บท
ตั้งค่า

ตอนที่13.เพียงพริบตา

เพียงพริบตา เคอหลิ่งหลินก็ใช้วิชาตัวเบากระโจนออกจากห้องเก็บยาไป มู่ฟางเหนียงได้แต่ยิ้ม นางเป็นลูกสาวคนเดียวที่บิดาเอาแต่ทุ่มเทชีวิตเพื่อรักษาผู้อื่น ทว่านางก็ไม่เคยคิดน้อยใจอะไรเพราะเข้าใจในสิ่งที่บิดาทำ แม้จะแรมรอนร่อนเร่อยู่นานจนเหมือนจะคุ้นชิน แต่เอาเข้าจริงนางก็ยังเหงาอยู่บ้างและใช้วิธีศึกษาตำรายาต่างๆ เพื่อแบ่งเบาภาระของบิดา

ทว่าเมื่อได้พบกับ ‘พี่หลิ่งหลิน’ ชีวิตนางก็เปลี่ยนไป แม้จะไม่รู้ว่า ‘พี่หลิ่งหลิน’ ของนางเป็นใคร ทำอะไรกันแน่ แต่ก็รู้สึกว่านางเป็นคนดีที่เชื่อใจได้ นางจะเชี่ยวชาญการรักษาที่บิดาถ่ายทอดความรู้ให้ ทว่านางกลับอ่อนด้อยเรื่องทิศทางยิ่งนัก นางเป็นคนที่จำเส้นทางไม่ค่อยเม่นยำมักหลงทางอยู่บ่อยๆ เพราะอย่างนี้นางจึงไม่ค่อยออกไปไหน เพราะเกรงตัวเองจะเป็นภาระผู้อื่น แต่เมื่อเคอหลิ่งหลินมาหานางจึงได้ไปโน้นไปนี่บ่อยขึ้น โดยเฉพาะขึ้นเขาหาสมุนไพรให้บิดา

“อยากเห็นผู้ชายที่ทำให้พี่หลิ่งหลินฝึกเพลงขลุ่ยจริงๆ”

มู่ฟางเหนียงยิ้มแล้วลุกขึ้นไปหน้าบ้านซึ่งเป็นทั้งโรงหมอและที่พักอาศัย ปีนี้นางอายุสิบหกแล้วมีแม่สื่อมาทาบทามหลายครั้งแต่นางก็ยังอยากอยู่กับบิดาเช่นนี้ และบิดาก็ตามใจนาง

สักวันนางคงเจอใครสักคน ที่ทำให้นางอยากบรรเลงเพลงขลุ่ยแสนหวาน เหมือนอย่างที่พี่หลิ่งหลินก็เป็นได้.

หญิงสาวในชุดเสื้อผ้าเนื้อหยาบเดินเร็วๆ ตามแผ่นหลังของท่านหมอมู่โดยรักษาระยะห่างไม่เข้าใกล้จนอีกฝ่ายรู้ตัว แค่เพียงคิดถึงคุณชายเฉินผู้ที่มักจะอยู่ในชุดสีขาวปักลายเมฆผู้นั้น ใบหน้าของเคอหลิ่งหลินก็ปรากฏรอยยิ้มอย่างมิรู้ตัว คุณชายผู้งามสง่าและมีแววตาอ่อนโยนอยู่เสมอกลับมีร่างกายอ่อนแอ

เขามักเจ็บป่วยอยู่บ่อยครั้งซึ่งไม่ใช่เรื่องน่ายินดีนัก ทว่าทุกครั้งที่เขาต้องมาพักฟื้นร่างกายจะเดินทางมาพักบ้านสกุลเหวินซึ่งเป็นเศรษฐีมีชื่อเสียงโด่งดัง แต่เรื่องอื่นใดนั้นเคอหลิ่งหลินหาได้สนใจไม่ จิตใจของนางอยู่ที่คุณชายเฉินเพียงผู้เดียว

เมื่อสองปีก่อน เพิ่งเสร็จศึกขับไล่พวกชนเผ่าที่หมายจะแผ่อาณาเขตเข้ามา ใช้เวลานานเกือบเดือนจนขับไล่ร่นให้กลับไปที่เดิมได้ ขณะนั้นนางยังไม่ได้พบกับมู่ฟางเหนียง ท่านแม่มักจะเชิญครูมาช่วยสอนนางเล่นดนตรีบ้าง แต่งโคลงกลอนบ้าง วาดรูปบ้าง นอกจากเพลงกระบี่แล้วดูท่านางเอาดีไม่ได้เรื่องพวกนี้ได้เลย หลังจากฝึกซ้อมกับเหล่าทหารแล้ว นางอยากไปเดินเล่นให้ตนเองผ่อนคลายบ้าง จึงตัดสินใจเดินดูข้าวของในตลาด ระหว่างทางหญิงสาวได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือ

“ใครก็ได้ช่วยจับโจรวิ่งราวที”

เคอหลิ่งหลินผู้ซึ่งทนเห็นใครเดือดร้อนไม่ได้ นางกระโดดเข้าขวางชายร่างใหญ่ ใช้เพียงกระบี่ไม้ไผ่ที่พกติดตัวอยู่เสมอ ชักออกมาขู่อีกฝ่าย แต่กลับเรียกเสียงหัวเราะของมัน

“แค่กระบี่ไม้ไผ่ คิดจะขู่ให้ข้ากลัวเรอะ”

“ข้าไม่ได้แค่คิด แต่ข้าเชื่อว่าเจ้าจะต้องกลัวกระบี่ของข้า” เคอหลิ่งหลินพลิกข้อมือสะบัดกระบี่ไม้ไผ่ในมือพุ่งใส่ชายร่างยักษ์ แม้จะเป็นเพียงกระบี่ไม้ไผ่ ทว่าเมื่อผสานไปกับวรยุทธที่นางฝึกฝนมาตั้งแต่เด็กทำให้กระบี่ไม้ส่งพลังกระแทกอีกฝ่ายจนหงายหลังกระเด็นไปก้นกระแทกพื้น

“โอ๊ย!”

“ขออภัยพี่ชาย ข้ามิทันออมมือให้” นางกระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์

“ข้าเผลอหรอก” มันลุกขึ้นได้ก็พุ่งตัวเข้าใส่ แต่เข้ามาได้ไม่กี่ก้าวก็ถูกกระบี่ไม้ไผ่ของเคอหลิ่งหลินเล่นงานจนหมอบราบคาบและยอมคืนถุงเงินให้

“ไม่ทำตัวเป็นโจรเป็นขโมยก็ไม่เจ็บตัวอย่างนี้หรอก” นางอดสั่งสอนไม่ได้ รับถุงเงินมาแล้วหมุนตัวมองหาเจ้าของถุงเงิน นางได้ยินเสียงผู้หญิงวัยกลางคนตะโกนเรียกจึงมองหาคนที่น่าจะเป็นเจ้าของ

“ของท่านป้าใช่ไหมเจ้าคะ” หญิงสาวเอ่ยถามเมื่อเห็นหญิงวัยสี่สิบยืนมองถุงผ้าใส่เงินในมือของเธอ

“ขอบใจแม่นางมากนะ” นางยื่นมือมารับ

“ไม่เป็นไรๆ เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น”

เคอหลิ่งหลินหัวเราะปากกว้างแล้วยกหลังมือเช็ดเหนื่อย นางไม่ได้เหนื่อยเพราะสู้กับเจ้าโจรกระจอก แต่เพลียที่ซ้อมหมัดมวยกับพวกทหารต่างหาก แต่สายตาของนางเหลือบไปเห็นชายแขนเสื้อที่หลุดรุ่ย นางยกแขนขึ้นระดับสายตาแล้วหัวคิ้วก็ขมวดยุ่ง เอาแล้ว นางต้องโดนท่านแม่ดุแน่ๆ แม้นางออกจากบ้านจะสวมเสื้อผ้าเนื้อหนาชุดเก่าๆ เพราะนางชอบเผลอชายผ้าไปเกี่ยวโน้น เกี่ยวนี่ตลอดจนชุนเอ๋อร์ต้องคอยลำบากซ่อมเสื้อผ้าให้เสมอ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel