถึงกับถอนหายใจออกมาหนักๆ ตามด้วยคำสบถ พร้อมกับตบบ่าเพื่อนสนิทเบาๆ
“มาก” ญาตาวีก้มหน้าก้มตาเอ่ย สีหน้าดูเศร้าหมองชนิดที่ว่าไม่เคยเศร้าอะไรขนาดนี้มาก่อน ขนาดพ่อป่วยหนักเธอก็บอกตัวเองให้สู้ แต่พอมาเจอเรื่องนี้เข้า เรี่ยวแรงที่จะบอกให้ตัวเองสู้กลับหดหาย
“ชีวิตแกนี่ โคตะระน่าสงสารโคตรๆ” พรพรรณถอนหายใจออกมาหนักๆ แม้ชีวิตเธอจะไม่ต่างไปจากญาตาวีสักเท่าไหร่นัก แต่จะว่าไปการที่ถูกครอบครัวตัดหางปล่อยวัดไม่ติดต่อหาเลยแบบนี้ ก็อาจเป็นเรื่องดีกว่าที่ญาตาวีกำลังเผชิญอยู่ก็เป็นได้
“เออดิ พ่อไปรับปากแบบนั้นได้ยังไง ทำไมไม่ถามฉันก่อนสักคำ”
“ก็ถ้าถาม เขาจะเรียกว่าคลุมถุงชนเหรอยะ”
“พ่อฉันถูกมัดมือชกมากกว่า อุตส่าห์ไว้ใจเพื่อน สุดท้ายเป็นไง” เอ่ยจบญาตาวีก็ถอนหายใจออกมาหนักๆ ความรู้สึกที่ว่ามืดแปดด้านมันเป็นยังไง เธอก็กำลังเจอมากับตัวอยู่ในเวลานี้
“บอกความจริงพ่อแกดีไหม”
“ไม่…เพราะถ้าบอกไปแล้วเกิดพ่อฉันช็อกขึ้นมาอีก คราวนี้ฉันคงไม่โชคดี คงได้เสียพ่อไปจริงๆ แน่แก คิดแล้วก็อยากตายว่ะ” นั่นเพราะก่อนหน้านี้อาการป่วยของผู้เป็นพ่อนั้นโคม่ามาตลอด หากต้องมาฟังเรื่องนี้อาจช็อกจนเสียชีวิตได้ ซึ่งญาตาวีไม่อยากให้เป็นแบบนั้น
“ตายทั้งๆ ที่ยังจิ้นไม่ได้นะเว้ยแก ยมบาลไม่รับ” ญาตาวีหันขวับมามองหน้าเพื่อนสนิทตาขวางที่ยังจะมาเล่นมุกอะไรตอนนี้
“แล้วแกจะให้ฉันทำยังไง ให้ฉันไปนอนกับไอ้เฒ่าตัณหากลับคนนั้นอย่างนั้นเหรอ แค่คิดฉันก็ขยะแขยงจนขนลุกไปทั้งตัวแล้วเนี่ย” ไม่ใช่แค่พูดเพราะเวลานี้ญาตาวีขนลุกขนพองไปทั้งตัวแล้วจริงๆ
“งั้นแกก็จ้างใครสักคนไปเป็นแฟนปลอมๆ ดิ เหมือนในหนังในละครไง” พรพรรณเสนอทางเลือกให้ นั่นเพราะเวลานี้สมองเธอก็ตื้อๆ คิดอะไรไม่ค่อยจะออกเหมือนกัน
“จ้างใคร หันซ้ายหันขวาข้างตัวฉันก็มีแต่ผู้หญิงทั้งนั้น”
“เอ่อ…เดี๋ยวฉันช่วยหาให้ รับรองมันต้องมีสิ”
“รีบหาให้ได้ก่อนพรุ่งนี้เลยนะแก”
“พรุ่งนี้เหรอ ใครจะหาทันวะนะ” สีหน้าของพรพรรณตกใจไม่น้อย นั่นเพราะคิดว่าคงมีเวลาให้เตรียมการมากกว่านี้
“เออน่ะดิ เพราะพรุ่งนี้ฉันต้องไปจดทะเบียนสมรสกับไอ้เฒ่านั่นแล้วต้องย้ายเข้าไปอยู่ที่บ้านด้วยกันเลย อาทิตย์หน้าก็จะจัดงานแต่งงานให้ โอ๊ย...อยากตาย” ญาตาวีร้องโอดโอยออกมา รู้สึกหมดหนทางให้ไปแล้วจริงๆ
“จะเอาเงินให้แกยืมแต่ฉันก็เพิ่งโอนเงินซื้อที่ไปด้วย ตอนนี้เงินสดที่เหลืออยู่ในแบงก์เลยมีไม่มาก แกผลัดไปก่อนสักสองสามวันได้ไหมอ่ะ พอดีลูกค้านัดจ่ายค่าสินค้าช่วงนั้น รวมๆ กันก็น่าจะได้ครบ” พรพรรณเสนอทางออกให้
“คงไม่ทันว่ะแก”
“เอ้า!” หน้าตาคนข้างๆ ดูห่อเหี่ยว พรพรรณถอนหายใจออกมาหนักๆ เพราะไม่รู้จะช่วยญาตาวียังไงเช่นกัน
“อยากตายให้มันรู้แล้วรู้รอด” เสียงบ่นว่าอยากตายดังมาจากญาตาวีอีกครั้ง แม้จะพูดออกไปแบบนั้น แต่ถ้าให้ทำจริง เธอก็ไม่กล้าอยู่ดี หนึ่งคือกลัวตาย สองคือไม่อยากตัดช่องน้อยแต่พอตัวด้วยการทิ้งพ่อไว้เพียงคนเดียว เพราะถ้าไม่มีเธอแล้ว พ่อก็ไม่เหลือใครอื่นอีก
“ก็บอกแล้วตายทั้งๆ ที่ยังจิ้นยมบาลท่านไม่รับ” แม้จะเครียดแสนเครียดแต่พรพรรณก็ยังมีอารมณ์ขัน อย่างน้อยๆ ก็ทำให้อารมณ์หน่วงๆ ของญาตาวีในเวลานี้ดีขึ้นมาแม้จะไม่มากก็ตาม
“ไม่รับก็ช่าง ฉันลอยเป็นสัมภเวสีขอส่วนบุญคนนั้นคนนี้เอาได้ ดีกว่าต้องไปเป็นเมียไอ้แก่บ้ากามตัณหากลับนั่น” ญาตาวีเรียกอานนท์ชนิดไม่หลงเหลือความเคารพใดๆ ให้อีกแล้ว ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนเธอเคารพอานนท์มาก เพราะคือเพื่อนสนิทของพ่อ แต่พอรู้ธาตุแท้เธอก็เคารพไม่ลง
แต่จะให้ไปหาเงินมากมายขนาดนั้นมาไถ่อิสรภาพเธอก็จนปัญญาเช่นเดียวกัน เพราะมองไปทางไหนก็ไร้ทางออก จะไปกู้เงินนอกระบบใครมันจะให้กู้ เพราะยอดมากมายตั้งสิบๆ ล้าน
“ใจเย็นๆ ไว้ก่อน”
“เย็นยังไงแก อีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะเช้าแล้วเนี่ย...ฮือๆ” ญาตาวีร้องไห้ออกมา แม้มันจะไม่มีน้ำตาก็ตาม
“ทุกปัญหามันย่อมมีทางออกเสมอ ไหนๆ แกก็จะต้องเสียจิ้นอยู่แล้ว แถมยังต้องมาเสียแบบที่แกเลือกและปฏิเสธไม่ได้ด้วย เอางี้ไหมฉันมีวิธีเสียจิ้นแบบแฟร์ๆ มานำเสนอ” พรพรรณยักคิ้วขึ้นลงสองสามครั้ง เพราะจู่ๆ ก็มีอะไรผุดเข้ามาในสมองและไอเดียบางอย่างก็บรรเจิดเข้ามาทันที
“ยังไง เสียจิ้นแบบแฟร์ๆ”
“ก็เสียจิ้นให้คนที่แกพึงใจไงยะ ไปๆ เดี๋ยวฉันพาไป” เอ่ยจบพรพรรณก็ลากแขนญาตาวีให้ลุกจากเก้าอี้ตัวที่นั่งอยู่แบบไม่รีรอให้เพื่อนได้ซักถามรายละเอียดใดๆ
“เดี๋ยวแกเดี๋ยว”
“ไม่ดงไม่เดี๋ยวมันแล้ว เพราะงานเขากำลังจะเริ่ม”
“งานอะไรของแก” ญาตาวีที่ถูกจับยัดเข้าไปในรถโดยพรพรรณยังคงถามต่อ
“ไปถึงก็รู้เองแหละ ไปๆ ขึ้นรถ เดี๋ยวฉันขับให้เอง” พรพรรณเอ่ยรวบรัด ก่อนจะเข้ามาทำหน้าที่คนขับรถ จากนั้นก็ขับรถมุ่งหน้าไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง ซึ่งมันเป็นความลับเฉพาะสมาชิกเท่านั้น งานนี้ก็จะมีแค่สมาชิกที่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปภายในสถานที่จัดงานได้ โดยสามารถพาเพื่อนสาวเข้างานเพิ่มได้อีกหนึ่ง แม้เธอปฏิเสธการเข้าร่วมงานไปแล้ว แต่เปลี่ยนใจตอนนี้ก็คงไม่เสียหายอะไร
ตลอดทางที่นั่งรถอยู่นั้น ญาตาวีก็ซักไซ้ถามพรพรรณว่าจะพาเธอไปที่ไหน ไปทำอะไร ยังไง แต่สุดท้ายพรพรรณก็เอาแต่ยิ้มแล้วบอกให้เพื่อนใจเย็นๆ รับรองว่ามันไม่มีอะไรน่ากลัวสักนิด
กระทั่งรถมาจอดหน้าเซฟเฮาส์แห่งหนึ่ง ที่ภายนอกนั้นเหมือนโกดังร้างไม่มีผิด แต่ทันทีที่ขับรถเข้าไปข้างในทุกอย่างเปลี่ยนไปในทันที เพราะภายในตกแต่งอย่างหรูหราราวกับอยู่คนละโลก สวยเสียจน ญาตาวีมองตาค้าง เพราะไม่คิดว่าหลังประตูเก่าๆ จะถูกออกแบบและตกแต่งได้ลงตัวสวยขนาดนี้
“ที่นี่มันที่ไหนวะแก”
“เซฟเฮาส์ลับของเหล่าสาวโสด” คำตอบของพรพรรณทำเอาคนฟังหูผึ่ง
“หืม…อย่าบอกนะว่าแกเคยมาที่นี่”
“ก็แค่ครั้งสองครั้ง” พรพรรณหันมายักคิ้วให้คนข้างๆ นั่นเพราะเธอเคยมาปาร์ตี้อะไรทำนองนี้บ้าง ซึ่งครั้งแรกที่มาคือมากับลูกค้า ซึ่งเธอมองว่าสนุกดีและไม่ได้ทำอะไรเสียหายเกินขอบเขต แต่ถ้าต้องการอะไรที่เร้าใจก็สามารถเลือกได้ จะว่าไปเธอก็แค่แอบคิดแต่ยังไม่เคยทำจริงๆ จังๆ เหมือนกัน
“แค่ครั้งสองครั้งแต่ได้บัตรวีไอพี ฉันว่าแกไม่ธรรมดาแล้วนะ” เอ่ยจบญาตาวีก็ก้มมองบัตรวีไอพีในมือ เพราะแค่รถไปจอดเทียบหน้าประตู ก็จะมีการ์ดร่างยักษ์เข้ามาสอบถามบัตรสมาชิกทันที ถ้ามีก็ให้เข้าได้ แต่ถ้าไม่มีก็ไล่กลับ
“เออน่ะ แกอย่าสงสัยอะไรมาก เข้าไปข้างในกัน งานจะเริ่มแล้ว” พรพรรณยักคิ้วให้เพื่อนรัก ก่อนจะพาไปยังห้องวีไอพีซึ่งมันก็มีความวีไอพีสมชื่อ ทั้งการตกแต่งห้องทั้งการบริการล้วนแล้วแต่มากกว่าสมาชิกธรรมดาทั่วไป แต่ก็ใช่ว่าในห้องจะมีเพียงญาตาวีกับพรพรรณแค่สองคนเท่านั้น เพราะมีแขกวีไอพีอีกสี่ห้าคนนั่งอยู่ด้วย ซึ่งแต่ละคนดูจะกระเป๋าหนักพร้อมเปย์ทั้งนั้น
